รถติดหล่มอย่าตกใจ ทำตามขั้นตอนนี้ ช่วยคุณได้ชัวร์
ถนนเมืองไทยไม่ได้มีคุณภาพดีตามมาตรฐานทุกเส้น โดยเฉพาะถนนในเขตท้องที่ชนบทอันห่างไกลความเจริญซึ่งมักเป็นทางลูกรังพื้นผิวขรุขระลำบากต่อการขับขี่ และถ้าเกิดฝนตกขึ้นมาเมื่อไหร่ถนนลูกรังเหล่านี้ก็จะแปรสภาพเป็นโคลนลื่น ๆ ซึ่งยากต่อการขับขี่เข้าไปอีก หากคุณมีความจำเป็นต้องสัญจรผ่านถนนเหล่านี้ล้อรถของคุณอาจเข้าไปติดกับบ่อโคลน ไม่ว่าจะเร่งเครื่องเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเคลื่อนตัวได้เพราะผิวยางล้อไม่ได้ยึดกับพื้นถนน เหตุการณ์เหล่านี้เรียกว่ารถติดหล่มนั่นเอง
วิธีแก้ปัญหาเมื่อรถติดหล่ม
หากรถของคุณเป็นรถเก๋งธรรมดาที่ไม่ใช้รถขับเคลื่อน 4×4 ล้อ บอกได้เลยว่าติดหล่มขึ้นมาเมื่อไหร่งานเข้าแน่ ๆ เพราะจะขึ้นจากหล่มได้ยาก และหากเป็นพื้นที่กันดารมาก ๆ ก็ย่อมขอความช่วยเหลือลำบาก และอาจไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ท้ายที่สุดคุณต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการพยายามนำรถยนต์ขึ้นมาจากหล่มด้วยตัวเอง และนี่ข้อควรปฏิบัติเมื่อรถของคุณติดหล่ม
ตั้งสติและตรวจเช็คก่อนว่าล้อข้างไหนติดหล่ม
หากรถยนต์ของคุณติดหล่มขึ้นมาเมื่อไหร่สิ่งที่ควรทำอย่างแรกคือตั้งสติให้ดีก่อนอย่าเพิ่งเร่งเครื่องยนต์ เพราะจะทำให้พื้นผิวที่ยึดระหว่างล้อกับถนนน้อยลง ล้ออาจจมลงในบ่อโคลนมากยิ่งขึ้น ให้คุณลงจากรถแล้วเช็คว่าล้อไหนที่ติดหล่ม และล้อที่ติดหล่มเป็นล้อขับเคลื่อนหรือไม่ ติดหล่มลึกแค่ไหน พยายามอย่าถ่ายของออกจากรถเพื่อให้น้ำหนักเบาหรือเพิ่มน้ำหนักรถด้วยการขย่มเพราะไม่ได้ช่วยให้รถหลุดออกจากหล่มง่ายขึ้น
ลองเดินเครื่องไปข้างหน้า-หลังช้า ๆ
หากสำรวจแล้วว่ารถยนต์ของคุณติดหล่มไม่มาก หรือล้อที่ติดหล่มนั้นไม่ใช่ล้อขับเคลื่อน ให้ลองใช้เกียร์ต่ำเดินเครื่องไปข้างหน้าสลับกับถอยหลังช้า ๆ หมุนวนสลับกันไปเพื่อให้เกิดแรงเหวี่ยง ถ้ารถยนต์เริ่มขยับให้ลองเร่งเครื่องให้มากขึ้นถ้าจังหวะดีรถของคุณอาจหลุดออกจากหล่มได้ ขณะที่ลองเดินเครื่องขยับรถแนะนำให้ผู้โดยสารช่วยดันท้ายรถจะทำให้รถหลุดออกจากหล่มง่ายขึ้น (แต่ให้ทำใจไว้ว่างานนี้มีเลอะแน่นอน)
ใช้กิ่งไม้หรือก้อนหินเพิ่มแรงเสียดทานที่ล้อ
ให้จำไว้ว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้รถของคุณหลุดออกจากหล่มได้นั้นคือการเพิ่มแรงเสียดทานระหว่างล้อกับผิวสัมผัส หากลองตามขั้นตอนแรกแล้วยังไม่ได้ผลหรือล้อที่ติดหล่มนั้นเป็นล้อขับเคลื่อนหลัก ให้คุณลองหาวัตถุต่าง ๆ อย่างกิ่งไม้หรือก้อนหินมายัดระหว่างล้อที่ติดหล่มกับผิวถนน พยายามวางแนวขวางเพื่อสร้างแรงยึดเกาะให้มากขึ้น จากนั้นให้ผู้ขับลองเร่งเครื่องส่วนผู้ขับขี่ก็ดันท้ายรถให้ขยับ หากรถยังไม่ขยับลองปล่อยลมยางออกเล็กน้อยเพื่อเพิ่มผิวสัมผัส แต่ต้องระวังอย่าปล่อยเยอะจนเกินไป หากปล่อยแล้วไม่ได้ผลอย่าปล่อยลมยางต่อ เพราะคุณอาจขับขี่ต่อไม่ได้
ใช้อุปกรณ์รอกหรือเชือกช่วยดึงรถ
ถ้ารถยนต์ของคุณมีอุปกรณ์เชือกรอกติดรถไว้ โอกาสรอดของคุณมาถึงแล้วเพราะวิธีนี้ช่วยให้รถหลุดออกจากหล่มได้ง่าย ซึ่งวิธีใช้งานคือผูกเชือกระหว่างรถยนต์ของคุณกับต้นไม้หรือเสา จากนั้นเดินกลไกของรอกพร้อมเดินเครื่องยนต์ให้ช่วยดึงรถยนต์ของคุณขึ้นมา เพียงเท่านี้รถของคุณก็สามารถหลุดออกจากหล่มได้ง่ายดาย ดังนั้นอุปกรณ์รอกจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ควรจะซื้อติดไว้ในรถด้วย
ผูกเชือกกับท่อนไม้ไว้กับล้อรถ
อีกหนึ่งเทคนิกบ้าน ๆ ที่ใช้ได้ผลจริงคือให้คุณหาท่อนไม้ขนาดพอเหมาะมาแนบทางขวางชิดกับผิวสัมผัสยางล้อที่ติดหล่ม จากนั้นให้นำเชือกมาผูกท่อนไม้ร้อยติดเข้ากับกระทะล้อรถยนต์ให้แน่น เมื่อเดินเครื่องยนต์ไปข้างหน้าไม้ที่ผูกติดกับล้อก็จะช่วยผลักล้อให้ออกจากพื้นโคลน ซึ่งทำให้รถของคุณออกจากหล่มได้
ขอความช่วยเหลือ
เมื่อพยายามตามขั้นด้านบนแล้วยังไม่มีทีท่าว่ารถจะหลุดออกจากหล่ม ให้ลองสำรวจว่าแถวนั้นมีขาวบ้านหรือผู้ที่สัญจรผ่านไปมาหรือไม่ เพื่อขอความช่วยเหลือโดยอาจให้มาช่วยลากรถของเราหรือขอแรงมาช่วยดันท้ายรถ แต่ถ้าหากมีสัญญาณโทรศัพท์อาจโทรติดต่อขอความช่วยเหลือจากกรมทางหลวงชนบทหมายเลข 1146 เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำรถลากมาช่วยเหลือคุณ
รถติดหล่มขอความช่วยเหลือจากบริษัทประกันได้หรือไม่
โดยทั่วไปแล้วหากคุณทำประกันรถยนต์ชั้น 1 กับบริษัทประกันหรือโบรกเกอร์ชั้นนำก็จะมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน ซึ่งเป็นบริการเสริมที่บริษัทประกันจัดทำมาเพื่อช่วยเหลือกลุ่มลูกค้า โดยทางแรบบิท แคร์ เองก็มีบริการ Roadside Assistance ที่พร้อมช่วยเหลือคุณตลอด 24 ชั่วโมง หากรถของคุณติดหล่มหรือรถเสียไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็สามารถติดต่อมาขอความช่วยเหลือจากแรบบิท แคร์ ได้เลย โดยเราจะมีทั้งบริการรถลาก บริการเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ บริการกุญแจสำรอง และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินอื่น ๆ อีกมากมายให้กับคุณ
รถยนต์เสียหายจากเหตุการณ์รถติดหล่ม จะสามารถเคลมประกันได้หรือไม่?
เหตุการณ์รถยนต์ติดหล่มนั้นถือว่าเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งการเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่ส่งผลให้รถยนต์ของคุณเสียหายจะสามารถเคลมประกันรถยนต์ได้ แต่กรณีนี้ต้องเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้น เพราะประกันชั้น 1 จะคุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณีอย่างรถติดหล่มนั่นเอง สรุปแล้วหากรถยนต์ของคุณทำประกันภัยชั้น 1 และเกิดเหตุการณ์ติดหล่มจนได้รับความเสียหายไปว่าจะสตาร์ทไม่ติด ยางแตก น้ำเข้าเครื่อง มีรอยขีดข่วน ตลอดจนความเสียหายอื่น ๆ คุณจะได้สามารถใช้สิทธิ์เคลมได้นั่นเอง
รถติดหล่มจากอุบัติเหตุ ประกันรถยนต์แต่ละชั้นคุ้มครองอย่างไรบ้าง
เมื่อรถยนต์ติดหล่มจากอุบัติเหตุ เช่น หลุดถนนและติดหล่มในดิน โคลน หรือทราย การเคลมประกันรถยนต์จะขึ้นอยู่กับประเภทของประกันที่คุณมี ประกันแต่ละชั้นจะมีการคุ้มครองที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 (คุ้มครองมากที่สุด)
- คุ้มครองเต็มที่: ประกันชั้น 1 คุ้มครองในกรณีที่รถยนต์ติดหล่มจากอุบัติเหตุ ไม่ว่ารถจะติดหล่มจากการขับขี่ผิดพลาด การตกถนน หรืออุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี เช่น ขับรถหลุดลงไปในทางขรุขระและรถติดหล่ม
- บริการรถยก: ประกันชั้น 1 มักรวมถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน (Roadside Assistance) ซึ่งครอบคลุมการยกรถหรือดึงรถขึ้นจากหล่ม บริการเหล่านี้รวมถึงการเคลื่อนย้ายรถไปยังศูนย์ซ่อมที่ได้รับอนุญาต
- ค่าซ่อมแซมความเสียหาย: หากรถเกิดความเสียหายจากการติดหล่มหรือชนสิ่งกีดขวางในขณะที่ตกหล่ม ประกันชั้น 1 จะครอบคลุมค่าซ่อมแซมความเสียหายทั้งหมดต่อตัวรถของคุณ
2. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+
- คุ้มครองบางส่วน: ประกันชั้น 2+ คุ้มครองในกรณีที่รถติดหล่มจากอุบัติเหตุที่มีการชนกับยานพาหนะทางบก (มีคู่กรณี) หากการติดหล่มเป็นผลมาจากอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี ประกันชั้น 2+ จะช่วยคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถ
- ไม่คุ้มครองกรณีไม่มีคู่กรณี: ถ้ารถติดหล่มโดยไม่มีการชนกับรถคันอื่น เช่น ขับรถตกหล่มเอง ประกันชั้น 2+ จะไม่ครอบคลุมความเสียหายหรือต้นทุนในการดึงรถขึ้นจากหล่ม
- บริการรถยก: ในบางกรณี ประกันชั้น 2+ อาจมีบริการรถยกหรือช่วยเหลือฉุกเฉิน แต่ต้องตรวจสอบกับบริษัทประกันว่าเงื่อนไขการให้บริการเป็นอย่างไร
3. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+
- คุ้มครองเมื่อมีคู่กรณีเท่านั้น: ประกัน3+คุ้มครองอะไรบ้าง จะคุ้มครองเฉพาะในกรณีที่รถยนต์ติดหล่มเนื่องจากอุบัติเหตุที่มีการชนกับยานพาหนะทางบก แต่ถ้ารถติดหล่มเองโดยไม่มีการชนกับรถคันอื่น ประกันชั้นนี้จะไม่คุ้มครอง
- บริการรถยก: บริการรถยกหรือช่วยเหลือฉุกเฉินในกรณีติดหล่มอาจไม่ได้ครอบคลุมในประกันชั้น 3+ จึงควรตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ
4. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 และชั้น 3 (ไม่คุ้มครองกรณีรถติดหล่ม)
- ไม่คุ้มครองความเสียหายของรถคุณเอง: ประกันชั้น 2 ราคาถูก และประกันชั้น 3 คุ้มครองอะไรบ้าง ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ของคุณเอง ดังนั้น หากรถของคุณติดหล่มจากอุบัติเหตุ ประกันชั้น 2 และ 3 จะไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดึงรถขึ้นจากหล่มหรือการซ่อมแซมความเสียหายใด ๆ ต่อตัวรถ
- คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี: ประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง ประกันชั้น 2 และ 3 จะคุ้มครองเฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคู่กรณีหรือทรัพย์สินของบุคคลภายนอกเท่านั้น ดังนั้น หากไม่มีคู่กรณีในอุบัติเหตุ รถของคุณจะไม่ได้รับการคุ้มครอง
ข้อเสนอแนะกรณีรถติดหล่ม
- สำหรับรถยนต์ที่มีความเสี่ยงสูงในการติดหล่ม หรือขับขี่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการหลุดถนนหรือทางขรุขระ การเลือกประกันชั้น 1 จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากมีการคุ้มครองที่ครอบคลุมทุกกรณี.
สรุปแล้ว รถติดหล่มนั้นเป็นอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งหากใช้งานรถในท้องที่ทุรกันดาร แม้ว่าผู้ขับขี่อาจแก้ปัญหารถติดหล่มให้ผ่านพ้นไปได้ แต่เพื่อความอุ่นใจที่มากกว่าในขณะขับขี่ก็ควรต่อประกันรถยนต์และ พ.ร.บ. อย่าให้ขาด เพราะหากรถยนต์ของคุณได้รับความเสียหายขณะติดหล่มหรือคุณได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวก็จะได้รับความคุ้มครอง
Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology