Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ นโยบายคุกกี้

เปรียบเทียบประกันชีวิต ง่าย ๆ ภายใน 30 วินาที กับ

Rabbit Care

Top-Banner-desktop-New-main-page-top-banner.jpg

พินัยกรรมคืออะไร? เขียนเองได้หรือไม่? ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?

การวางแผนส่งต่อมรดกนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกในครอบครัวเยอะและมีทรัพย์สินที่ต้องการจะจัดสรรแบ่งปันกันภายในครอบครัวตามความเหมาะสมและความต้องการ ดังนั้นพินัยกรรมจึงเป็นตัวช่วยสำคัญในการจัดสรรปันส่วนทรัพย์สินที่มีให้ถูกส่งต่อไปยังบุคคลอันเป็นที่รักของเราตรงตามความต้องการที่วางไว้ การทำพินัยกรรม คืออะไร? สำคัญอย่างไร? ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในการทำแรบบิท แคร์มีคำตอบ

พินัยกรรม คืออะไร?

พินัยกรรมในประเทศไทยเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการโอนทรัพย์สินและสิทธิ์ต่าง ๆ จากบุคคลที่ถึงแก่ความตายไปยังบุคคลอื่น พินัยกรรมมีความสำคัญเนื่องจากมีผลต่อสิทธิและหน้าที่ของผู้สืบทรัพย์ และเป็นกระบวนการที่มีเจตนาในการรักษาสิทธิ์และการกระจายทรัพย์สินให้แก่ผู้มีสิทธิ์ในทรัพย์ เช่น ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ เงินสด หรือทรัพย์สินอื่น ๆ ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ รวมถึงสิทธิเรียกร้องหนี้ที่ยังค้างชำระอยู่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย

หากผู้ถึงแก่ความตายไม่ได้กำหนดไว้ในพินัยกรรมว่าทรัพย์สินจะเป็นของผู้ใด กฎหมายจะกำหนดลำดับของผู้มีสิทธิ์ในทรัพย์โดยลำดับจะเรียงตามสายเลือด ซึ่งคู่สมรสและบุตรจะเป็นทายาทลำดับแรกที่มีสิทธิ์ได้รับทรัพย์ ในกรณีที่ผู้ถึงแก่ความตายไม่มีคู่สมรสและบุตร ก็จะเป็นทายาทในลำดับพี่น้องต่อไป โดยสรุปก็คือ เมื่อผู้ถึงแก่ความตายได้ทำพินัยกรรมไว้ จะต้องแบ่งทรัพย์สินตามข้อกำหนดในพินัยกรรมที่ผู้ถึงแต่ความตายได้ระบุไว้ หากปรากฏว่าผู้ตายไม่ได้พินัยกรรมไว้หรือทำพินัยกรรมไว้ ให้แบ่งทรัพย์มรดกนั้น ๆ แก่ทายาทโดยธรรม

การแบ่งทรัพย์สินในทายาทลำดับขั้นต่าง ๆ


หากผู้ถึงแก่ความตายมีทายาทในลำดับต่าง ๆ ทายาทในลำดับแรกจะได้รับมรดกก่อน และทายาทในลำดับที่ต่ำกว่านั้นไม่มีสิทธิ์ในการรับมรดก ยกเว้นในกรณีที่มีทายาทในลำดับที่ 1 แต่ทายาทลำดับที่ 1 ถึงแก่ความตายและมีผู้รับมรดกแทนที่อยู่แล้วและบิดาหรือมารดาที่เป็นทายาทลำดับที่ 2 ยังมีชีวิตอยู่ ในกรณีนี้บิดาหรือมารดาจะได้รับมรดกเหมือนกับทายาทชั้นบุตร กล่าวง่าย ๆ ก็คือถ้าบุตรและบิดาหรือมารดาของผู้ถึงแก่ความยังมีชีวิตอยู่ บิดาหรือมารดาจะมีสิทธิ์ในการรับมรดก

ส่วนในกรณีการรับมรดกแทนที่นั้น หากทายาทลำดับที่ 1, 3, 4 หรือ 6 ถึงแก่ความตายก่อนเจ้ามรดก ผู้สืบสันดานของทายาทดังกล่าวจะได้รับมรดกแทนที่ หากผู้สืบสันดานก็ตายเช่นเดียวกัน ผู้สืบสันดานของผู้สืบสันดานนั้นจะได้รับมรดกแทนที่ และเช่นนี้ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นสุดสายการสืบทรัพย์ หากทายาทลำดับที่ 2 หรือ 5 ถึงแก่ความตายก่อนเจ้ามรดก จะไม่อนุญาตให้มีการรับมรดกแทนที่ต่อไป

ทายาทคัดค้านพินัยกรรม ได้หรือไม่?


ในปัจจุบันในระบบกฎหมายของประเทศไทย ทายาทสามารถคัดค้านการพินัยกรรมได้ โดยต้องมีเหตุผลที่ชัดแจ้งและอ้างอิงตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ความสามารถในการคัดค้านนั้นจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและข้อกำหนดที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และอาจจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและเวลาที่กำหนดไว้ในกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อให้ได้รับการพิจารณาจากศาลตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย

การทำพินัยกรรม มีกี่แบบ?

ในการทำพินัยกรรมนั้นสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ โดยรูปแบบการเขียนพินัยกรรมหรือการทำพินัยกรรมนั้นจะมีอยู่ทั้งหมด 6รูปแบบดังต่อไปนี้

  1. พินัยกรรมแบบธรรมดา : การทำพินัยกรรมแบบนี้จะเริ่มต้นด้วยการเขียนหรือพิมพ์ข้อความพินัยกรรมลงบนกระดาษ จำนวนแผ่นก็ได้ตามที่ต้องการในการแจกแจงรายละเอียด และต้องระบุวันที่และเดือนปีที่ทำให้ชัดเจน สำหรับวิธีนี้ผู้ทำพินัยกรรมจะต้องลงลายมือชื่อต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คนพร้อมกัน และพยาน 2 คนจะต้องลงลายมือชื่อเพื่อรับรองการทำพินัยกรรมในขณะที่กำลังทำ

  2. พินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ : วิธีการทำพินัยกรรมแบบนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเนื่องจากเป็นการทำพินัยกรรมโดยผู้ทำเขียนขึ้นด้วยตัวเองและไม่จำเป็นต้องมีพยาน วิธีการคือผู้ทำพินัยกรรมจะต้องเขียนพินัยกรรมด้วย "ลายมือตนเอง" ทั้งฉบับ และต้องระบุวันที่และเดือนปีที่ทำพินัยกรรมให้ชัดเจน และอย่าลืมลงลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมด้วย ในกรณีนี้ การทำพินัยกรรมสามารถรับรู้ได้หากมีพยานหรือไม่มีก็ได้

  3. พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง : การทำพินัยกรรมในรูปแบบนี้จะมีการเข้าร่วมของเจ้าหน้าที่รัฐเป็นส่วนร่วมด้วย ผู้ทำพินัยกรรมจะต้องไปแจ้งความประสงค์โดยให้ถ้อยคำหรือข้อความที่ต้องการใส่ในพินัยกรรมของตนกับเจ้าพนักงาน ที่สำนักงานเขตสำหรับกรุงเทพฯ หรือที่ว่าการอำเภอสำหรับจังหวัดอื่น พร้อมกับพยานอย่างน้อย 2 คนพร้อมกัน (ถ้ามีการร้องขอ สามารถทำนอกที่ว่าการอำเภอได้) เจ้าพนักงานจะบันทึกข้อความตามที่ได้รับแจ้ง และอ่านข้อความให้ผู้ทำพินัยกรรมและพยาน 2 คนฟัง หากถูกต้องและครบถ้วน ผู้ทำพินัยกรรมพร้อมพยาน 2 คนจะลงลายมือชื่อ ต่อจากนั้น เจ้าพนักงานจะลงลายมือชื่อ และระบุวันที่และเดือนปีที่ทำพินัยกรรม และประทับตราตำแหน่งไว้ด้วย

  4. พินัยกรรมแบบเอกสารลับ : ผู้ทำพินัยกรรมจะทำพินัยกรรม (เขียนหรือพิมพ์) และลงลายมือชื่อตัวเอง หลังจากนั้นจะปิดเอกสารพินัยกรรมและลงลายมือชื่อทับบนผนึกเอกสาร จากนั้นให้นำเอกสารพินัยกรรมที่ปิดและลงลายมือชื่อทับแล้ว ไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่สำนักงานเขต (กรุงเทพฯ) หรือที่ว่าการอำเภอ (จังหวัดอื่นๆ) พร้อมกับพยานอย่างน้อย 2 คน และแจ้งให้ทราบว่าเอกสารพินัยกรรมนี้เป็นของตนเอง เจ้าพนักงานจะบันทึกข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมแจ้ง และลงวันที่เดือนปีที่ทำพินัยกรรมบนซอง พร้อมกับประทับตราตำแหน่ง ผู้ทำพินัยกรรม พยาน และเจ้าพนักงานต้องลงลายมือชื่อบนซองที่ปิดผนึก

  5. พินัยกรรมแบบทำด้วยวาจา : การทำพินัยกรรมแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้ต้องการทำพินัยกรรมอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถทำพินัยกรรมตามแบบที่กฎหมายกำหนดได้ เช่น อยู่ในที่อันตราย ฯลฯ ในกรณีนี้สามารถทำพินัยกรรมแบบทำด้วยวาจาได้ โดยผู้ทำพินัยกรรมจะต้องแสดงเจตนาทำพินัยกรรมต่อหน้า "พยาน" อย่างน้อย 2 คนพร้อมกัน พยานจะต้องรับฟังข้อความนั้น และแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ราชการโดยเร็วที่สุด คือไปยังสำนักงานเขต (กรุงเทพฯ) หรือที่ว่าการอำเภอ (จังหวัดอื่นๆ) โดยแจ้งข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมสั่งให้ด้วยวาจา พร้อมกับระบุวัน เดือน ปี และสถานที่ทำพินัยกรรม รวมถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย เจ้าหน้าที่จะบันทึกข้อความที่ได้รับแจ้ง และให้พยานที่มาแจ้งลงลายมือชื่อ (ในกรณีที่ไม่สามารถลงลายมือชื่อได้ ให้พิมพ์ลายนิ้วมือแทน) และต้องมีพยานอย่างน้อย 2 คนลงลายมือชื่อเพื่อรับรอง

  6. พินัยกรรมแบบทำตามกฎหมายต่างประเทศ : กรณีคนไทยที่อยู่ต่างประเทศต้องการทำพินัยกรรม คุณสามารถเลือกทำตามแบบกฎหมายของประเทศที่คุณอยู่ หรือจะทำตามแบบกฎหมายไทยก็ได้ หากคุณต้องการทำตามกฎหมายไทย ในกรณีที่ต้องการทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง พินัยกรรมแบบเอกสารลับและพินัยกรรมแบบวาจา ซึ่งต้องมีเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานร่วมด้วย อำนาจและหน้าที่ของนายอำเภอจะถูกมอบให้แก่พนักงานทูตหรือฝ่ายกงสุลฝ่ายไทย หรือจะมอบให้กับพนักงานใด ๆ ที่มีอำนาจตามกฎหมายของประเทศนั้นเป็นผู้รับบันทึกข้อแจ้งความเป็นหลักฐานได้

เอกสารที่ต้องนำไปยื่นประกอบการขอรับมรดก


  1. หนังสือแสดงสิทธิ์
  2. ใบมรณะบัตรของเจ้ามรดกและทายาทที่ตาย
  3. ทะเบียนสมรส หย่า ของเจ้ามรดก
  4. ทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวของทายาทที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกคน
  5. ทายาทที่มีสิทธิรับมรดกต้องไปสำนักงานที่ดิน หรือ นำเอกสารในการสละมรดกไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่

การเขียนพินัยกรรม ตัวอย่างทำอย่างไร? การเขียนพินัยกรรม ต้องมีอะไรบ้าง?

