‘เจอ แจก จบ’ อัพเดตขั้นตอนเตรียมพร้อมสู้โควิดในปี 65
เข้าสู่ปี พ.ศ. 2565 แล้วหลาย ๆ ท่านยังคงตามข่าวอัพเดตโควิด-19 แบบเกาะติดสถานการณ์ ถึงแม้ว่าจะมีข่าวอื่น ๆ กลบเสียงไปบ้าง แต่เรื่องสุขภาพที่ต้องดูแลทำให้ผู้คนยังกังวลอยู่มาก และเตรียมรับมือกับการติดเชื้อแบบไม่ทันตั้งตัว จากสถานการณ์ตอนนี้ (8 มีนาคม 2565) อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดสะสมอยู่ที่ 3.05 ล้านคน ซึ่งนับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับต้นปีเพิ่มขึ้นถึง 37%
เมื่อดูข้อมูลผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจคาดว่าเป็นเหตุจากเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ‘โอมิครอน’ อาการอาจไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์เดลต้าหรืออัลฟ่า แต่มีประสิทธิภาพแพร่กระจาย และติดเชื้อได้รวดเร็วกว่า ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผลต่อกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดอาการรุนแรงได้ อาทิ ผู้สูงอายุ, เด็ก และผู้มีโรคประจำตัว เป็นต้น โดย iPrice Group ขอทำสรุปขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อเตรียมพร้อมกับการรับมือภัยโควิดในปัจจุบันจากผลตรวจเป็นบวกควรทำอย่างไร
ตรวจเชื้อโควิด-19 ด้วยตนเองเมื่อพบอาการน่าสงสัย
แม้ว่าทางรัฐบาลจะปลดล็อคให้ออกไปใช้ชีวิตข้างนอกได้ตามปกติ แต่ยังมีมาตราการควบคุมเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และยับยั้งการแพร่กระจ่ายโดยการใส่หน้ากากอนามัยและล้างเจลแอลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอ ก็ไม่วายต้องสังเกตุอาการที่เข้าข่าย เช่น ไอ, เจ็บคอ, มีไข้, มีน้ำมูก และหายใจลำบาก เป็นต้น อาการเหล่านี้สามารถใช้เครื่องตรวจ ATK หาซื้อได้ตามร้านเภสัชฯ ทั่วไป
2. ผลเป็นบวกทำอย่างไร?
หากผลเป็นบวกหรือขึ้น 2 ขีด ทางกระทรวงสาธารณสุขแจ้งว่าไม่จำเป็นต้องตรวจ RT-PCR ซ้ำ สามารถดำเนินขั้นตอนต่อไปได้ทันที
- ตรงดิ่งไปโรงพยาบาลพื้นที่ใกล้เคียงหรือสามารถใช้สิทธิของตัวเองได้
- โทรสายด่วน สปสช. 1330 กด 14 ได้ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อสอบถามข้อมูลคัดกรองเบื้องต้น และจับคู่โรงพยาบาลกับผู้ป่วยสำหรับการติดต่อดูแลระหว่างกักตัวที่บ้าน
- ติดต่อหน่วยงานอาสาสมัครอย่างเช่น Thai Care ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์เพื่อขอความช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยโควิดอย่างทั่วถึง
นอกเหนือจากนั้นยังมีกลุ่มจิตอาสาอีกมาย เช่น กลุ่มอาสาสมัครเส้นด้าย, องค์กรทำดีของคุณปนัดดา วงศ์ผู้ดี และทีมอาสาร่วมกตัญญู ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ทำงานด้วยใจอาสา เข้าถึงผู้ป่วยได้เร็วก่อนส่งต่อมือหมออย่างปลอดภัย
3. คัดกรองผู้ป่วย ‘เจอ แจก จบ’
อาการของผู้ป่วยโควิดแต่ละคนจะมีความรุนแรงไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย, โรคประจำตัว, อายุ และวัคซีนป้องกันที่อาจมีผลยับยั้งเชื้อไม่ให้ลุกลามมากเกินไป ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะมีการประเมินอาการเบื้องต้นว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงน้อยหรือมีภาวะเสี่ยงสูง
จากข้อกำหนดใหม่ของกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 การรักษาแบบผู้ป่วยนอก โดยแยกกักตัวที่บ้านตามแนวทาง ‘เจอ แจก จบ’ จับคู่กับโรงพยาบาลในพื้นที่ด้วยระบบโทรติดตามอาการ Tele-Health ดังนี้
- ผู้ป่วยภาวะเสี่ยงต่ำ
- แยกกักตัวที่บ้าน 7 วันรักษาอาการ และ 3 วันเพื่อเฝ้าระวังอาการ
- จ่ายยาตามอาการ (เจอ แจก จบ) โดยแพทย์จะพิจารณาจ่ายยาตามอาการ 3 สูตร ได้แก่ ยาฟ้าทะลายโจร, ยารักษาตามอาการ เช่น ลดไข้ แก้ไอ ลดน้ำมูก สุดท้ายคือยาฟาวิพิราเวียร์ จนผู้ป่วยสามารถรักษาตนเองจนหายได้
- ผู้ป่วยภาวะเสี่ยงสูง
จากผลสรุปอาการคัดกรองเบื้องต้นว่าผู้ป่วยมีภาวะเสี่ยงสูงถึงขั้นปอดอักเสบหรือโรคแทรกซ้อนจากการรักษาที่บ้าน (Home Isolation) แพทย์จะพิจารณาส่งต่อรักษาในโรงพยาบาล และให้ยาที่เหมาะสม
เดิมทีต้องเข้าใจแนวทางใหม่จากกระทรวงสาธารณะสุขที่กำหนดขึ้นโดยมีจุดประสงค์หลักคือ
- 1) เพื่อลดความแออัดของผู้ป่วยในศูนย์พักพิง และโรงพยาบาล สำรองเตียงแก่ผู้ป่วยที่ฉุกเฉินได้ใกล้ชิดแพทย์อย่างเหมาะสม
และ - 2) ผู้ป่วยเสี่ยงต่ำสามารถรับประทานยาตามแพทย์แนะนำ พร้อมรักษาตัวเองได้ที่บ้านจนหายดี
ความรุนแรงของโควิด-19 ยังไม่หมดไปโดยอิงจากยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นวันละ 10,000 ราย ซึ่งเป็นงานหนักแก่บุคลากรทางการแพทย์ และพยาบาลร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อหาวิธีรับมือที่รวดเร็ว แม่นยำ ด้วยระบบคัดกรองผู้ป่วยให้สามารถกักตัวรักษาที่บ้านได้ แถมยังมีเจ้าหน้าที่พยาบาลโทรสอบถามอาการอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ หากช่วยรณรงค์ป้องกันอย่างถูกต้อง ลดการแพร่กระจายเชื้อก็อาจจะหมดลงไปอย่างช้า ๆ ในอนาคต
เขียนโดย อัดนาน ปูตีลา
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี