6 เช็กลิสต์ที่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจซื้อประกันชีวิต
ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการทำประกันชีวิตมากขึ้น เพราะเป็นอีกเครื่องมือที่ช่วยสร้างความคุ้มครอง หรือเป็นภูมิคุ้มกันให้กับเราได้ในอนาคต โดยที่ไม่ต้องกังวลกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน สำหรับใครที่อยากเป็นมือใหม่เริ่มซื้อประกันชีวิต แบบไม่ให้โดนหลอก Rabbit Care ก็ได้รวบรวมเช็กลิสต์ก่อนตัดสินใจซื้อประกันชีวิตที่ผู้ซื้อจะได้รับประโยชน์สูงสุดมาฝากกัน
How to เลือกประกันชีวิต เพื่อความคุ้มครองที่คุ้มค่า
1. ความคุ้มครองที่เรากำหนดเองได้
ประกันชีวิตนั้นมีหลากหลายรูปแบบ ก่อนที่จะซื้อประกันชีวิต จึงต้องให้ความสำคัญกับความคุ้มครองมาเป็นอันดับต้น ๆ และดูว่าครอบคลุมตามความเสี่ยงที่ต้องการหรือไม่ ซึ่งประกันชีวิตควรคุ้มครองการเสียชีวิต ทุพพลภาพ เจ็บป่วยเล็กน้อย การรักษาตัวในโรงพยาบาล การผ่าตัด โรคร้ายแรง ไปจนถึงการเกิดอุบัติเหตุ และต้องไม่ลืมที่จะเช็กกับเจ้าหน้าที่หรือตัวแทนขายประกันอีกรอบว่ากรมธรรม์ที่เราจะซื้อนั้นสามารถให้ความคุ้มครองตรงตามความต้องการได้จริงหรือไม่
2. ซื้อประกันชีวิตเพื่ออะไร?
จุดประสงค์ในการซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะซื้อประกันชีวิตไว้เพื่อหักลดหย่อนทางภาษี บางคนซื้อเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หรือบางคนซื้อประกันชีวิตเพื่อวางแผนให้กับอนาคตหลังเกษียณอายุ เพราะประกันชีวิตมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ประกันออมทรัพย์ ประกันชีวิตลดหย่อนภาษี ประกันชีวิตเพื่อวัยเกษียณ และประกันบำนาญ ซึ่งคุณจำเป็นต้องเลือกประเภทและกรมธรรม์ที่ตอบโจทย์มากที่สุดก่อนตัดสินใจซื้อ
3. เลือกประกันออมทรัพย์มีดีกว่าที่คิด
เป้าหมายในการเลือกซื้อประกันชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นจะเลือกหาประกันชีวิตสักฉบับให้กับตัวเองก็ต้องคิดให้ดีว่า ต้องการได้ประกันชีวิตประเภทไหน เช่น ถ้าอยากออมเงินก็อาจจะเลือกซื้อประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ที่นอกจากจะได้รับผลตอบแทนดีกว่าการฝากเงินแล้ว ยังได้รับการคุ้มครองชีวิต และที่สำคัญหากมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ก็ยังสามารถนำเงินออมที่เป็น ค่าเบี้ยประกันนี้ไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาทอีกด้วยนะคะ คุ้มสุด ๆ
4. ควรเปรียบเทียบหลาย ๆ บริษัท
เมื่อได้รูปแบบความคุ้มครองของประกันชีวิตที่เราต้องการแล้ว ทีนี้ก็ลองศึกษาดูในบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือว่าสิทธิประโยชน์ที่เราจะได้รับนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง โดยการเปรียบเทียบข้อเสนอต่าง ๆ ว่าคุ้มกับที่เราต้องการหรือไม่ เพราะการทำประกันชีวิตก็เปรียบเสมือนกับการลงทุนอย่างหนึ่ง ท้ายที่สุดแล้วเมื่อสิ้นสุดสัญญาก็จะมีผลตอบแทนให้กับเราด้วยเช่นกัน หรือในระหว่างทางก็อาจจะมีเงินปันผลให้ใช้จ่ายอีกด้วย นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาดูความมั่นคงและบริการของแต่ละบริษัทด้วยนะคะ
5. เช็กความน่าเชื่อถือของตัวแทนประกัน
หากตัดสินใจซื้อประกันชีวิตได้แล้ว เรื่องที่เราจำเป็นจะต้องใส่ใจและให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นนอกจากความคุ้มครอง นั่นก็คือตัวแทนนายหน้าขายประกัน เพื่อไม่ให้โดนหลอก หรือถูกเอาเปรียบ โดยการเช็กข้อมูลเบี้องต้นได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. (oic) เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ในอนาคตกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน ตัวแทนประกันจะต้องช่วยเหลือเราได้เป็นอย่างดีในทุกกรณีที่เกิดขึ้น ถ้าเจอตัวแทนสายเท คุณเองจะลำบากเอานะ
6. ตรวจสอบอ่านเอกสารสัญญาอย่างละเอียด
เพื่อสิทธิประโยชน์ของตัวเราเอง ต้องอ่านสัญญาทุกครั้งอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาเอาประกัน เบี้ยประกัน ดอกเบี้ย เงื่อนไขการจ่ายเงินคุ้มครอง รวมถึงสิทธิ์ที่อาจเสียไปหากไม่ทำตามเงื่อนไข เช่น กรณีที่คุณเจ็บป่วยด้วยโรคที่ไม่อยู่ในเงื่อนไขความคุ้มครอง เป็นต้น เพราะถ้าเราปล่อยปละละเลย ไม่สนใจที่จะอ่าน หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอาจทำให้ไม่ตรงกับเงื่อนไขแบบไม่รู้ตัว ก็จะทำให้ค่างวดที่ส่งประกันไปนั้นเสียเปล่าโดยไม่รู้ตัว
สนใจทำประกันชีวิตกับ Rabbit Care
Rabbit Care หนึ่งในตัวแทนนายหน้าโบรกเกอร์ที่ให้คุณสามารถเปรียบเทียบราคา รวมถึงถึงความคุ้มครองจากบริษัทประกันต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วทันใจ เพราะทุกวันนี้การทำประกันชีวิตสามารถซื้อกรมธรรม์ผ่านช่องทางออนไลน์ง่าย ๆ เพียงไม่กี่นาที นอกจากนี้หากเกิดข้อสงสัยในเงื่อนไขต่าง ๆ ก็สามารถสอบถามได้โดยตรงกับทางเจ้าหน้าที่เฉพาะทางได้ทันทีอีกเช่นกัน
สำหรับการทำประกันชีวิตนอกจากจะให้ในเรื่องของความคุ้มครอง สร้างหลักประกันและความมั่นคง ความอุ่นใจเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับตัวเราเองแล้ว ก็ยังจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยในเรื่องของการวางแผนทางการเงินให้กับเราอีกด้วย โดยเฉพาะประกันชีวิตสะสมทรัพย์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่คล้ายการฝากออมแบบประจำ เพราะประเภทนี้จะใช้ระยะเวลาในการออมถึง 8 – 15 ปี เป็นระยะเวลาการคุ้มครองและเป้าหมายที่จะช่วยทางการเงินสู่การเก็บออมในอนาคตที่ตั้งใจไว้ได้สำเร็จเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ยังสามารถนำสิทธิไปลดหย่อนทางภาษีได้ โดยมีเงื่อนไขคือ นำค่าเบี้ยประกันชีวิต หักลดหย่อนได้ทั้งสิ้น 100,000 บาท ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ต้องมีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ต้องทำกับบริษัทประกันภัยที่ประกอบกิจการประกันชีวิตในประเทศไทย โดยหากมีเงินปันผลหรือเงินคืนระหว่างสัญญา
สรุป
การเลือกซื้อประกันชีวิตควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้กรมธรรม์ที่ตรงกับความต้องการและคุ้มค่าที่สุด โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ตามเช็กลิสต์ข้างต้น
มีประสบการณ์สร้างสรรค์ผลงานออนไลน์ 10 ปี เขียนด้านเงิน การลงทุน บทความวิเคราะห์สถานการณ์การเงินในประเทศ และฝากผลงานไว้ที่ Rabbit Care ถึง 4 ปี