  • กรณีการเขียนพินัยกรรมแบบธรรมดา
  1. ต้องทำเป็นหนังสือ โดยจะเขียนหรือพิมพ์ก็ได้
  2. ต้องลงวัน เดือน ปี ในขณะที่ทำ
  3. ต้องลงลายมือชื่อต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คนพร้อมกัน โดยจะลงลายมือชื่อหรือพิมพ์นิ้วมือก็ได้
  • กรณีการเขียนพินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ
  1. ต้องเขียนด้วยลายมือของตนเองทั้งฉบับ ใช้พิมพ์ไม่ได้
  2. จะมีพยานหรือไม่มีก็ได้
  3. ต้องลงวัน เดือน ปี ในขณะที่ทำ
  4. ต้องลงลายมือชื่อ จะใช้ลายพิมพ์นิ้วมือหรือเครื่องหมายอื่นไม่ได้
  • กรณีการเขียนพินัยกรรมแบบเป็นเอกสารฝ่ายเมือง
  1. ยื่นคำร้องขอให้นายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต ณ อำเภอหรือเขตใดก็ได้ ดำเนินการให้
  • กรณีการทำพินัยกรรมแบบเอกสารลับ : ยื่นคำร้องขอให้นายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต ณ อำเภอหรือเขตใดก็ได้ โดยปฏิบัติดังนี้
  1. ต้องมีข้อความเป็นพินัยกรรมและลงลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรม
  2. ผู้ทำพินัยกรรมต้องผนึกพินัยกรรม แล้วลงลายมือชื่อคาบรอยผนึก
  3. ผู้ทำพินัยกรรมต้องนำพินัยกรรมที่ผนึกนั้น ไปแสดงต่อนายอำเภอและพยานอย่างน้อย 2 คน
  4. เมื่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขตจดถ้อยคำของผู้ทำพินัยกรรม และวัน เดือน ปี ที่ทำพินัยกรรมมาแสดงไว้ในซองพับและประทับตราประจำตำแหน่งแล้ว นายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต ผู้ทำพินัยกรรม และพยานลงลายมือชื่อบนซองนั้น
  • กรณีการทำพินัยกรรมทำด้วยวาจา
  1. ใช้เฉพาะกรณีที่เกิดเหตุการณ์พิเศษ ไม่สามารถทำพินัยกรรมตามแบบอื่นที่ได้ เช่น ตกอยู่ในอันตราย ใกล้เสียชีวิต เกิดโรคระบาด หรือ สงคราม ทั้งนี้ พินัยกรรมจะหมดอายุภายใน 1 เดือนนับจากผู้ทำพินัยกรรมกลับมาทำพินัยกรรมแบบอื่นได้
  2. แสดงเจตนาต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คน ซึ่งอยู่พร้อมกัน ณ ที่นั้น
  3. พยานทั้งหมดต้องไปแสดงตนและแจ้งให้นายอำเภอทราบถึงข้อความพินัยกรรม และสาเหตุที่ต้องทำพินัยกรรมด้วยวาจา
  • กรณีการเขียนพินัยกรรมแบบทำตามกฎหมายต่างประเทศ
  1. กรณีคนไทยที่อยู่ต่างประเทศต้องการทำพินัยกรรม หากทำตามแบบกฎหมายไทย ในกรณีพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง พินัยกรรมแบบเอกสารลับ และพินัยกรรมแบบวาจา ซึ่งสำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้อง ก็ให้อำนาจหน้าที่ดังกล่าวเป็นของบุคคลต่อไปนี้แทน ก. พนักงานทูตหรือกงสุลฝ่ายไทย ข. พนักงานที่มีอำนาจตามกฎหมายของประเทศที่ทำพินัยกรรม เป็นผู้รับบันทึกข้อแจ้งความไว้เป็นหลักฐานก็ได้

การเปิด พินัยกรรมคืออะไร?

การเปิดพินัยกรรมเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ทำพินัยกรรมต้องการจัดทำเอกสารที่ระบุถึงสิทธิ์และสิ่งของที่ต้องการส่งต่อให้กับผู้รับมรดก กระบวนการเปิดพินัยกรรมมักใช้เพื่อแจกแจงลักษณะและรายละเอียดของมรดก ซึ่งอาจเป็นทรัพย์สิน ทรัพย์สมรส หรือสิทธิ์ต่าง ๆ ตามที่ผู้ทำพินัยกรรมต้องการส่งต่อให้กับคนในครอบครัวที่รักหลังจากเสียชีวิตไปแล้ว โดยกระบวนการเปิดพินัยกรรมส่วนใหญ่นั้นสำคัญที่ต้องมีการเขียนเอกสารที่ระบุรายละเอียดของพินัยกรรม มักประกอบด้วย

  • ชื่อและที่อยู่ของผู้ทำพินัยกรรม : ระบุชื่อและที่อยู่ของผู้ทำพินัยกรรม
  • วัตถุประสงค์ของพินัยกรรม : ระบุสิ่งที่ผู้ทำพินัยกรรมต้องการส่งต่อให้กับผู้รับมรดก
  • ผู้รับมรดก : ระบุชื่อและที่อยู่ของนักรับมรดกหรือผู้รับมรดก
  • สิทธิประโยชน์ : ระบุสิทธิประโยชน์และสิ่งที่ผู้รับมรดกจะได้รับหลังจากการเสียชีวิตของผู้ทำพินัยกรรม
  • ระบุเจตนาและลงลายมือ : ควรมีการระบุเจตนาในการเปิดพินัยกรรมและลงลายมือของผู้ทำพินัยกรรมเป็นหลักฐานว่าเอกสารนี้เป็นเอกสารที่ถูกต้องและถูกต้องตามความต้องการของผู้ทำพินัยกรรม

การเปิดพินัยกรรมทำได้หลากหลายวิธี อาจเป็นการเขียนพินัยกรรมแบบเอกสาร ทำพินัยกรรมแบบลับ หรือใช้วาจาในกรณีที่มีเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ต้องทำพินัยกรรมเร่งด่วน การเลือกวิธีการเปิดพินัยกรรมเหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและความสะดวกของผู้ทำพินัยกรรม แต่ควรให้ความสำคัญในการเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและมั่นใจในความถูกต้องและความถูกต้องของเอกสาร ก่อนส่งต่อให้กับผู้รับมรดก

สิ่งที่ควรระมัดระวังในการทำพินัยกรรม

ในการทำพินัยกรรมให้เสร็จสมบูรณ์โดยไม่เป็นโมฆะภายหลังนั้นยังมีข้อควรระวังที่ควรจำไว้ ดังนี้

  1. พินัยกรรมต้องทำตามแบบที่กำหนดไว้เท่านั้น
  2. ผู้ทำพินัยกรรมต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์
  3. ผู้รับพินัยกรรมหรือคู่สมรสของผู้รับพินัยกรรมไม่สามารถเป็นพยานในการทำพินัยกรรมได้
  4. ผู้ที่เป็นพยานต้องไม่เป็นเยาว์หรือผู้หย่อนความสามารถ และไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในมรดก
  5. ควรจะระบุผู้จัดการมรดกไว้ในพินัยกรรมได้โดยผู้ทำพินัยกรรมสามารถระบุผู้ที่เจ้ามรดกไว้ใจลงในพินัยกรรมได้เลย
  6. สิทธิ์ หน้าที่ และความรับผิดชอบสามารถกำหนดในพินัยกรรมได้
  7. ทรัพย์สินที่ระบุในพินัยกรรมต้องเป็นทรัพย์สินหรือสิทธิ์ของผู้ทำพินัยกรรมเท่านั้น และต้องแยกสินส่วนตัวออกจากสินสมรส
  8. เงินประกันชีวิต เงินบำเหน็จตกทอด เงินมีบำนาญตกทอด เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ตกทอดไม่สามารถระบุเป็นมรดกในพินัยกรรมได้ เนื่องจากไม่ใช่ทรัพย์สินที่เจ้ามรดกมีอยู่ก่อนตาย

อีกหนึ่งทางเลือกในการส่งต่อมรดกให้คนที่คุณรักนอกจากพินัยกรรม คือการทำประกันชีวิต!

การวางแผนเรื่องมรดกและพินัยกรรมเป็นเรื่องที่สำคัญและควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะถ้าคุณอยากให้คนที่คุณรักได้รับสิทธิ์และสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสมหลังจากคุณเสียชีวิตไปแล้ว แต่บางครั้งการวางแผนดังกล่าวอาจทำให้คุณรู้สึกกังวลหรือสับสน โชคดีที่คุณมีทางเลือกที่ดีในการส่งต่อมรดกให้คนที่คุณรัก นั่นก็คือ "ประกันชีวิต"

เพราะประกันชีวิตเป็นการลงทุนที่สามารถปกป้องคุณและคนที่คุณรักในช่วงเวลาที่เกิดเหตุไม่คาดคิดได้ และช่วยทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคนที่คุณรักจะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากบริษัทประกัน ซึ่งเป็นทุนประกันชีวิตที่คุณได้วางแผนทำเอาไว้ให้เมื่อคุณไม่อยู่ในโลกนี้อีกต่อไป เนื่องจากประกันชีวิตสามารถส่งต่อทุนประกันที่เป็นเสมือนมรดกให้กับคนที่คุณรักที่เป็นวิธีที่ทำง่ายและขั้นตอนน้อยกว่าการทำพินัยกรรม และสามารถจะทำควบคู่ไปกับการทำพินัยกรรมได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่กำลังเริ่มต้นในการวางแผนเรื่องมรดกหรือคนที่ต้องการปรับปรุงแผนใหม่ ไม่ว่าเหตุผลใด ๆ การเลือกประกันชีวิตเพื่อส่งต่อมรดกให้คนที่คุณรักเป็นทางเลือกที่ดีในการวางแผนทางการเงินเพื่อส่งต่อความมั่นคงทางการเงินได้ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงชีวิตใดๆ การวางแผนเรื่องพินัยกรรมและมรดกให้เป็นทางเลือกที่ดีคือสิ่งที่ควรทำเพื่อให้คุณและคนที่คุณรักมีความสุขและมั่นคงในเวลาที่คุณไม่อยู่อีกต่อไป!

ประกันชีวิตที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ

ไทยประกันชีวิต แฮปปี้มีเงินใช้

ประกันชีวิต

  • จ่ายเบี้ย 5 ปี คุ้มครองนาน 15 ปี
  • รับเงินคืนทุกปีตลอดสัญญารับเงินคืน 521%
  • การันตีเงินคืน 3% ทุก 2 ปี
  • ลดหย่อนภาษี สูงสุดปีละ 1 แสนบาท
  • สมัครได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน - 65 ปี
  • เลือกชำระเบี้ยได้ รายเดือน, 3 เดือน และรายปี
ทรัพย์ปันผล 85/10

ประกันชีวิต

  • ชำระเบี้ยแค่ 10 ปี คุ้มครองถึงอายุ 85 ปี
  • รับเงินปันผลทุกปี ปีละ 1%
  • ครบสัญญารับเงินก้อนคืน 110%
  • ลดหย่อนภาษีได้ สูงสุด 1 แสนบาท
  • สมัครได้ตั้งแต่ อายุ 1 เดือน - 60 ปี
ประกันชีวิต “ไทยประกันชีวิต”

ประกันชีวิต

  • คุ้มครองจากอุบัติเหตุ เพิ่มสูงสุด 1 แสนบาท
  • กรณีนอน รพ. รับเงินชดเชย 500 บาท/วัน
  • รับเงินคืนตลอด สัญญารวม 174%
  • เบี้ยเริ่มต้นวันละ 16 บาท
  • สมัครได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน - 55 ปี
  • ลดหย่อนภาษี ได้สูงสุด 1 แสนบาท
บุพการี มีเงินใช้

ประกันชีวิต

  • ผลประโยชน์ตลอดสัญญา สูงสุด 8 แสนบาท
  • ครบกำหนดสัญญา รับเงินคืนสูงสุด 6 แสนบาท
  • อายุ 75 ปี มีเงินคืน สูงสุด 2 แสนบาท
  • คุ้มครองนาน ถึงอายุ 90 ปี
  • สมัครได้ตั้งแต่ อายุ 50 - 70 ปี

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา