ASMR คืออะไร วิธีสร้างรายได้ 6 หลักต่อเดือน จากการทำ ASMR
เป็นกระแสแบบแรงดีไม่มีตกสำหรับการทำ ASMR อัปลงบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่แต่ละคลิปมียอดวิวหลายแสนไปจนถึงหลักหลายล้าน ซึ่งยอดวิวเหล่านี้ก็เปลี่ยนมาเป็นเม็ดเงินมหาศาล ให้ผู้ที่ทำคลิปมีรายได้เฉลี่ยสูงถึง 6 หลักต่อเดือนเลยทีเดียว
วันนี้ แรบบิท แคร์ จึงนำข้อมูลเกี่ยวกับการทำ ASMR มาฝาก ทั้งในเรื่องที่ว่าความจริงแล้ว ASMR นั้นคืออะไร มีจุดเริ่มต้นมาจากไหน มีการทำ ASMR ประเภทไหนบ้าง แบบไหนเป็นที่นิยม ข้อดี-ข้อเสีย อุปกรณ์ที่ต้องใช้ รวมถึงวิธีการสร้างรายได้จากการทำ ASMR!
ASMR คืออะไร ?
ASMR หรือ Autonomous Sensory Meridian Response คือ การตอบสนองของร่างกายและระบบประสาทรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อคนรับรู้ความผ่อนคลายจากการได้ยินเสียงต่าง ๆ เช่น เสียงกระดิ่ง เสียงการรับประทานอาหาร เสียงวัตถุเสียดสีกัน เสียงลม เสียงฝน ซึ่งแต่ละคนก็จะมีความชอบและเสียงที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายต่างกันไป
โดยปัจจุบันการดูและฟัง ASMR บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในโลกออนไลน์ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จึงได้มีการถือกำเนิดนัก ASMR หน้าใหม่มากมาย และมีคอนเทนต์หลากหลายให้ผู้คนได้เลือกรับชมกัน
ASMR เริ่มมาจากไหน ?
ในเรื่องของจุดเริ่มต้นของการเกิดการทำคลิปวิดีโอ ASMR อย่างแพร่หลายจนเป็นกระแสไวรัลไปทั่วโลกนั้น ว่ากันว่าเกิดจากคลิปวิดีโอที่มีชื่อว่า WhisperingLife ที่มีผู้ใช้งานโลกออนไลน์คนหนึ่งได้จัดทำขึ้น เนื่องจากเธอได้สังเกตว่าตนเองนั้นจะมีความรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินเสียงคนพูดคุยในลักษณะกระซิบกระซาบกันดังนั้นเธอจึงได้ตัดสินใจทำคลิปวิดีโอ ASMR ในลักษณะดังกล่าวเผยแพร่สู่โลกออนไลน์เพื่อแบ่งปันประสบการณ์เหล่านั้นให้กับทุกคน
ต่อมาเหตุที่ทำให้ ASMR ได้เป็นกระแสโด่งดังและเป็นที่รู้จักค่อนข้างมากในเมืองไทยนั้นเกิดจาก คลิปวิดีโอม็อกบัง (ทานอาหารในปริมาณที่มาก ๆ) ของ Youtuber ชาวเกาหลีคนหนึ่งที่มีชื่อว่ายางซูบิน เธอมีวิธีการรับประทานอาหารในปริมาณมากเกินปกติที่มีเอกลักษณ์ และถ่ายทำคลิปในลักษณะของการทำ ASMR ทำให้คลิปได้ไวรัลไปอย่างรวดเร็วซึ่งมีทั้งกระแสในแง่บวกและแง่ลบ
ซึ่งคนที่ชื่นชอบดู ASMR รับประทานอาหารก็ตกเป็นแฟนตัวยงของเธอในเวลาไม่นาน จากนั้นก็ได้มีกระแสการทำวิดีโอ ASMR ต่อมาถึงปัจจุบัน
ประเภท ASMR ยอดนิยม
อย่างที่ทราบการไปแล้วว่าการทำวิดีโอในลักษณะนี้เป็นการกระตุ้นประสาทการรับรู้เสียงต่าง ๆ ซึ่งแต่ละคนก็จะชื่นชอบเสียงลักษณะที่ต่างกันไป จึงมีการทำคลิปวิดีโอ ASMR ที่มีความหลากหลาย โดยประเภทที่นิยมหลัก ๆ ก็จะมี ดังนี้
- คลิปวิดีโอม็อกบัง (รับประทานอาหารในปริมาณมาก)
- คลิปวิดีโอพูดคุยแบบกระซิบ
- คลิปวิดีโอแคะหู (ใช้ก้านสำลีและหูซิลิโคน)
- คลิปวิดีโอจัดเก็บของเข้าที่
- คลิปวิดีโอทำอาหาร
- คลิปวิดีโอทาสกินแคร์ แต่งหน้า
- คลิปวิดีโอเสียงน้ำ
- คลิปวิดีโอสัมผัสวัสดุที่มีเนื้อสัมผัสที่แตกต่าง
และนี่ก็คือตัวอย่างการทำ ASMR ประเภทต่าง ๆ ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในช่วงนี้นั่นเอง
ทำ ASMR แพลตฟอร์มไหนได้บ้าง ?
สำหรับผู้ที่สนใจอยากลองทำ ASMR เพื่อสร้างรายได้และนึกสงสัยว่าจะสามารถทำคลิปลงแพลตฟอร์มไหนได้บ้างนั้น ความจริงแล้วสามารถทำได้ในทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น Youtube Tiktok Instagram เป็นต้น พึงระลึกไว้ว่าขอเพียงเป็นที่ที่สามารถลงคลิปวิดีโอได้ ยิ่งลงคลิปหลายแพลตฟอร์มมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเปิดหนทางการสร้างรายได้มากขึ้นเช่นกัน
วิธีสร้างรายได้จากการทำ ASMR
หลายคนคงกำลังสงสัยว่าแค่การทำ ASMR จะช่วยสร้างรายได้ที่สูงถึง 6 แสนบาทต่อเดือนได้อย่างไร แรบบิท แคร์ ขอบอกตรงนี้เลยว่าสามารถทำได้ เพียงแต่ต้องรู้และเข้าใจถึงเทคนิคและวิธีการสร้างรายได้ มาทำความเข้าใจไปพร้อมกัน
ทำ ASMR ได้เงินมาจากไหน ?
รายได้จากการทำ ASMR นั้นความจริงแล้วหลัก ๆ ก็เป็นรายได้ Youtuber ที่หลายคนอาจเคยได้ยินกันมาบ้างอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อเราลงคลิปไปทาง Youtube ก็จะมีการติดโฆษณา เมื่อมีคนดูคลิปของเรามาก เห็นโฆษณามาก ก็จะได้รับทั้งค่าโฆษณา นำมาคิดรวมกับยอดวิวที่ได้ตามเกณฑ์ที่ทาง Youtube กำหนดเอาไว้
นอกจากนี้หนทางการสร้างรายได้จากการทำคลิปวิดีโอเหล่านี้ก็ยังมาจากการได้รับสปอนเซอร์จากบริษัทผู้จัดจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ ซึ่งอาจสนใจอยากจะจ้างให้เราช่วยโปรโมทสิ่งค้าผ่านคลิปที่ทำลงไปในแพลตฟอร์มต่าง ๆ หลาย ๆ แพลตฟอร์ม
อีกวิธีในการได้รับรายได้จากการทำคลิปแบบนี้ซึ่งได้รับความนิยมมากในปัจจุบันก็คือการติดตะกร้าสินค้า หากเราลงคลิปพร้อมติดตะกร้า เมื่อมีคนกดซื้อก็จะได้ค่าคอมมิชชันเพิ่มด้วยนั่นเอง
เทคนิคในการสร้างรายได้จากการทำ ASMR
- ต้องมีการสร้างตัวตนที่ชัดเจนว่าจะทำคลิปเกี่ยวกับอะไรเพื่อดึงดูดฐานคนดูที่มีความชอบเหมือนกัน
- หาจุดขายและเอกลักษณ์ที่ถือเป็นความโดดเด่นซึ่งยากจะลอกเลียนแบบของช่องตัวเองให้เจอ
- ให้ความสำคัญกับคุณภาพของคลิปวิดีโอ โดยเฉพาะเรื่องของเสียง
- มีความสม่ำเสมอในการทำคลิปใหม่ ๆ อัปลงแพลตฟอร์มต่าง ๆ
- ขยันดูกระแสที่กำลังมาแรงและนำมาประยุกต์ให้เข้ากับช่องของตัวเอง
- ตัดคลิปหลาย ๆ รูปแบบกระจายลงในหลายแพลตฟอร์ม
- ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เพราะช่วงแรกอาจจะมีคนดูน้อยจนหลายคนท้อใจ ต้องยืนหยัดเข้าไว้เพื่อหวังผลในระยะยาว
ข้อดีในการหารายได้จากการทำ ASMR
- ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและรู้สึกผ่อนคลาย
- สามารถเลือกวันเวลาทำงานได้ เป็นนายตัวเอง
- สามารถทำงานที่บ้านได้โดยไม่ต้องออกไปไหน
- ไม่จำเป็นต้องติดต่อสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานมากมาย
- ดีไซน์คอนเทนต์ที่เป็นตัวเองได้ ไม่มีกรอบมาจำกัดไอเดีย
- หากมีฐานแฟนคลับแล้วคลิปที่ลงก็จะมีคนดูเยอะอย่างรวดเร็ว
- สามารถต่อยอดในการเป็น Influencer/KOL ได้
- รับงานรีวิวได้สบาย ๆ หารายได้เพิ่มเติม
ข้อเสียในการหารายได้จากการทำ ASMR
- หากไม่ชอบหรือรักในการทำจริง ๆ อาจหมดไฟได้ง่าย
- หากไม่มีวินัยก็จะเอาแต่ผัดวันประกันพรุ่ง
- ต้องรับมือกับคำวิจารณ์ในโลกออนไลน์ที่หลากหลาย
- หากตันหรือคิดไอเดียไม่ออกอาจทำให้ช่องไปต่อไม่ได้
- กว่าจะสามารถเพิ่มผู้ติดตามได้ต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก
- ช่วงแรกรายได้น้อยมาก อาจไม่คุ้มแรงคุ้มเวลาที่เสียไป
อุปกรณ์สำหรับการทำ ASMR มีอะไรบ้าง ?
สำหรับคนที่ตัดสินใจดีแล้วว่าจะทำ ASMR แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ก่อนอื่นต้องมีอุปกรณ์คู่ใน สิ่งที่ต้องใช้ก็มีดังนี้เลย
- กล้องที่สามารถอัดวิดีโอคุณภาพดีได้ : แน่นอนว่าเมื่อจะทำคลิปกล้องก็เป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ และต้องเป็นกล้องที่มีคุณภาพดี เห็นภาพคมชัดจะช่วยดึงดูดคนให้อยากดูคลิปของเรา
- ไมโครโฟน : สิ่งสำคัญอีกอย่างที่จะขาดไปไม่ได้ก็คือไมโครโฟนที่สามารถดูดซับเสียงได้เป็นอย่างดี สามารถช่วยเก็บรายละเอียดเสียงสิ่งต่าง ๆ ที่เราต้องการส่งไปถึงผู้ชมได้อย่างครบถ้วน
- ไฟ : สิ่งสำคัญอีกอย่างที่อาจเป็นตัวชี้ขาดว่าคลิปของเราจะน่าดูหรือไม่คือเรื่องของไฟ เพราะถ้ามืดจนเกินไป จัดไฟไม่สวย แสงไม่พอก็จะส่งผลให้คลิปไม่น่าดู
- อุปกรณ์สำหรับการตัดต่อ : ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ เพราะแน่นอนว่าเราไม่สามารถอัปไฟล์คลิปที่ถ่ายลงไปดื้อ ๆ จะต้องมีการตัดต่อปรับแต่งให้น่าดู ถึงจะเรียกฐานผู้ติดตามได้ดี
- พร๊อพประกอบฉาก : สิ่งที่อาจช่วยสร้างตัวตนและภาพจำของช่องเราได้ ต้องลองเลือกและดีไซน์ เป็นกิมมิกเล็ก ๆ ให้กับตัวเอง
และอุปกรณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ก็คืออุปกรณ์พื้นฐานที่คนอยากทำคลิป ASMR ต้องมีเอาไว้จะได้สร้างคลิปที่มีคุณภาพเพื่อสร้างรายได้ ส่วนใครที่ยังกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเนื่องจากแต่ละอย่างที่ต้องซื้อก็ราคาค่อนข้างสูงนั้นก็หมดกังวลกันได้ เพียงสมัครบัตรเครดิต กับ แรบบิท แคร์ เอาไว้ ผ่อนสบาย นำไปรูดจ่ายได้แบบไร้กังวล!
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี