Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้
info
🎵 เดือน 10 นี้!! Rabbit Care แจกลำโพง Marshall Emberton 2 และ Rabbit Voucher มูลค่ารวม 13,490 บาท แค่สมัครบัตรฯ UOB ผ่าน Rabbit Care คลิก! 💳

เปรียบเทียบประกันชีวิต ง่าย ๆ ภายใน 30 วินาที กับ

Rabbit Care

Top-Banner-desktop-New-main-page-top-banner.jpg
user profile image
เขียนโดยNok Srihongวันที่เผยแพร่: Aug 18, 2023
พินัยกรรมคืออะไร? เขียนเองได้หรือไม่? ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?

การวางแผนส่งต่อมรดกนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกในครอบครัวเยอะและมีทรัพย์สินที่ต้องการจะจัดสรรแบ่งปันกันภายในครอบครัวตามความเหมาะสมและความต้องการ ดังนั้นพินัยกรรมจึงเป็นตัวช่วยสำคัญในการจัดสรรปันส่วนทรัพย์สินที่มีให้ถูกส่งต่อไปยังบุคคลอันเป็นที่รักของเราตรงตามความต้องการที่วางไว้ การทำพินัยกรรม คืออะไร? สำคัญอย่างไร? ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในการทำแรบบิท แคร์มีคำตอบ

พินัยกรรม คืออะไร?

พินัยกรรมในประเทศไทยเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการโอนทรัพย์สินและสิทธิ์ต่าง ๆ จากบุคคลที่ถึงแก่ความตายไปยังบุคคลอื่น พินัยกรรมมีความสำคัญเนื่องจากมีผลต่อสิทธิและหน้าที่ของผู้สืบทรัพย์ และเป็นกระบวนการที่มีเจตนาในการรักษาสิทธิ์และการกระจายทรัพย์สินให้แก่ผู้มีสิทธิ์ในทรัพย์ เช่น ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ เงินสด หรือทรัพย์สินอื่น ๆ ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ รวมถึงสิทธิเรียกร้องหนี้ที่ยังค้างชำระอยู่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย

หากผู้ถึงแก่ความตายไม่ได้กำหนดไว้ในพินัยกรรมว่าทรัพย์สินจะเป็นของผู้ใด กฎหมายจะกำหนดลำดับของผู้มีสิทธิ์ในทรัพย์โดยลำดับจะเรียงตามสายเลือด ซึ่งคู่สมรสและบุตรจะเป็นทายาทลำดับแรกที่มีสิทธิ์ได้รับทรัพย์ ในกรณีที่ผู้ถึงแก่ความตายไม่มีคู่สมรสและบุตร ก็จะเป็นทายาทในลำดับพี่น้องต่อไป โดยสรุปก็คือ เมื่อผู้ถึงแก่ความตายได้ทำพินัยกรรมไว้ จะต้องแบ่งทรัพย์สินตามข้อกำหนดในพินัยกรรมที่ผู้ถึงแต่ความตายได้ระบุไว้ หากปรากฏว่าผู้ตายไม่ได้พินัยกรรมไว้หรือทำพินัยกรรมไว้ ให้แบ่งทรัพย์มรดกนั้น ๆ แก่ทายาทโดยธรรม

การแบ่งทรัพย์สินในทายาทลำดับขั้นต่าง ๆ

หากผู้ถึงแก่ความตายมีทายาทในลำดับต่าง ๆ ทายาทในลำดับแรกจะได้รับมรดกก่อน และทายาทในลำดับที่ต่ำกว่านั้นไม่มีสิทธิ์ในการรับมรดก ยกเว้นในกรณีที่มีทายาทในลำดับที่ 1 แต่ทายาทลำดับที่ 1 ถึงแก่ความตายและมีผู้รับมรดกแทนที่อยู่แล้วและบิดาหรือมารดาที่เป็นทายาทลำดับที่ 2 ยังมีชีวิตอยู่ ในกรณีนี้บิดาหรือมารดาจะได้รับมรดกเหมือนกับทายาทชั้นบุตร กล่าวง่าย ๆ ก็คือถ้าบุตรและบิดาหรือมารดาของผู้ถึงแก่ความยังมีชีวิตอยู่ บิดาหรือมารดาจะมีสิทธิ์ในการรับมรดก

ส่วนในกรณีการรับมรดกแทนที่นั้น หากทายาทลำดับที่ 1, 3, 4 หรือ 6 ถึงแก่ความตายก่อนเจ้ามรดก ผู้สืบสันดานของทายาทดังกล่าวจะได้รับมรดกแทนที่ หากผู้สืบสันดานก็ตายเช่นเดียวกัน ผู้สืบสันดานของผู้สืบสันดานนั้นจะได้รับมรดกแทนที่ และเช่นนี้ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นสุดสายการสืบทรัพย์ หากทายาทลำดับที่ 2 หรือ 5 ถึงแก่ความตายก่อนเจ้ามรดก จะไม่อนุญาตให้มีการรับมรดกแทนที่ต่อไป

ทายาทคัดค้านพินัยกรรม ได้หรือไม่?

ในปัจจุบันในระบบกฎหมายของประเทศไทย ทายาทสามารถคัดค้านการพินัยกรรมได้ โดยต้องมีเหตุผลที่ชัดแจ้งและอ้างอิงตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ความสามารถในการคัดค้านนั้นจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและข้อกำหนดที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และอาจจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและเวลาที่กำหนดไว้ในกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อให้ได้รับการพิจารณาจากศาลตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย

การทำพินัยกรรม มีกี่แบบ?

ในการทำพินัยกรรมนั้นสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ โดยรูปแบบการเขียนพินัยกรรมหรือการทำพินัยกรรมนั้นจะมีอยู่ทั้งหมด 6 รูปแบบดังต่อไปนี้

1. พินัยกรรมแบบธรรมดา

การทำพินัยกรรมแบบนี้จะเริ่มต้นด้วยการเขียนหรือพิมพ์ข้อความพินัยกรรมลงบนกระดาษ จำนวนแผ่นก็ได้ตามที่ต้องการในการแจกแจงรายละเอียด และต้องระบุวันที่และเดือนปีที่ทำให้ชัดเจน สำหรับวิธีนี้ผู้ทำพินัยกรรมจะต้องลงลายมือชื่อต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คนพร้อมกัน และพยาน 2 คนจะต้องลงลายมือชื่อเพื่อรับรองการทำพินัยกรรมในขณะที่กำลังทำ

2. พินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ

วิธีการทำพินัยกรรมแบบนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเนื่องจากเป็นการทำพินัยกรรมโดยผู้ทำเขียนขึ้นด้วยตัวเองและไม่จำเป็นต้องมีพยาน วิธีการคือผู้ทำพินัยกรรมจะต้องเขียนพินัยกรรมด้วย "ลายมือตนเอง" ทั้งฉบับ และต้องระบุวันที่และเดือนปีที่ทำพินัยกรรมให้ชัดเจน และอย่าลืมลงลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมด้วย ในกรณีนี้ การทำพินัยกรรมสามารถรับรู้ได้หากมีพยานหรือไม่มีก็ได้

3. พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง

การทำพินัยกรรมในรูปแบบนี้จะมีการเข้าร่วมของเจ้าหน้าที่รัฐเป็นส่วนร่วมด้วย ผู้ทำพินัยกรรมจะต้องไปแจ้งความประสงค์โดยให้ถ้อยคำหรือข้อความที่ต้องการใส่ในพินัยกรรมของตนกับเจ้าพนักงาน ที่สำนักงานเขตสำหรับกรุงเทพฯ หรือที่ว่าการอำเภอสำหรับจังหวัดอื่น พร้อมกับพยานอย่างน้อย 2 คนพร้อมกัน (ถ้ามีการร้องขอ สามารถทำนอกที่ว่าการอำเภอได้) เจ้าพนักงานจะบันทึกข้อความตามที่ได้รับแจ้ง และอ่านข้อความให้ผู้ทำพินัยกรรมและพยาน 2 คนฟัง หากถูกต้องและครบถ้วน ผู้ทำพินัยกรรมพร้อมพยาน 2 คนจะลงลายมือชื่อ ต่อจากนั้น เจ้าพนักงานจะลงลายมือชื่อ และระบุวันที่และเดือนปีที่ทำพินัยกรรม และประทับตราตำแหน่งไว้ด้วย

4. พินัยกรรมแบบเอกสารลับ

ผู้ทำพินัยกรรมจะทำพินัยกรรม (เขียนหรือพิมพ์) และลงลายมือชื่อตัวเอง หลังจากนั้นจะปิดเอกสารพินัยกรรมและลงลายมือชื่อทับบนผนึกเอกสาร จากนั้นให้นำเอกสารพินัยกรรมที่ปิดและลงลายมือชื่อทับแล้ว ไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่สำนักงานเขต (กรุงเทพฯ) หรือที่ว่าการอำเภอ (จังหวัดอื่นๆ) พร้อมกับพยานอย่างน้อย 2 คน และแจ้งให้ทราบว่าเอกสารพินัยกรรมนี้เป็นของตนเอง เจ้าพนักงานจะบันทึกข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมแจ้ง และลงวันที่เดือนปีที่ทำพินัยกรรมบนซอง พร้อมกับประทับตราตำแหน่ง ผู้ทำพินัยกรรม พยาน และเจ้าพนักงานต้องลงลายมือชื่อบนซองที่ปิดผนึก

5. พินัยกรรมแบบทำด้วยวาจา

การทำพินัยกรรมแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้ต้องการทำพินัยกรรมอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถทำพินัยกรรมตามแบบที่กฎหมายกำหนดได้ เช่น อยู่ในที่อันตราย ฯลฯ ในกรณีนี้สามารถทำพินัยกรรมแบบทำด้วยวาจาได้ โดยผู้ทำพินัยกรรมจะต้องแสดงเจตนาทำพินัยกรรมต่อหน้า "พยาน" อย่างน้อย 2 คนพร้อมกัน พยานจะต้องรับฟังข้อความนั้น และแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ราชการโดยเร็วที่สุด คือไปยังสำนักงานเขต (กรุงเทพฯ) หรือที่ว่าการอำเภอ (จังหวัดอื่นๆ) โดยแจ้งข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมสั่งให้ด้วยวาจา พร้อมกับระบุวัน เดือน ปี และสถานที่ทำพินัยกรรม รวมถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย เจ้าหน้าที่จะบันทึกข้อความที่ได้รับแจ้ง และให้พยานที่มาแจ้งลงลายมือชื่อ (ในกรณีที่ไม่สามารถลงลายมือชื่อได้ ให้พิมพ์ลายนิ้วมือแทน) และต้องมีพยานอย่างน้อย 2 คนลงลายมือชื่อเพื่อรับรอง

6. พินัยกรรมแบบทำตามกฎหมายต่างประเทศ

กรณีคนไทยที่อยู่ต่างประเทศต้องการทำพินัยกรรม คุณสามารถเลือกทำตามแบบกฎหมายของประเทศที่คุณอยู่ หรือจะทำตามแบบกฎหมายไทยก็ได้ หากคุณต้องการทำตามกฎหมายไทย ในกรณีที่ต้องการทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง พินัยกรรมแบบเอกสารลับและพินัยกรรมแบบวาจา ซึ่งต้องมีเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานร่วมด้วย อำนาจและหน้าที่ของนายอำเภอจะถูกมอบให้แก่พนักงานทูตหรือฝ่ายกงสุลฝ่ายไทย หรือจะมอบให้กับพนักงานใด ๆ ที่มีอำนาจตามกฎหมายของประเทศนั้นเป็นผู้รับบันทึกข้อแจ้งความเป็นหลักฐานได้

เอกสารที่ต้องนำไปยื่นประกอบการขอรับมรดก


  1. หนังสือแสดงสิทธิ์
  2. ใบมรณะบัตรของเจ้ามรดกและทายาทที่ตาย
  3. ทะเบียนสมรส หย่า ของเจ้ามรดก
  4. ทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวของทายาทที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกคน
  5. ทายาทที่มีสิทธิรับมรดกต้องไปสำนักงานที่ดิน หรือ นำเอกสารในการสละมรดกไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่

การเขียนพินัยกรรม ตัวอย่างทำอย่างไร? การเขียนพินัยกรรม ต้องมีอะไรบ้าง?

• กรณีการเขียนพินัยกรรมแบบธรรมดา

  1. ต้องทำเป็นหนังสือ โดยจะเขียนหรือพิมพ์ก็ได้
  2. ต้องลงวัน เดือน ปี ในขณะที่ทำ
  3. ต้องลงลายมือชื่อต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คนพร้อมกัน โดยจะลงลายมือชื่อหรือพิมพ์นิ้วมือก็ได้

• กรณีการเขียนพินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ

  1. ต้องเขียนด้วยลายมือของตนเองทั้งฉบับ ใช้พิมพ์ไม่ได้
  2. จะมีพยานหรือไม่มีก็ได้
  3. ต้องลงวัน เดือน ปี ในขณะที่ทำ
  4. ต้องลงลายมือชื่อ จะใช้ลายพิมพ์นิ้วมือหรือเครื่องหมายอื่นไม่ได้

• กรณีการเขียนพินัยกรรมแบบเป็นเอกสารฝ่ายเมือง

  1. ยื่นคำร้องขอให้นายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต ณ อำเภอหรือเขตใดก็ได้ ดำเนินการให้

• กรณีการทำพินัยกรรมแบบเอกสารลับ

ยื่นคำร้องขอให้นายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต ณ อำเภอหรือเขตใดก็ได้ โดยปฏิบัติดังนี้

  1. ต้องมีข้อความเป็นพินัยกรรมและลงลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรม
  2. ผู้ทำพินัยกรรมต้องผนึกพินัยกรรม แล้วลงลายมือชื่อคาบรอยผนึก
  3. ผู้ทำพินัยกรรมต้องนำพินัยกรรมที่ผนึกนั้น ไปแสดงต่อนายอำเภอและพยานอย่างน้อย 2 คน
  4. เมื่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขตจดถ้อยคำของผู้ทำพินัยกรรม และวัน เดือน ปี ที่ทำพินัยกรรมมาแสดงไว้ในซองพับและประทับตราประจำตำแหน่งแล้ว นายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต ผู้ทำพินัยกรรม และพยานลงลายมือชื่อบนซองนั้น

• กรณีการทำพินัยกรรมทำด้วยวาจา

  1. ใช้เฉพาะกรณีที่เกิดเหตุการณ์พิเศษ ไม่สามารถทำพินัยกรรมตามแบบอื่นที่ได้ เช่น ตกอยู่ในอันตราย ใกล้เสียชีวิต เกิดโรคระบาด หรือ สงคราม ทั้งนี้ พินัยกรรมจะหมดอายุภายใน 1 เดือนนับจากผู้ทำพินัยกรรมกลับมาทำพินัยกรรมแบบอื่นได้
  2. แสดงเจตนาต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คน ซึ่งอยู่พร้อมกัน ณ ที่นั้น
  3. พยานทั้งหมดต้องไปแสดงตนและแจ้งให้นายอำเภอทราบถึงข้อความพินัยกรรม และสาเหตุที่ต้องทำพินัยกรรมด้วยวาจา

• กรณีการเขียนพินัยกรรมแบบทำตามกฎหมายต่างประเทศ

  1. กรณีคนไทยที่อยู่ต่างประเทศต้องการทำพินัยกรรม หากทำตามแบบกฎหมายไทย ในกรณีพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง พินัยกรรมแบบเอกสารลับ และพินัยกรรมแบบวาจา ซึ่งสำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้อง ก็ให้อำนาจหน้าที่ดังกล่าวเป็นของบุคคลต่อไปนี้แทน ก. พนักงานทูตหรือกงสุลฝ่ายไทย ข. พนักงานที่มีอำนาจตามกฎหมายของประเทศที่ทำพินัยกรรม เป็นผู้รับบันทึกข้อแจ้งความไว้เป็นหลักฐานก็ได้

การเปิด พินัยกรรมคืออะไร?

การเปิดพินัยกรรมเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ทำพินัยกรรมต้องการจัดทำเอกสารที่ระบุถึงสิทธิ์และสิ่งของที่ต้องการส่งต่อให้กับผู้รับมรดก กระบวนการเปิดพินัยกรรมมักใช้เพื่อแจกแจงลักษณะและรายละเอียดของมรดก ซึ่งอาจเป็นทรัพย์สิน ทรัพย์สมรส หรือสิทธิ์ต่าง ๆ ตามที่ผู้ทำพินัยกรรมต้องการส่งต่อให้กับคนในครอบครัวที่รักหลังจากเสียชีวิตไปแล้ว โดยกระบวนการเปิดพินัยกรรมส่วนใหญ่นั้นสำคัญที่ต้องมีการเขียนเอกสารที่ระบุรายละเอียดของพินัยกรรม มักประกอบด้วย

  • ชื่อและที่อยู่ของผู้ทำพินัยกรรม : ระบุชื่อและที่อยู่ของผู้ทำพินัยกรรม
  • วัตถุประสงค์ของพินัยกรรม : ระบุสิ่งที่ผู้ทำพินัยกรรมต้องการส่งต่อให้กับผู้รับมรดก
  • ผู้รับมรดก : ระบุชื่อและที่อยู่ของนักรับมรดกหรือผู้รับมรดก
  • สิทธิประโยชน์ : ระบุสิทธิประโยชน์และสิ่งที่ผู้รับมรดกจะได้รับหลังจากการเสียชีวิตของผู้ทำพินัยกรรม
  • ระบุเจตนาและลงลายมือ : ควรมีการระบุเจตนาในการเปิดพินัยกรรมและลงลายมือของผู้ทำพินัยกรรมเป็นหลักฐานว่าเอกสารนี้เป็นเอกสารที่ถูกต้องและถูกต้องตามความต้องการของผู้ทำพินัยกรรม

การเปิดพินัยกรรมทำได้หลากหลายวิธี อาจเป็นการเขียนพินัยกรรมแบบเอกสาร ทำพินัยกรรมแบบลับ หรือใช้วาจาในกรณีที่มีเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ต้องทำพินัยกรรมเร่งด่วน การเลือกวิธีการเปิดพินัยกรรมเหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและความสะดวกของผู้ทำพินัยกรรม แต่ควรให้ความสำคัญในการเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและมั่นใจในความถูกต้องและความถูกต้องของเอกสาร ก่อนส่งต่อให้กับผู้รับมรดก

สิ่งที่ควรระมัดระวังในการทำพินัยกรรม

ในการทำพินัยกรรมให้เสร็จสมบูรณ์โดยไม่เป็นโมฆะภายหลังนั้นยังมีข้อควรระวังที่ควรจำไว้ ดังนี้

  1. พินัยกรรมต้องทำตามแบบที่กำหนดไว้เท่านั้น
  2. ผู้ทำพินัยกรรมต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์
  3. ผู้รับพินัยกรรมหรือคู่สมรสของผู้รับพินัยกรรมไม่สามารถเป็นพยานในการทำพินัยกรรมได้
  4. ผู้ที่เป็นพยานต้องไม่เป็นเยาว์หรือผู้หย่อนความสามารถ และไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในมรดก
  5. ควรจะระบุผู้จัดการมรดกไว้ในพินัยกรรมได้โดยผู้ทำพินัยกรรมสามารถระบุผู้ที่เจ้ามรดกไว้ใจลงในพินัยกรรมได้เลย
  6. สิทธิ์ หน้าที่ และความรับผิดชอบสามารถกำหนดในพินัยกรรมได้
  7. ทรัพย์สินที่ระบุในพินัยกรรมต้องเป็นทรัพย์สินหรือสิทธิ์ของผู้ทำพินัยกรรมเท่านั้น และต้องแยกสินส่วนตัวออกจากสินสมรส
  8. เงินประกันชีวิต เงินบำเหน็จตกทอด เงินมีบำนาญตกทอด เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ตกทอดไม่สามารถระบุเป็นมรดกในพินัยกรรมได้ เนื่องจากไม่ใช่ทรัพย์สินที่เจ้ามรดกมีอยู่ก่อนตาย

อีกหนึ่งทางเลือกในการส่งต่อมรดกให้คนที่คุณรักนอกจากพินัยกรรม คือการทำประกันชีวิต!

การวางแผนเรื่องมรดกและพินัยกรรมเป็นเรื่องที่สำคัญและควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะถ้าคุณอยากให้คนที่คุณรักได้รับสิทธิ์และสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสมหลังจากคุณเสียชีวิตไปแล้ว แต่บางครั้งการวางแผนดังกล่าวอาจทำให้คุณรู้สึกกังวลหรือสับสน โชคดีที่คุณมีทางเลือกที่ดีในการส่งต่อมรดกให้คนที่คุณรัก นั่นก็คือ "ประกันชีวิต"

เพราะประกันชีวิตเป็นการลงทุนที่สามารถปกป้องคุณและคนที่คุณรักในช่วงเวลาที่เกิดเหตุไม่คาดคิดได้ และช่วยทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคนที่คุณรักจะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากบริษัทประกัน ซึ่งเป็นทุนประกันชีวิตที่คุณได้วางแผนทำเอาไว้ให้เมื่อคุณไม่อยู่ในโลกนี้อีกต่อไป เนื่องจากประกันชีวิตสามารถส่งต่อทุนประกันที่เป็นเสมือนมรดกให้กับคนที่คุณรักที่เป็นวิธีที่ทำง่ายและขั้นตอนน้อยกว่าการทำพินัยกรรม และสามารถจะทำควบคู่ไปกับการทำพินัยกรรมได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่กำลังเริ่มต้นในการวางแผนเรื่องมรดกหรือคนที่ต้องการปรับปรุงแผนใหม่ ไม่ว่าเหตุผลใด ๆ การเลือกประกันชีวิตเพื่อส่งต่อมรดกให้คนที่คุณรักเป็นทางเลือกที่ดีในการวางแผนทางการเงินเพื่อส่งต่อความมั่นคงทางการเงินได้ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงชีวิตใดๆ การวางแผนเรื่องพินัยกรรมและมรดกให้เป็นทางเลือกที่ดีคือสิ่งที่ควรทำเพื่อให้คุณและคนที่คุณรักมีความสุขและมั่นคงในเวลาที่คุณไม่อยู่อีกต่อไป!

ประกันชีวิตที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ
ทรัพย์ปันผล 85/10ทรัพย์ปันผล 85/10

ไทยประกันชีวิต

  • เบี้ย 10 ปี คุ้มครอง 85 ปี
  • ครบสัญญา คืน 110% คุ้มครองถึง 85 ปี
  • เงินปันผล 1% ปีละ บำนาญ 100%
  • ลดหย่อนภาษี 100,000 บาท สูงสุด
  • อายุ 1 เดือน - 60 ปี สมัครได้
  • เบี้ยประกันรายปี, 6 เดือน, 3 เดือน, เดือน
  • ทุกอาชีพสมัครได้ ตอบโจทย์ทุกวัย
มันนี่ เซฟวิ่ง ไทยประกันชีวิตมันนี่ เซฟวิ่ง

ไทยประกันชีวิต

  • 6 ปี เบี้ย คุ้มครอง 14 ปี
  • การันตีเงินคืน 10% ปี 2-13
  • ผลประโยชน์ 666%
  • ออม ลดหย่อนภาษี 100,000 บาท
  • อายุ 1 เดือน - 65 ปี สมัครได้
  • รับผลประโยชน์ ตั้งแต่ 2% - 600%
  • 1,500-2,250 บาท/เดือน เบี้ยประกัน
Gen Senior 55 GeneraliGen Senior 55

Generali

  • เบี้ยเริ่มต้น 11 บาท ต่อวัน
  • คุ้มครองถึง 90 ปี
  • สูงสุด 350,000 บาท รับเงินก้อน
  • ส่วนลด 7% เมื่อจ่ายรายปี
  • รับประกัน 55-70 ปี
  • สมัครง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่ตรวจสุขภาพ
  • มีเงินก้อนให้ลูกหลาน อายุเกษียณสบาย
GEN Senior So Good GeneraliGEN Senior So Good

Generali

  • จ่ายเพียง 15 บาท/วัน
  • ค่าเบี้ยคงที่ เท่าเดิม จนอายุ 90 ปี
  • รับเงิน 450,000 บาท สูงสุด 150% คุ้มครอง
  • แบ่งจ่ายรายเดือน สูงสุด 12 เดือน
  • สมัครได้ อายุ 55-70 ปี
  • สมัครง่าย จบภายใน 15 นาที
  • รายปีถูกกว่า รับส่วนลด 8%
ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา