Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้

ต้องการซื้อ “รถมือสอง” ต้องดูอะไรบ้าง? มีวิธีคิดดอกเบี้ยรถมือสองอย่างไร?

สำหรับรถยนต์ แน่นอนว่าต้องมีทั้งรถมือหนึ่งและรถมือสอง บางคนก็ชอบใช้รถที่ใหม่ เป็นมือหนึ่งเพราะไม่อยากใช้รถต่อจากใคร แต่สำหรับบางคนที่ไม่คิดมากและมีงบที่จำกัด การซื้อรถมือสองก็ถือว่าหรูแล้ว อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะมือหนึ่งหรือรถมือสองล้วนแล้วแต่มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป วันนี้ แรบบิท แคร์ จะพาทุกคนไปดูว่าซื้อรถมือสอง ต้องดูอะไรบ้าง และต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!!

ซื้อรถมือสอง ดูอะไรบ้าง?

สำหรับผู้ที่มีแพลนจะซื้อรถมือสอง มีหลายสิ่งที่ต้องตรวจสอบก่อนการตัดสินใจซื้อ เช่น สภาพรถยนต์ทั้งภายในและภายนอก, เช็กเลขไมล์รถยนต์, ตรวจสอบระบบช่วงล่าง, ทดลองขับ และอื่น ๆ โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. ตรวจสอบสภาพรถภายนอก สำหรับรถมือสอง ก่อนตัดสินใจซื้อควรตรวจสอบลักษณะภายนอก เช่น ริ้วรอย รอยบุบ รอยชนกระแทกต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณกันชนหน้าและหลัง ฝากระโปรง และด้านข้างตัวรถ นอกจากนี้ให้สังเกตุสีของรถว่ามีความสม่ำเสมอกันหรือไม่ และดูว่าโครงสร้างตัวถังมีสนิมเกาะอยู่หรือไม่ เพื่อขอลดราคาเนื่องจากต้องเสียค่าซ่อมแซมอยู่ดีหลังซื้อมา

2. ตรวจสอบสภาพรถภายใน นอกจากตรวจสอบโครงสร้างภายนอก อย่าลืมที่จะตรวจสอบสภาพรถภายใน เช่น อุปกรณ์ต่าง ๆ ว่ายังทำงานได้ปกติหรือไม่ เช่น หน้าปัดเรือนไมล์ ระบบไฟต่าง ๆ วิทยุ เซ็นทรัลล็อก กระจกไฟฟ้า และระบบปรับอากาศ เป็นต้น นอกจากนี้กลิ่นภายในรถต้องไม่เหม็นอับ

3. ตรวจสอบเลขไมล์รถยนต์ เลขไมล์รถถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจซื้อรถมือสองหรือไม่ซื้อ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนที่มองหารถมือสองก็มักจะตามหาเลขไมล์ที่น้อย แสดงถึงความใหม่ของเครื่องยนต์ ว่าไม่ได้มีการขับในระยะทางที่มาก หรือรถคันนั้นใช้มาได้ไม่นนาน นอกจากนี้อย่าลืมที่จะดูรุ่นรถ ปีรถ ว่าสอดคล้องกันหรือไม่

4. เช็กเครื่องยนต์ สำหรับการตัดสินใจซื้อรถมือสอง การเช็กเครื่องยนต์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการลองสตาร์ทเครื่องยนต์ว่าทำได้เป็นปกติหรือไม่ มีเสียงที่ผิดปกติหรือมีอาการสั่นหรือไม่ นอกจากนี้อย่าลืมถามเจ้าของรถเกี่ยวกับการเปลี่ยนถ่ายของเหลว หรือแบตเตอรี่ หากพบว่าเครื่องผิดปกติ ขอแนะนำให้คุณปฎิเสธการซื้อโดยทันที

5. ทดลองขับ การทดลองขับเป็นหนึ่งในวิธีที่จะทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อรถมือสองทราบถึงสมรรถนะโดยรวมของรถ เพราะจะได้สัมผัสถึงการทำงานของเครื่องยนต์ เช่น อัตราการเร่ง การเบรก ช่วงล่างต่าง ๆ ระบบไฟฟ้า และระบบปรับอากาศที่อยู่ภายในรถ ว่ามีการทำงานที่ปกติหรือไม่

6. ตรวจสอบเอกสารประจำตัวรถ หลังจากที่ตรวจสอบสภาพรถยนต์หรือทดลองขับรถมือสองแล้ว อย่าลืมที่จะตรวจสอบเอกสารประจำตัวรถหรือเล่มทะเบียน เพื่อให้แน่ใจว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถที่ถูกต้องตามกฎหมาย และมีการเสียภาษีอย่างถูกต้อง

ซื้อรถมือสองเงินสด ใช้เอกสารอะไรบ้าง?

การซื้อรถมือสองโดยใช้เงินสด สามารถทำได้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยใช้เอกสาร ดังต่อไปนี้

  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • แบบคำขอโอนและรับโอน จากกรมการขนส่งทางบก พร้อมลายเซ็นต์ผู้รับโอน
  • หนังสือมอบอำนาจ จากกรมการขนส่งทางบก
  • สำเนาพาสปอร์ต (สำหรับชาวต่างชาติ)
  • วีซ่าที่ยังไม่หมดอายุ (สำหรับชาวต่างชาติ)
  • หนังสือรับรองถิ่นที่อยู่ (สำหรับชาวต่างชาติ) ทั้งตัวจริงและสำเนา 1 ชุด

หมายเหตุ: สำหรับพนักงานบริษัทหรือข้าราชการที่ต้องการจะซื้อรถเงินสดอาจมีเอกสารเพิ่มเติม เช่น สำเนาสลิปเงินเดือนล่าสุด (กรณีพนักงานบริษัท) และหนังสือรับรองเงินเดือนข้าราชการ, สำเนารายการเดินบัญชี (Bank Statement) ย้อนหลัง 6 เดือน

เอกสารที่ต้องใช้อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามอาชีพของผู้ซื้อรถมือสอง ขอแนะนำให้ติดต่อขอรายละเอียดกับทางผู้ให้บริการ ก่อนตัดสินใจซื้อ

ดอกเบี้ยรถมือสอง คืออะไร?

ดอกเบี้ยรถมือสอง คือเงินส่วนเกินที่คุณต้องจ่ายกับทางบริษัทไฟแนนซ์รถเพื่อซื้อรถมือสอง ซึ่งดอกเบี้ยมักถูกคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ตามยอดยืมทั้งหมดที่คุณกู้มา อาจแตกต่างกันไปตามธนาคารหรือหน่วยงานที่ให้บริการการกู้ยืมเงิน ระยะเวลากู้ยืม และเครื่องรุ่นของรถมือสองที่คุณซื้อ

วิธีคิดดอกเบี้ยรถมือสอง

ดอกเบี้ยรถมือสอง คิดจากราคารถ คิดต่อปี และ เท่ากันทุกปี ซึ่งสูตรคำนวณค่างวดรถมือสอง มีอยู่หลายสูตร ดังต่อไปนี้

  1. ดอกเบี้ยต่อปี = ยอดจัด x อัตราดอกเบี้ย (%)
  2. ดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญา = ดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนปีที่ผ่อน
  3. ยอดสินเชื่อรวมดอกเบี้ย = ดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญา + ยอดจัด
  4. ราคาภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) = ยอดสินเชื่อรวมดอกเบี้ย x 7%
  5. ยอดรวมสินเชื่อหลัง VAT = ยอดสินเชื่อรวมดอกเบี้ย + ราคาภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
  6. ยอดผ่อนต่อเดือน = ยอดรวมสินเชื่อหลัง VAT / จำนวนเดือนที่ผ่อน (นำจำนวนปีที่ผ่อนมาแปลงเป็นจำนวนเดือน)

ตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยรถมือสอง

  • จำนวนเงินที่กู้ยืม: 500,000 บาท
  • อัตราดอกเบี้ยประจำปี: 5% (0.05)
  • ระยะเวลาผ่อนชำระ: 5 ปี (60 เดือน)

1. คำนวณดอกเบี้ยรายเดือน: จำนวนเงินที่คุณต้องจ่ายในแต่ละเดือนสำหรับดอกเบี้ย
ดอกเบี้ยรายเดือน = (จำนวนเงินที่กู้ยืม x อัตราดอกเบี้ยประจำปี) / 12
ดอกเบี้ยรายเดือน = (500,000 x 0.05) / 12 = 2,083.33 บาท

2. คำนวณยอดชำระรายเดือน: จำนวนเงินที่คุณต้องจ่ายในแต่ละเดือนสำหรับดอกเบี้ยและเงินต้น
ยอดชำระรายเดือน = (ดอกเบี้ยรายเดือน + จำนวนเงินต้น) / ระยะเวลาผ่อนชำระ
ยอดชำระรายเดือน = (2,083.33 + (500,000 / 60)) = 10,416.67 บาท

รถกระบะมือสอง ยี่ห้อไหนดี?

ในปัจจุบัน นอกจากจะมีรถเก๋งแล้วก็ยังมีรถกระบะมือสองมาให้ได้ซื้อ ราคาก็จะแตกต่างกันไปตามศูนย์ให้บริการ อายุรถ สภาพรถ และอื่น ๆ กลุ่มเป้าหมายของรถกระบะมือสองส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพ่อค้า ที่ต้องการซื้อเพื่อไปขนสินค้าหรือขับลุยในต่างจังหวัด แรบบิท แคร์ มี 5 ยี่ห้อ รถกระบะมือสอง ที่คุณไม่ควรพลาด!!

  1. 2019 Toyota HILUX REVO SMART CAB E PRERUNNER 2.4
  2. 2018 Isuzu D-MAX BLUE POWER SPACECAB DDI S 1.9
  3. 2019 Mitsubishi TRITON GLX 2.5
  4. Mitsubishi TRITON MEGA CAB GT PLUS 2.4
  5. 2017 Nissan NAVARA DOUBLE CAB CALIBRE EL (BLACK EDITION) 2.5

รถมือสองเจ้าของขายเอง ลงขายที่ไหนได้บ้าง?

สำหรับการขายรถมือสอง บางคนก็จะขายให้กับเต้นท์รถ แต่บางรถเจ้าของก็ลงขา ยเอง ซึ่งในปัจจุบันมีเว็บไซต์และแพลตฟอร์มมากมายให้ได้ลงขาย เช่น Facebook, Taladrod, One2car, Carsome, Justcar, Carro, PantipMarket, Cars24 เป็นต้น

เหล่านี้คือข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับรถมือสอง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือประกันรถยนต์ ซึ่งหลายคนไม่รู้ว่าประกันชั้นไหนเหมาะกับรถมือสอง น้องแคร์ขอแนะนำ “ประกันรถยนต์ชั้น 2+” กับ แรบบิท แคร์ เพราะเบี้ยประกันถูกกว่าและได้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันรถยนต์ชั้น 1 เมื่อเกิดอุบัติเหตุก็ต้องรถบุคู่กรณีได้เพื่อได้รับความคุ้มครอง มากไปกว่านั้นซื้อผ่านเราคุณยังได้รับสิทธิพิเศษมากมาย เช่น บริการรถเช่าระหว่างซ่อม บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง หากสนใจโทรเลย 1438

ความคุ้มครองประกันรถยนต์

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา