
แผลรถล้มอันตรายหรือไม่ ? มีวิธีการดูแลรักษาอย่างไร ?
มอเตอร์ไซค์ นับเป็นยานพาหนะคล่องตัว ขับขี่ง่าย ราคาไม่แพง จึงเหมาะกับการใช้งานทั่วไป แต่การขับขี่มอเตอร์ไซค์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายนั้นผู้ขับจะต้องมีใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ สำหรับใครที่เป็นมือใหม่อยากขับมอเตอร์ไซค์ และอยากรู้ว่าการสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์จะมีขั้นตอนอย่างไร แรบบิท แคร์ จะเผยขั้นตอนให้คุณเตรียมตัวสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ รวมถึงตอบคำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับขั้นตอนการสอบใบขับขี่ ดังนี้
ผู้ที่ต้องการสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ ต้องมีอายุ 15 ปี ขึ้นไป จึงจะสามารถทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ส่วนบุคคลได้ โดยมอเตอร์ไซค์ที่ขับจะต้องมีขนาดกระบอกสูบไม่เกิน 110 CC (มอเตอร์ไซค์รุ่นเล็ก) หากต้องการขับขี่มอเตอร์ไซค์รุ่นใหญ่ เช่น มอเตอร์ไซค์ bigbike ผู้ทำขับขี่จะต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ส่วนใบขับขี่มอเตอร์ไซค์สาธารณะหรือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ผู้ทำใบขับขี่จะต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป
ผู้ที่ต้องการทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ให้เตรียมหลักฐานดังนี้
1. บัตรประชาชนตัวจริงของผู้ขับขี่
2. สำเนาบัตรประชาชนผู้ขับขี่
3. ใบรับรองแพทย์อายุไม่เกิน 1 เดือน
4. ใบจองคิวสอบใบขับขี่ออนไลน์ (กรณีที่จองไว้)
หมายเหตุ – หากผู้ทำใบขับขี่เป็นชาวต่างชาติ สามารถใช้พาสปอร์ตแสดงหลักฐานแทนบัตรประชาชนได้
ผู้เข้าสอบสามารถจองคิวเข้าสอบใบขับขี่โดยสามารถทำได้ 3 วิธีคือ
– จองคิวด้วยตนเองที่สำนักงานขนส่งทางบก
– จองคิวด้วยการโทรไปที่สำนักงานขนส่งทางบก เบอร์ 02-271-8888 หรือ 1584 เมื่อจองแล้วให้มาลงทะเบียนอีกครั้งในวันสอบก่อน 08.00 น.
คุณสามารถจองคิวสอบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ gecc.dlt.go.th/register หรือ สามารถจองคิวผ่านแอปพลิเคชั่น DLT Smart Queue (มีทั้งในระบบแอนดรอยด์และ IOS) ตามขั้นตอนดังนี้
ผู้สอบสามารถเข้าสอบได้ที่สำนักงานขนส่ง หากคุณอาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ จะมีสาขาให้เลือก 4 แห่งได้แก่
– สำนักงานขนส่งพื้นที่ 1 เขตบางขุนเทียน
– สำนักงานขนส่งพื้นที่ 2 เขตตลิ่งชัน
– สำนักงานขนส่งพื้นที่ 3 เขตพระโขนง
– สำนักงานขนส่งพื้นที่ 4 เขตหนองจอก
แต่ถ้าคุณพักอาศัย ณ ต่างจังหวัด สามารถไปสอบที่ สำนักงานขนส่งพื้นประจำจังหวัดได้เลย
การสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ 2568 ใช้ระยะเวลาทั้งสิ้นไม่เกิน 2 วัน โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. จองคิวเข้าสอบใบขับขี่
2. เดินทางไปยังสถานที่สอบตามวันและเวลาที่จองไว้ โดยเตรียมหลักฐานสมัครสอบให้พร้อม
3. เข้าทดสอบสมถรรภาพร่างกาย
4. เข้ารับการอบรมเป็นเวลา 5 ชั่วโมง โดยจะเป็นการให้ความรู้เรื่องข้อบังคับด้านกฎจราจรและสัญญาณไฟต่าง ๆ
5. สอบข้อเขียนจำนวน 50 ข้อ
6. เข้าสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ภาคปฏิบัติโดยต้องสอบให้ครบ 5 ท่า พื้นฐาน
7. หลังจากผ่านการสอบภาคปฏิบัติแล้วจะเป็นการถ่ายรูปติดใบขับขี่ โดยมีค่าะรรมเนียมรวมทั้งสิ้น 105 บาท
หมายเหตุ – หากท่านใดมีใบรับรองมาจากสถานที่อบรมที่กรมการขนส่งรับรอง สามารถยท่นใบรับรองพร้อมเอกสารเพื่อทำใบขับขี่ได้เลย
– ทดสอบตาบอดสี รายละเอียดทดสอบจะเป็นการให้คุณยืนห่างจากป้ายสีประมาณ 3 เมตร จะมีเจ้าหน้าที่ชี้สี ให้คุณตอบสีให้ถูกต้อง ห้ามตอบผิดเกิน 2 ครั้ง
– การทดสอบสายตาทางลึก เจ้าหน้าที่จะให้คุณกดเลื่อนเสาสองต้นให้อยู่ระนาบเดียวกันในแนวลึก
– ทดสอบสายตาทางกว้าง เจ้าหน้าที่จะให้คุณมองตรงไปด้านหน้าแล้วมีจุดสีที่ด้านข้างทั้งสองซ้าย-ขวา ให้คุณมองจุดสีที่ด้านข้างด้วยหางตาแล้วตอบสีให้ตรง เหมือนกับการมองกระจกข้างของรถ
– ทดสอบปฏิกริยาใช้เท้าเหยียบเบรก จะมีแป้นคันเร่งให้คุณเหยียบตอนสัญญาณไฟเขียว และให้เหยียบเบรกให้ทันตอนสัญญาณไฟแดงขึ้น
การสอบนั้นจะเป็นข้อสอบแบบช้อยส์ โดยแต่ละข้อจะมีคำถามพร้อมคำตอบมาให้เลือก 4 คำตอบ ให้เลือกคำตอบที่ถูกที่สุด โดยต้องตอบถูก 90% ขึ้นไปจะถือว่าสอบผ่าน ซึ่งเนื้อหาข้อสอบจะแบ่งออกเป็นหมวดต่าง ๆ ดังนี้
ซึ่งคุณสามารถค้นหาแนวข้อสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ 2568 ได้ทั่วไปตามเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมถึงลองทดสอบได้ด้วยเช่นกัน แม้ว่าเกณฑ์คะแนนสอบผ่านจะสูง แต่หากเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีก็ผ่านได้ไม่ยากเย็นนัก ขอแนะนำให้เตรียมตัวสอบมาก่อนโดยอ่านและศึกษารายละเอียดกฎจราจรและเครื่องหมายให้เข้าใจ หรืออาจลองเทสข้อสอบผ่านระบบออนไลน์ก่อนเพื่อให้รู้แนวข้อสอบก็ได้ ซึ่งการสอบแต่ละครั้งอาจมีการสุ่มข้อหรือสลับคำถามที่ต่างกันอันไป แต่บอกว่าไม่ยากจนเกินไปหาคุณเตรียมตัวมาดีก็สอบผ่านได้อย่างฉลุย
ลองเทสข้อสอบได้ที่นี่ – https://thaidriveexam.com/
ข้อสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ภาคปฏิบัติเป็นส่วนที่ยากที่สุด เราแนะนำว่าให้คุณลองซ้อมขับขี่มอเตอร์ไซค์ในพื้นที่ปิดบ่อย ๆ เพื่อทำความคุ้นเคย ฝึกทรงตัว รวมถึงการฝึกเข้าโค้ง ก็จะทำให้คุณผ่านสอบได้อย่างไม่ยากเย็น
หากคุณสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ภาคปฏิบัติไม่ผ่านก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะคุณสามารถยื่นเรื่องสอบใหม่ได้หลังจากสอบครั้งแรกเป็นระยะเวลา 3 วัน หากสอบตกอีกก็ยื่นเรื่องสอบซ่อมได้อีกเรื่อย ๆ ในระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน
สำหรับใครที่ฝึกขี่มอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้มาตลอดและใช้เกียร์ธรรมดาไม่เป็นเลยก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะคุณสามารถนำมอเตอร์ไซค์ของคุณเองที่เป็นเกียร์ออโต้มาขับสอบได้เช่นกัน โดยการคิดคะแนนสอบก็จะเป็นไปตามมาตรฐานเหมือนมอเตอร์ไซค์รุ่นปกติทั่วไป
หากใครไม่ได้นำรถมอเตอร์ไซค์ของตนเองมา ที่สนามสอบก็มีมอเตอร์ไซค์ให้เช่าสอบด้วยในราคาถูก โดยจะมีทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์ออโต้ ให้คุณลองเลือกรถมอเตอร์ไซค์รุ่นที่คุณถนัดที่สุด หากได้คันถูกใจแล้วก็นำไปสอบได้เลย
หลังจากที่สอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาแล้ว อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เราอยากจะแนะนำก็คือการหาความคุ้มครองดี ๆ ไว้รองรับกับเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งนั่นก็คือ พ.ร.บ. มอเตอร์ไซค์ และประกันรถมอเตอร์ไซค์ หากใครเป็นนักขับมือใหม่ที่เพิ่งจะสอบใบขับขี่ผ่านมาหมาด ๆ ก้ควรทำประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น 1 เพราะจะได้ความคุ้มครองครบถ้วน หากเหตุอุบัติเหตุขึ้นมาก็จะได้ค่าซ่อมรถและค่าชดเชยความเสียหายต่าง ๆ ตลอดจนค่ารักษาพยาบาล
หาประกันมอเตอร์ไซค์ดี ๆ ที่เหมาะสมกับคุณได้ง่าย ๆ เพียงแค่เลือกใช้บริการกับเราแรบิท แคร์ เรายินดีดูแลและให้คำปรึกษากับคุณเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง
Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology
บทความแคร์ขับขี่ปลอดภัย
แผลรถล้มอันตรายหรือไม่ ? มีวิธีการดูแลรักษาอย่างไร ?
การจอดและถอยรถแบบครบสูตร อ่านแล้วช่วยให้เก่งขึ้นได้!
อบรมใบขับขี่ออนไลน์ 2568 ยากไหม ? มีขั้นตอนในการอบรมใบขับขี่ออนไลน์อย่างไร ?