ล้างอัดฉีด หมายถึงอะไร ในความจริงแล้วต่างจากล้างรถธรรมดาหรือไม่
เวลาที่เราต้องการทำความสะอาดรถภายนอก ให้ดูสวยเหมือนใหม่ หลายคนเลือกใช้บริการล้างอัดฉีดกับร้านที่ใกล้เคียง หรือร้านที่วางใจได้ ช่วยให้ดูแลเรื่องการทำความสะอาดผ่านกรรมวิธีที่ใช้เทคนิคเฉพาะทาง รวมถึงการพึ่งพาอุปกรณ์พิเศษที่ใช้ในการล้างอัดฉีดโดยตรง
สำหรับเจ้าของรถมือใหม่ที่เพิ่งออกรถมาได้ไม่นาน อยากลองทำความรู้จักล้างอัดฉีดให้มากขึ้น เพื่อการตัดสินใจเลือกบริการทำความสะอาดรถในอนาคตให้ดีที่สุด แรบบิท แคร์ เตรียมพร้อมข้อมูลพื้นฐานตั้งแต่แรกเริ่มว่า ล้างอัดฉีด คือ อะไร ไปจนถึง ราคาเท่าไหร่ ทำอะไรได้บ้างหากเราเข้ารับบริการ และเปรียบเทียบกับวิธีการดูแลรถด้านอื่น ๆ เพิ่มเติมให้ด้วย
ล้างอัดฉีด คืออะไร
ล้างอัดฉีด คือ การล้างรถด้วยน้ำยาสำหรับทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนผิวรถยนต์โดยเฉพาะ พร้อมกับการล้างผ่านเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง เพื่อช่วยขจัดคราบสกปรก หรือคราบฝังลึกบนตัวถังรถยนต์ ซึ่งอุปกรณ์การฉีดน้ำแรงดันสูง จะสามารถปรับระดับความแรงของน้ำได้ ช่วยให้สามารถใช้งานล้างอัดฉีดได้ในทุกพื้นผิวของรถยนต์
ล้างอัดฉีด ราคาเท่าไหร่
ราคาล้างอัดฉีดรถยนต์จะแบ่งออกตามประเภทรถยนต์ที่เข้ารับบริการ ปัจจุบันจะสามารถแบ่งหมวดหมู่ได้ประมาณ 3 หมวดหลัก คือ รถยนต์ธรรมดา (รถเก๋งทั่วไป), รถกระบะ และรถตู้ รถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ส่วนรายละเอียดการประมาณราคาล้างอัดฉีดเพิ่มเติม ติดตามล้างอัดฉีด รถยนต์ ราคาได้จากชุดข้อมูลลิสต์รายการดังต่อไปนี้
- รถยนต์ธรรมดา (รถเก๋งทั่วไป) ขนาดเล็กราคาเริ่มต้น 120-170 บาท / ขนาดกลางราคาเริ่มต้น 170-250 บาท / ขนาดใหญ่ราคาเริ่มต้น 270-400 บาท*
- รถกระบะ ราคาเริ่มต้นประมาณ 170-280 บาท*
- รถตู้ รถอเนกประสงค์ ราคาเริ่มต้นประมาณ 250-500 บาท*
ราคาที่นำเสนอเป็นเพียงการเก็บข้อมูลราคาเริ่มต้น จากค่าเฉลี่ยของร้านล้างอัดฉีดทั่วไปในประเทศไทย บางแห่งอาจมีการคำนวณราคาที่แตกต่างกันออกไป ตามเซอร์วิส หรือบริการที่เพิ่มเข้ามาให้ในแพ็กเกจล้างอัดฉีด เช่น หากร้านล้างอัดฉีดที่เราสนใจเปิดอยู่ใจกลางเมือง อาจมีค่าบริการที่แพงขึ้น ตามพื้นที่ที่ให้บริการ ส่วนร้านที่มีบริการล้างอัดฉีดแบบธรรมดา ไม่ได้มีบริการพิเศษเสริมเพิ่มเติม อาจได้ราคาที่ค่อนข้างถูก ตามประสิทธิภาพของเครื่องมือ กระบวนการที่ดูแล เป็นต้น
คำแนะนำเพิ่มเติม: บางร้านอาจใช้การวัดขนาดรถยนต์ตามประเภท Segments ของตัวรถ เพื่อเป็นการประเมินราคาอีกทีหนึ่ง หรือยิ่งถ้ามีพื้นผิวที่ต้องการดูแลพิเศษระหว่างการล้างอัดฉีด ก็อาจมีราคาที่เพิ่มขึ้นด้วย ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ที่มี Sunroof ที่ต้องเน้นเป็นพิเศษ มีโอกาสถูกคิดราคาแพงกว่ารถยนต์ที่อยู่ใน Segments เดียวกัน
ล้างอัดฉีด ทําอะไรบ้าง
ล้างอัดฉีดพื้นฐาน จะมีการดูแลประมาณ 7 ขั้นตอนด้วยกัน คือ ฉีดน้ำแรงดันไล่คราบฝุ่น คราบสกปรกออก, เตรียมน้ำยาล้างรถ, เริ่มลงน้ำยาล้างรถ, ใช้ฟองน้ำในการทำความสะอาดแบบแยกส่วนกัน, ล้างน้ำอีกรอบ, ลงน้ำยาขจัดรอยเปื้อนพิเศษ และเช็ดรถให้แห้งทันที หากปกติใครที่ทำความสะอาดรถด้วยตัวเอง ไม่มั่นใจเรื่องความละเอียดของขั้นตอน การเลือกใช้บริการล้างอัดฉีดยังถือเป็นตัวเลือกที่ดีแน่นอน ด้านรายละเอียดเพิ่มเติมแต่ละขั้นตอน ดูได้ดังนี้เลย
- ฉีดน้ำแรงดันไล่คราบฝุ่น คราบสกปรกออก เช่น คราบฝุ่นฝังแน่น คราบขี้นก ยางไม้ และอื่น ๆ ที่ปรากฎให้เห็นชัดเจนบนตัวถังรถยนต์
- เตรียมน้ำยาล้างรถ ผสมน้ำกับอัตราส่วนที่เหมาะสม เพื่อเตรียมลงบนตัวถังสำหรับขจัดความสกปรกออกไป
- เริ่มลงน้ำยาล้างรถ เริ่มต้นจากส่วนของหลังคารถก่อน จากนั้นค่อยไล่ระดับตามความสูงลงไปที่ส่วนอื่น
- ใช้ฟองน้ำในการทำความสะอาดแบบแยกส่วนกัน เพราะแต่ละพื้นที่อาจมีความหนาบางที่แตกต่างกันออกไป จึงต้องใส่ใจเลือกฟองน้ำที่มีผิวสัมผัส และความสามารถในการขัดคราบสกปรกออกไปต่างกัน
- ล้างน้ำอีกรอบ ทำความสะอาดน้ำยาและคราบสกปรกที่ใช้ฟองน้ำขัดเอาไว้จนหมด หากเหลือรอยที่ขัดไม่ออกจะได้เตรียมพร้อมเก็บรายละเอียดภายหลัง
- ลงน้ำยาขจัดรอยเปื้อนพิเศษ ไว้เก็บรายละเอียดร่องรอยที่ไม่สามารถทำความสะอาดได้ด้วยน้ำยา
- เช็ดรถให้แห้งทันที ด้วยการใช้งานผ้าไมโครไฟเบอร์ที่แห้งสนิท ปราศจากรอยเปื้อน ไม่มีเศษหิน ดิน ทราย เพื่อให้เช็ดได้สะอาดหมดจด
บางร้านล้างอัดฉีด อาจมีการดูแลรถยนต์ที่ละเอียดมากกว่าข้อมูลด้านบนทั้ง 7 ขั้นตอน แต่สำหรับร้านทั่วไป นี่จะเป็นพื้นฐานที่ทำกันค่อนข้างครบถ้วนดีอยู่แล้ว จึงมั่นใจได้เลยว่าคุณจะได้รับรถยนต์ที่สะอาดหมดจด เหมือนใหม่แน่นอนเมื่อเข้ารับบริการล้างอัดฉีด
ล้างสีดูดฝุ่น กับ ล้างอัดฉีด ต่างกันตรงไหน
ความแตกต่างระหว่างการล้างสี ดูดฝุ่น กับ ล้างอัดฉีด จะอยู่ที่เรื่องความละเอียดของกระบวนการ หากเลือกล้างสี จะเป็นเพียงการล้างทำความสะอาดรอบคันแค่ขั้นพื้นฐาน ร่วมกับการดูดฝุ่นภายในเสริมอีกเล็กน้อย ส่วนการล้างอัดฉีดจะให้บริการที่ครบถ้วนมากกว่าแบบที่เรานำเสนอไป รวมถึงล้างอัดฉีดจะล้างทำความสะอาดในส่วนใต้ท้องรถให้เราด้วย แถมยังมีกรรมวิธีการล้างที่ลงลึกกว่า จัดการความสกปรก หรือรอยสีได้ดีกว่านั่นเอง
ล้างอัดฉีด ต่างจากล้างธรรมดายังไง
ล้างอัดฉีดกับล้างรถธรรมดา ถือว่าเป็นสิ่งที่มีความแตกต่างกันมากที่สุด เนื่องจากการล้างธรรมดา จะไม่ได้ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง รวมถึงน้ำยาพิเศษ ฟองน้ำเฉพาะส่วน ในการทำความสะอาดคราบสกปรกบนตัวถังรถยนต์ ดังนั้นการล้างอัดฉีด จึงเป็นการดูแลรถยนต์ที่สามารถทำความสะอาดได้รอบด้านมากกว่าแน่นอน
ล้างสี กับ ล้างอัดฉีด ต่างกันยังไง
ล้างสีธรรมดาที่ไม่มีการดูดฝุ่นเสริม จะถือว่าต่างจากการล้างอัดฉีดสูงมาก เพราะเปรียบเทียบหมัดต่อหมัดเรื่องการล้าง ก็เก็บรายละเอียดได้ไม่เท่ากัน ลงน้ำยาที่ต่างกัน การขจัดคราบสกปรกล้างสีธรรมดา จะไม่ดีเท่าล้างอัดฉีด
ข้อควรรู้ก่อนเข้าบริการล้างอัดฉีด
สุดท้ายนี้ข้อควรรู้ก่อนเข้ารับบริการล้างอัดฉีด มีอยู่ด้วยกัน 6 ข้อ คือ เลี่ยงการล้างอัดฉีดในขณะที่เครื่องยนต์ยังร้อนจัดอยู่ อาจทำให้เกิดความเสียหายได้หากอุณหภูมิเปลี่ยนเร็วเกินไป, หากเป็นรถยนต์ EV หรือ Hybrid ควรแจ้งให้เลี่ยงการฉีดอัดเข้าไปใต้ห้องเครื่อง, น้ำไม่ควรอุณหภูมิสูงมากเกินไป มีความเสี่ยงทำให้พลาสติกเสียหายได้ง่าย, ไม่ควรทิ้งรถไว้ที่ร้าน ควรเฝ้าดูการทำความสะอาดอยู่เสมอ, ห้ามล้างในเวลากลางคืน เพราะอาจทิ้งคราบน้ำไว้ได้ง่ายกว่า รวมถึงโอกาสการมองข้ามร่งอรอยความสกปรกที่มองไม่เห็น และระมัดระวังความเสียหายจากแรงดันน้ำ ยิ่งถ้ามีจุดไหนเปราะบางเป็นพิเศษ ควรแจ้งพนักงานล้างอัดฉีดไว้ก่อนจะดีที่สุด
รถได้รับความเสียหายจากการล้างอัดฉีด เคลมประกันชั้นไหนได้บ้าง
สีรถเสียหาย หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ เสียหาย การเคลมประกันจะขึ้นอยู่กับประเภทของประกันภัยรถยนต์ที่คุณทำไว้ ดังนี้
1. ประกันรถยนต์ชั้น 1
ประกันชั้น 1 ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุบนท้องถนนหรือจากเหตุการณ์อื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการชนโดยตรง เช่น ความเสียหายจากการล้างรถแบบอัดฉีดหรือการดูแลรักษารถในรูปแบบอื่น ๆ จึงสามารถแจ้งเคลมได้ แต่บริษัทประกันอาจตรวจสอบรายละเอียดและความเป็นเหตุเป็นผล หากเป็นความเสียหายที่ชัดเจน คุณจึงสามารถเคลมได้ อย่างไรก็ตาม การเคลมอาจจะมีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเสียหายส่วนแรก (ค่า Excess) หรือมีการตรวจสอบเพิ่มเติม ดังนั้นควรตรวจสอบเงื่อนไขในกรมธรรม์อย่างละเอียด
2. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ และชั้น 3+
ประกันรถยนต์ 2+ และประกันรถยนต์ 3+ จะคุ้มครองเฉพาะกรณีความเสียหายที่เกิดจากการชนกับยานพาหนะอื่นเท่านั้น และไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากการล้างรถแบบอัดฉีดหรือการบำรุงรักษารถยนต์ ดังนั้น ความคุ้มครองจะไม่ครอบคลุมกรณีความเสียหายที่เกิดจากการล้างอัดฉีด ทำให้ไม่สามารถเคลมได้
3. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 และชั้น 3
ประกันรถยนต์ 2 และประกันรถยนต์ 3 จะให้ความคุ้มครองเฉพาะ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินและชีวิตของบุคคลภายนอกเท่านั้น ดังนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถของผู้เอาประกันในกรณีการล้างรถแบบอัดฉีดจะไม่อยู่ในความคุ้มครอง ทำให้ไม่สามารถเคลมได้เช่นกัน
ตอนนี้ทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความก็ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับการล้างอัดฉีดครบถ้วนแล้ว ที่เหลือขึ้นอยู่กับการตัดสินใจว่าจะเลือกใช้บริการที่ร้านไหน เลือกแพ็กเกจทำความสะอาดในรูปแบบใด เพื่อเป็นการตัดสินใจทำความสะอาดรถยนต์ที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะสามารถหาได้ นอกเหนือจากนั้นการพิจารณาเรื่องประกันรถยนต์เพิ่มเติม ยังถือเป็นอีกสิ่งที่ช่วยดูแลคุ้มครองรถยนต์ของเราได้อย่างครอบคลุมแบบหมดจด หากเกิดเหตุ เกิดปัญหาอะไรก็ตาม ที่อยู่ภายใต้การดูแลของประกันรถยนต์ เราจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลช่วยเหลือตลอดเวลา เคลมรถได้ง่าย ๆ ช่วยแบ่งภาระหนักให้กลายเป็นเบาสบาย
กรณีที่ต้องการติดต่อเพื่อปรึกษา สอบถาม ข้อมูลเรื่องประกันรถยนต์ สามารถติดต่อหา แรบบิท แคร์ โดยตรงได้ที่เบอร์ 1438 (24 ชั่วโมง) เจ้าหน้าที่จะพร้อมแนะนำให้อย่างเหมาะสม กับตัวเลือกจากบริษัทประกันภัยชั้นนำกว่า 30 แห่ง และยังมีส่วนลดสูงสุด 70% หรือจะเลือกผ่อน 0% ได้นานถึง 10 เดือนก็มีให้บริการเช่นเดียวกัน
สรุป
ล้างอัดฉีดคือการล้างรถโดยใช้น้ำยาพิเศษและเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงที่ช่วยขจัดคราบสกปรกฝังลึกบนตัวถังรถยนต์ ซึ่งมีขั้นตอนการล้างที่ละเอียดและลงลึกกว่าการล้างรถทั่วไป โดยมีการใช้ฟองน้ำเฉพาะและน้ำยาขจัดคราบต่าง ๆ รวมทั้งสามารถล้างส่วนใต้ท้องรถได้อีกด้วย ราคาบริการขึ้นอยู่กับประเภทของรถและพื้นที่ให้บริการ โดยราคาสำหรับรถเก๋งเริ่มต้นที่ 120 บาท ส่วนรถกระบะและรถตู้อเนกประสงค์จะเริ่มที่ 170-250 บาท และ 250-500 บาทตามลำดับ สำหรับการล้างสีและการล้างธรรมดา ความแตกต่างจะอยู่ที่การใช้เครื่องมือและกระบวนการทำความสะอาดที่ลึกซึ้งกว่าในล้างอัดฉีด การเลือกใช้บริการควรระมัดระวังเรื่องความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากน้ำแรงดันสูงและการปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับรถ.
Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology