ล้างรถให้ใหม่เอี่ยม! เหมือนออกจากคาร์แคร์
ถึงแม้จะคลายล็อคดาวน์ไปบ้างแล้ว แต่บางร้านค้าก็ยังไม่เปิดให้บริการ หรือใครที่ยังอยากจะเว้นระยะห่างทางสังคมอยู่ การล้างรถที่คาร์แคร์ก็อาจจะต้องงดเว้นไว้ก่อน แล้วแบบนี้ถ้าต้องล้างรถเอง จะล้างยังให้สะอาดเอี่ยมเหมือนออกมาจากคาร์แคร์ได้บ้าง มาดูเทคนิคดี ๆ กับ Rabbit Care กันดีกว่า
ล้างรถยังไงให้สะอาดเหมือนออกจากคาร์แคร์?
ท่องไว้! น้ำสะอาดดีที่สุด
ทันทีที่ฝนตก หลายคนมักจะชอบลักไก่ไม่ล้างรถบ่อย ๆ เราบอกเลยว่านั่นจะทำให้คราบสกปรกเหล่านั้นยิ่งแห้ง และติดเกรอะกรัง ล้างออกยากยิ่งกว่าเดิมซะอีก
ถ้าจะให้ล้างรถจริง ๆ คุณควรใช้น้ำสะอาด หรือล้างด้วยแชมพูสำหรับล้างรถโดยเฉพาะมากกว่าจะรอให้สายฝนชะล้างคราบสกปรก เพื่อถนอมสีรถให้คงทน และล้างออกง่าย โดยการล้างรถให้สิ่งสกปรก คราบฝุ่น หรือ ดิน ที่เกาะอยู่บนตัวรถที่จับตัวกันเป็นก้อนหลุดออกได้ง่ายคือฉีดน้ำไล่ตั้งแต่ด้านบนลงมาด้านข้างและด้านล่าง
ควรเปิดน้ำสะอาดล้างแต่พอดี ไม่ควรฉีดล้างแรง ๆ เพราะการฉีดน้ำแรง ๆ ในบางบริเวณซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน อาจเป็นการทำลายสีหรือพื้นผิวตัวถังโดยไม่จำเป็น หากต้องการขจัดคราบฝังแน่น ควรใช้น้ำยาล้างรถที่มีคุณภาพ และใช้ผ้าหรือฟองน้ำขัดออกจะเป็นการช่วยกำจัดคราบสกปรกเหล่านั้นได้ดีกว่า
แน่นอนว่า การใช้น้ำสะอาด หมายถึง เราไม่ควรใช้ถังน้ำหรือกะละมังใบเดียวตลอด ควรแยกกัน 2 ถัง ถังแรกใช้สำหรับผสมน้ำยาล้างรถ และถังที่ 2 เอาไปไว้จุ่มล้างเมื่อขัดบนตัวรถมาแล้ว ก่อนที่จะนำไปชุบถังที่ผสมน้ำยาล้างรถ จุดประสงค์เพื่อป้องกันการสะสมคราบสกปรกต่าง ๆ ในถังน้ำยาล้างรถ และเพื่อการล้างรถที่สะอาดจริง ๆ โดยไม่ทิ้งคราบต่าง ๆ เอาไว้
หลีกเลี่ยงแชมพูที่มีส่วนผสมของขี้ผึ้ง (wax) เพราะอาจทำให้ผิวสีเหนียวเหนอะ ฝุ่นเกาะง่าย ที่สำคัญต้องผสมน้ำยาล้างรถกับน้ำลงในถังน้ำตามคำแนะนำข้างขวด จึงจะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ใช้สบู่หรือน้ำยาล้างจานล้างรถ เป็นความคิดที่ผิด
เชื่อเถอะว่า สบู่ หรือน้ำยาล้างจาน ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อกำจัดคราบสกปรกบนพื้นผิวของตัวรถและล้อรถ หากนำมาใช้ล้างรถ อาจทำให้เกิดรอยด่างหรือเกิดคราบเปื้อนรถได้ง่าย แถมยังทิ้งคราบหลงเหลือไว้บนตัวรถ นอกจากนี้ยังอาจคอยทำร้ายสีรถให้หมอง ไม่เปล่งประกายอย่างที่ควร
เราแนะนำให้ใช้น้ำยาที่ผลิตมาสำหรับล้างรถโดยตรงจะดีกว่า ซึ่งจะทำให้รถคันโปรด สะอาด มันวาว และมีสีสวยชัดนานยิ่งขึ้น แต่สำหรับบริเวณกระจก ให้ใช้ผ้าถูด้วยสบู่อ่อน ๆ หรือน้ำยาทำความสะอาดกระจก เพื่อความเงางาม สะท้อนแดด
ฟองน้ำเนื้อละเอียด-ผ้านุ่มสะอาด ก็สำคัญ
ถ้าอยากให้รถยังมีสีเงางาม ไร้รอยขีดข่วน ให้ใช้ฟองน้ำเนื้อละเอียด หรือผ้านุ่ม ๆ ในการล้าง ขัด หรือกระทั่งใช้เช็ดรถให้แห้งสนิทในขั้นตอนสุดท้าย เพราะถ้าเราไม่หมั่นซักและขยี้ผ้าที่ใช้ล้างรถบ่อย ๆ อาจจะมีเศษดินทรายติด เมื่อนำมาขัดล้างรถก็จะขูดขีดให้เกิดรอยได้เช่นกัน
นอกจากซักผ้าที่ล้างรถแล้ว ควรเปลี่ยนน้ำในถังบ่อย ๆ เพราะสิ่งสกปรก และเม็ดทรายจะปนเปื้อนอยู่มาก ทำให้ตัวถังเป็นริ้วรอยได้
โดยหลักการเลือกฟองน้ำที่ง่ายที่สุดคือเน้นที่เนื้อนุ่มไว้ก่อน เพื่อป้องกันการเกิดรอยขณะล้างรถ และฟ้องน้ำสามารถอุ้มฟองแชมพู นอกจากจะช่วยให้การทำความสะอาดเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ยังช่วยประหยัดแชมพูล้างรถอีกด้วยนะคะ
ล้างรถให้สะอาดแบบคาร์แคร์
ขั้นตอนที่ 1 ใส่ใจตั้งแต่เริ่มต้น
ถ้าอยากล้างให้สะอาดเนี้ยบ ให้คุณใส่ใจตั้งแต่ขั้นตอนแรกสุด อย่างการใช้น้ำล้างสิ่งสกปรกต่าง ๆ ออกไปให้หมดเสียก่อน โดยล้างให้คราบสกปรกหลุดออกไปจากตัวรถให้มากที่สุด แล้วถึงเริ่มใช้น้ำยาล้างรถ ซึ่งจะลดความเสี่ยงในการเกิดริ้วรอยและยังช่วยถนอมสีรถให้มีสีสวยงามอยู่เสมอได้ด้วย
แน่นอนว่า ไม่ควรใช้ไม้ขนไก่เพื่อทำความสะอาดรถ เพราะขณะที่ปัดฝุ่น ไม้ปัดฝุ่นจะลากถูฝุ่นหรือเม็ดทรายไปตามสีผิวรถ ทำให้เกิดริ้วรอย และไม่ควรใช้ผ้าทำความสะอาดผิวรถ ปนกับผ้าทำความสะอาดล้อ หรือผ้าส่วนอื่นที่สกปรกมาก ๆ
ขั้นตอนที่ 2 ลงน้ำยาล้างรถ
ส่วนขั้นตอนการลงน้ำยาล้างรถ บางคาร์แคร์ใส่ใจมาก แยกการน้ำยาล้างรถแตกต่างกันตามสีของรถ (รถสีดำ สีโทนเข้ม และ สีขาว สีโทนอ่อน) จากนั้นให้เริ่มต้นใช้ฟองน้ำขัดที่ล้อทั้ง 4 ล้อ เป็นขั้นตอนแรก ส่วนเหตุผลที่ต้องล้างในส่วนของล้อก่อนนั้น เพื่อกันไม่ให้สิ่งสกปรกจากล้อกระเด็นไปเปรอะตัวรถ (แต่ถ้าเช็ดรถให้แห้งสนิท ควรเช็ดตั้งแต่ บนลงล่างแทน)
สำหรับการขัดถูที่ดี ควรจะขัดถูตามแนวยาวของรถ เพราะจะทำให้ขจัดคราบสกปรกต่าง ๆ ได้ดีกว่าการขัดวน ๆ เนื่องจากการขัดถูกแบบนี้ มักจะมีรอยคราบจาง ๆ เป็นวงปรากฏอยู่ให้เห็น
ขั้นตอนที่ 3 ล้างน้ำให้สะอาด
การล้างน้ำยาต่าง ๆ ให้ล้างตั้งแต่บนหลังคาลงมาด้านข้างตัวรถ ไปจนถึงฝากระโปรง และด้านหลัง โดยใช้ฟองน้ำขัดเน้นไปที่สิ่งสกปรกตามจุด (และไม่ควรขัดแรงมาก) ที่สำคัญ ฟองน้ำที่ใช้ล้างรถนั้นควรหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เศษ ดิน ทราย ที่ซุกซ่อนอยู่ในฟองน้ำไปขูดกับรถจนเกิดรอยขีดข่วน หรือถ้ากังวลว่าฟองน้ำจะสะสมเศษดินทราย ก็ลองเปลี่ยนมาใช้ผ้านุ่ม ๆ ล้างรถแทนจะดีกว่า
ขั้นตอนที่ 4 อย่ารอให้รถยนต์แห้งเอง
หลังจากที่ล้างรถจนเสร็จ ไม่ควรนำรถไปตากแดดทันทีโดยที่รถยังไม่แห้ง เพราะจะทำให้น้ำแห้งเร็ว เช็ดไม่ทัน และทำให้เกิดคราบน้ำเกาะแน่นบนตัวรถแทน คุณควรใช้ผ้าชามัวร์ หรือผ้าไมโครไฟเบอร์ สำหรับเช็ดรถโดยเฉพาะ เช็ดจากบนหลังคาแล้วไล่ลงมาที่ด้านล่าง เช็ดให้แน่ใจว่าแห้งสนิทป้องกันการเกิดสนิม และคราบน้ำในภายหลัง
นอกจากนี้ ควรเช็ดให้รถแห้งสนิทก่อนขับรถออกไปข้างนอก เพราะไม่เช่นนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับการเอารถไปตากฝน คราบสกปรกจะเกาะติดได้ง่าย ที่ล้างอย่างตั้งใจก็จะสูญเปล่า !!!
โดยขั้นตอนการเช็ดรถให้แห้งนี้ แนะนำให้ใช้ผ้าหลาย ๆ ผืน เพราะการใช้ผ้าหลาย ๆ ผืนจะทำให้มีโอกาสเกิดลอยขนแมวได้น้อย เช่น ใช้ผ้าเช็ดรถทั้งหมดจำนวน 3 ผืน แล้วแยกส่วนกันใช้ คุณอาจจะใช้ผืนนึงเช็ดบนหลังคา อีกผืนใช้เช็ดตัวรถ ส่วนผืนสุดท้ายใช้เช็ดล้อรถ เพื่อความสะอาดและเงางาม
เพียงเท่านี้ รถยนต์ของคุณก็สะอาดเอี่ยม เหมือนออกมาจากคาร์แคร์ล้างรถแล้ว และแน่นอนว่ารถสวย ๆ แบบนี้ คุณคงไม่อยากให้เกิดเรื่องคาดฝันขึ้นกับรถคันโปรดแน่ ๆ งั้นต้องนี่เลย ประกันรถยนต์ จาก Rabbit Care ที่ช่วยให้คุณอุ่นใจมากตลอดการขับขี่ เพราะเรามีประกันให้เลือกจากหลากหลายบริษัท แถมซื้อออนไลน์ง่าย ๆ อีกด้วย
สนใจ เปรียบเทียบประกันรถยนต์ คลิกเลย!
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct