ว่าด้วยเรื่อง ทำไมต้องมีประกันภัย และเมื่อไหร่ที่ควรมี

ความเสี่ยงกับการใช้ชีวิตเป็นของคู่กัน ถ้าไม่ลองเสี่ยง ก็ไม่มีวันรู้ว่าเราจะสามารถทำอะไรได้บ้าง

แต่ชีวิต ก็คือ ความไม่แน่นอนค่ะ วันนี้เราอาจจะใช้ชีวิตแบบปกติอยู่ดีๆ แต่พรุ่งนี้ใครจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราอาจจะโชคร้ายเกิดอุบัติเหตุ ขาหักแขนหัก ป่วยกะทันหัน หรือแย่กว่านั้น คือ เราอาจจะเสียชีวิตเมื่อไหร่ ตอนไหนก็ได้

ประกันภัย คืออะไร แล้วทำไมต้องมี?

ประกันภัยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ

• ประกันชีวิต (Life Insurance)

คือ ประกันภัย ที่คุ้มครองและจ่ายเงินชดเชยเมื่อบุคคลผู้เอาประกันเสียชีวิต โดยยังรวมถึงความคุ้มครองอื่นๆ ที่อาจจะมีเพิ่มเติมในสัญญา เช่น ประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ เป็นต้น

• ประกันวินาศภัย (Non-Life Insurance)

คือ ประกันภัยที่จะคุ้มครองและชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีที่เกิดความเสียหายเกี่ยวกับสิ่งที่เอาประกันไว้ เช่น ประกันรถยนต์ ประกันอัคคีภัย ประกันทางทะเล ประกันเบ็ดเตล็ด เป็นต้น

การประกันภัย คือ การบริหารความเสี่ยง วิธีหนึ่ง เพราะมันเป็นวิธีที่จะช่วยการันตีว่า เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นกับชีวิตของเราหรือทรัพย์สินที่เราทำประกันไว้ เราและครอบครัวจะได้รับเงินชดเชยมาเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายอันหนักหน่วง ที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้

แต่ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ บริษัทประกันจะต้องมาจ่ายเงินให้เราเพียงอย่างเดียวนะคะ เพราะการทำประกันใดๆ ก็ตาม เราจำเป็นจะต้อง จ่ายเบี้ยประกัน ให้บริษัทตามที่ตกลงไว้ด้วย ยิ่งจ่ายมากจ่ายนาน ความคุ้มครองและเงินชดเชยที่ได้รับยิ่งจะดีขึ้น แต่ยิ่งความคุ้มครองเยอะมากเท่าไหร่ เบี้ยประกันก็ยิ่งแพงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

แล้วทำไมเราจึงจำเป็นต้องมี “ประกันภัย”?

ลองนึกภาพตามนะคะว่า ถ้าวันหนึ่งเราเกิดเสียชีวิตขึ้นมา ภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ของเรา ก็ต้องตกไปอยู่กับครอบครัวหรือลูกหลานของเราที่ยังมีชีวิตอยู่

ด้วย ค่าครองชีพ ในปัจจุบันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว รับรองได้เลยว่ามันจะต้องมีค่าใช้จ่ายมากมายตามมา ไม่ว่าจะเป็น ค่ารักษาพยาบาล ค่าทำศพ ค่าจัดงานศพ และไหนจะค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ ของคนในครอบครัวเราอีก

ถ้าเขาต้องเป็นคนควักเงินในกระเป๋าออกมาจ่ายทุกๆ อย่างเอง 100% แล้ว มันก็ ถือเป็นภาระทางการเงินก้อนโตพอสมควร อาจจะนำมาซึ่งปัญหาทางการเงินอื่นๆ ได้

การทำประกันภัย จึงมีประโยชน์ตรงที่ มันสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทางด้านการเงินให้กับคุณได้ ถึงแม้เราอาจจะไม่ได้รับเงินชดเชย  100% แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เราพอมีเงินก้อนมาช่วยหมุนและช่วยจ่ายได้บ้างนั่นเอง

ประโยชน์ของ “การทำประกันภัย”

• เป็นหลักประกันเมื่อเราเสียชีวิต

อย่างที่บอกไปค่ะ ว่า ถ้าเราเสียชีวิตขึ้นมา ภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างจะตกไปอยู่ที่ครอบครัวของเราที่ยังอยู่ เพราะฉะนั้น การทำประกันชีวิต จึงสามารถเป็นหลักประกันได้ว่า

เมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต ทายาทหรือ ผู้รับผลประโยชน์ จะได้รับเงินประกันภัยชดเชยคือมาอย่างแน่นอน

• ได้รับการชดเชยค่าเสียหาย

สมมติว่า เราเกิดป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วต้องนอนพักรักษาตัว ทำให้เราขาดรายได้ในช่วงนั้นไป การทำประกันสุขภาพที่จ่ายเงินชดเชยกรณีขาดรายได้ ก็จะเป็นตัวช่วยคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นให้กับเรา

• ปลูกฝังนิสัยการออมได้อย่างดี

สำหรับหลายๆ คน การออมเงิน เป็นสิ่งที่อยากทำ แต่มันก็ยากที่จะทำเหลือเกิน

การทำประกันชีวิตแบบบำนาญ หรือประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ก็จะเป็นตัวช่วยให้คุณได้ออมเงินผ่านการจ่ายเบี้ยประกันภัย เพื่อจะได้รับเงินก้อนตอบแทนมาเมื่อยามเกษียณอายุหรือครบกำหนดสัญญา

• นำไปลดหย่อนภาษีได้

นอกจากจะให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตแล้ว การทำประกันชีวิต หรือประกันบำนาญยังสามารถนำไปเป็น ส่วนลดหย่อนภาษี ได้ด้วยนะคะ

• ช่วยระดมทุนให้กับสถาบันการเงิน

ข้อนี้อาจจะไม่ได้เกิดประโยชน์ที่เราโดยตรง แต่การทำประกันภัย  มีส่วนช่วยในการระดมทุนให้กับสถาบันการเงิน เพื่อนำไปพัฒนาประเทศต่อไปด้วยนะคะ

ประโยชน์มากมายขนาดนี้ คุณคงเริ่มสนใจทำประกันมากขึ้นแล้วใช่มั้ยคะ แต่ว่า…แล้วเราควรจะทำประกันเมื่อไหร่ดีนะ?

ประกันภัย ทำเมื่อไหร่ถึงจะดี?

เป็นอีกหนึ่งคำถามยอดฮิตเลยว่า ทำประกันตอนไหนดี ควรทำตอนนี้เลยหรือเปล่า หรือต้องรอให้ชีวิตมีความเสี่ยงมากขึ้นก่อน

ตอบได้ตรงนี้เลยค่ะ การทำประกันภัย ต้องซื้อก่อนใช้หรือมีเผื่อไว้เมื่อยามฉุกเฉินค่ะ

มันอาจจะไม่ได้มีเวลาที่เหมาะสมแน่นอน เพราะมันขึ้นอยู่กับมุมมองของคุณเองค่ะ แต่บอกได้เลยว่าประกันภัย คือ สิ่งที่จะช่วยคุ้มครองคุณเมื่อเกิดอันตรายขึ้นมา ดังนั้น มันจึงเป็นสิ่งที่ต้องทำก่อนที่ความเสี่ยงต่างๆ จะเกิดขึ้น

คิดซะว่าประกันภัยเป็นเหมือน “ร่ม” ก็ได้ค่ะ ฝนจะตกเมื่อไหร่เราไม่รู้ แต่ถ้าเราซื้อร่มมาพกติดในกระเป๋าแล้ว เราก็ไม่มีวันเปียกแน่นอน

ถึงแม้จะบอกช่วงเวลาที่ควรจะซื้อประกันภัยแบบแน่นอนไม่ได้ แต่เราก็มีข้อสังเกตดีๆมาบอกค่ะ ว่า ซื้อประกันภัยตอนไหนให้ประโยชน์กับคุณมากที่สุด

ซื้อประกันภัยตอนไหน ให้ประโยชน์กับคุณมากที่สุด

1.เมื่อคุณเป็นเสาหลักของครอบครัว

ถ้าตัวของคุณมีบทบาทที่จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายหลักๆ ในบ้านแล้ว การทำประกันภัยเป็นสิ่งที่คุณควรจะรีบทำให้เร็วที่สุดเลยค่ะ

เพราะถ้าเกิดอะไรกับเราขึ้นมา ภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างก็จะตกไปเป็นของคนอื่นในครอบครัวของเรา และถ้าเขารับผิดชอบภาระทางการเงินไม่ไหว ก็อาจจะมีปัญหาอื่นๆ อย่าง ปัญหาหนี้สิน ตามมาได้

2.ทำตอนคุณยังสุขภาพดีและยังอายุน้อยอยู่

คุณอาจจะสงสัยว่า ก็เรายังแข็งแรง ยังหนุ่มยังสาวอยู่ แล้วจะรีบทำประกันไปทำไม?

ตอบได้เลยค่ะว่า การทำประกันตอนอายุน้อยและร่างกายแข็งแรงอยู่ จะทำให้คุณจ่ายเบี้ยประกันได้น้อยลงนั่นเอง

เพราะ บริษัทประกัน จะถือว่าเรามีความเสี่ยงต่ำ เราจึงสามารถจ่ายเบี้ยประกันได้น้อยลง แต่ยังได้รับความคุ้มครองเท่าเดิม

3.ทำตอนที่เราสามารถจ่ายเบี้ยประกันได้ไหว

การทำประกันต่างๆ มันถือเป็นการลงทุนระยะยาวอย่างหนึ่งนะคะ เพราะ เราต้องจ่ายเบี้ยประกันนานหลายปี กว่าจะได้รับความคุ้มครองที่เราต้องการ

ถึงแม้หลายคนอาจจะอยากรีบทำประกันตอนนี้ แต่ถ้าเงินในกระเป๋าเรายังไม่พร้อม ก็เก็บเงินรออีกสักหน่อยก็ดีค่ะ เพราะถ้ายังดื้อรีบซื้อตอนนี้ ต่อไปจ่ายเบี้ยไม่ไหว อาจจะ โดนปิดกรมธรรม์ และเป็นหนี้ เสียเครดิตบูโรเพิ่มไปอีกก็ได้นะคะ

ประกันภัย อาจไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นมากที่สุดในชีวิต แต่มันก็เป็นหลักประกันชั้นดี ที่จะช่วยไม่ให้คุณต้องรับภาระค่าใช้จ่ายก้อนโต เวลาที่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้ค่ะ

ถ้าใครสนใจทำประกันภัยใดๆ อย่าลืมทักทายเข้ามาที่ Rabbit Care ได้นะคะ

กองบรรณาธิการ

ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี