ตะลอนสวย

เสริมจมูก มีกี่ประเภท? ราคาเท่าไหร่? ระหว่างทำเจ็บหรือไม่ อัพเดทฉบับ 2024

ผู้เขียน : Mayya Style

เป็นนักเขียนสายสุขภาพและการเงินที่มีประสบการณ์ในการเขียนมากมาย โดยได้ฝากผลงานในหลากหลายรูปแบบที่เน้นด้านบริหารร่างกายและจิตใจ ทำงานที่ Rabbit Care ได้อย่างมืออาชีพ

close
 
 
Published: June 20,2023

การศัลยกรรมถูกแพร่หลายกันในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ทำให้คนเราดูดีขึ้น มั่นใจในตัวเองมากขึ้น ความคิดของคนก็เริ่มเปิดกว้างขึ้น ทำให้เทรนด์การเสริมจมูก เสริมคาง เสริมหน้าอกเพิ่มมากขึ้น ก่อนที่คุณจะเริ่มทำ อยากแนะนำให้ศึกษาข้อมูลและรายละเอียดก่อนทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยและเลือกสถานพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ วันนี้น้องแคร์จะพาทุกคนไปรู้จักกับการเสริมจมูก ว่ามันคืออะไร มีกี่ประเภท ราคาเท่าไหร่ สามารถทำที่ไหนได้บ้าง มีขั้นตอนการดูแลตัวเองก่อนและหลังทำอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย!! 

  
เปรียบเทียบบัตรเครดิตที่ใช่ สมัครเลย!
icon angle up or down

สามารถเลือกได้มากกว่า 1 ข้อ

เด็กจบใหม่ รักการท่องเที่ยว รักการช้อปปิ้ง รักความหรูหรา รักสุขภาพ รักการกิน
  

การเสริมจมูก คืออะไร? 

การเสริมจมูก (nose surgery) คือกระบวนการทางศัลยกรรมที่ใช้เพื่อปรับเปลี่ยนหรือปรับรูปร่างของจมูก เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพของจมูกให้สอดคล้องกับความพึงพอใจของแต่ละบุคคล เช่น สามารถปรับความเล็ก-ใหญ่, ปรับความโค้ง-ความตรง ของจมูกได้ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อให้รูปร่างของจมูกเกิดความสมดุลและสอดคล้องกับโครงสร้างของใบหน้า การเสริมจมูกจึงเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องมีการประเมินความเหมาะสมและการวางแผนที่ถูกต้อง ดังนั้นควรพูดคุยกับศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญเพื่อข้อมูลที่แม่นยำก่อนทุกครั้ง

การเสริมจมูก มีกี่ประเภท?

การเสริมจมูกมีด้วยกัน 3 รูปแบบ ประกอบด้วย การเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) และการเสริมจมูกแบบ semi-open ซึ่งแต่ละเทคนิคจะขึ้นอยู่กับศัลยแพทย์เป็นผู้ประเมิน จะขึ้นอยู่กับรูปทรงของจมูกของแต่ละบุคคล ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดี และข้อเสียแตกต่างกันออกไป ดังนี้

1. การเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty)

เป็นการเสริมจมูกแบบโอเพ่น โดยที่ศัลยแพทย์จะทำการลงมีดที่บริเวณใต้ฐานจมูก และจะทำการกรีดเป็นแนวดิ่งจนเห็นแกนจมูก วิธีนี้ทำให้ศัลยแพทย์เห็นโครงสร้างจมูกได้ทั้งหมดอย่างชัดเจร ทำให้สามารถแก้ไขโครงสร้างจมูกไเดิมที่มีปัญหาด้ เหมาะกับคนที่จมูกคดเบี้ยว จมูกสั้น นอกจากนี้หมอยังสามารถตะไบฮีมพ์ได้ ทำให้สามารถแก้ไขได้อย่างตรงจุด ส่วนใหญ่แล้วศัลยแพทย์จะทำการเสริมจมูกด้วยศิลิโคนและอาจมีการรองปลายด้วยกระดูกหลังหูเพื่อป้อง กันจมูกทะลุ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ ดังนั้นใครที่เนื้อน้อย น้องแคร์ขอแนะนำให้ใช้วิธีนี้จะดีที่สุด 

2. การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)

การเสริมจมูก open แบบปิด เป็นเทคนิคการทำจมูกโดยหลัก ๆ แล้วจะใช้ซิลิโคน เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากแผลมีขนาดเล็ก การฟื้นตัวเร็วกว่า เจ็บน้อยกว่า และมีการซับซ้อนน้อยกว่าการทำจมูกแบบเปิด โดยแพทย์จะทำการสอดซิลิโคนเข้าไปในบริเวณสันจมูก ใช้เวลาทำไม่นาน แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ได้ปลายพุ่งเท่าการเสริมแบบโอเพ่น เหมาะกับคนที่จมูกไม่สั้น มีเนื้อหุ้มค่อนข้างหนา และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอะไรมากนัก  

3. การเสริมจมูกแบบ Semi-Open

การเสริมจมูก semi open คือหนึ่งในเทคนิคการเสริมจมูก แผลจะอยู่ที่รูจมูกทั้ง 2 ข้าง โดยแพทย์จะทำการใส่ซิลโคนเข้าไปตามแนวของฐานกระดูกเดิม วิธีนี้แพทย์จะเห็นโครงสร้างจมูกได้มากกว่าการเสริมจมูกแบบปิด ทำให้สามารถวางซิลิโคนได้อยากถูกต้อง แม่นยำมากขึ้นทำให้ลดโอกาสในการวางซิลิโคนผิดพลาด การเสริมโดยวิธีนี้ทำให้สามารถตอดฐานจมูก ตะไบจมูก และเย็บ interdome เพื่อทำให้ปลายจมูกพุ่งขึ้นได้ 

เทคนิคการแต่งปลายจมูก มีกี่วิธี

นอกจากซิลิโคนเสริมจมูกแล้ว ยังมีการใช้วิธีอื่น ๆ เพื่อทำให้ปลายจมูกแข็งแรง ดูพุ่งสวยมากกว่าเดิม โดยส่วนใหญ่จะมีอยู่ 3 วิธี คือ การใช้เนื้อเยื่อก้นกบ การใช้กระดูกอ่อนหลังหู และการใช้เนื้อเยื่อเทียม โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. การใช้เนื้อเยื่อก้นกบ (Dermofat Graft) 

ศัลยแพทย์จะทำการเปิดแผลบริเวณก้นกบ ประมาณ 1-2 เซนติเมตร เพื่อนำเนื้อเยื่อห้นกบออกมา โดยจะมีการตัดแต่งรูปทรงให้เหมาะสมก่อนที่จะเสริมไปที่ปลายจมูก เพื่อเพิ่มความยาวให้ปลายจมูก ทำให้ดูพุ่งและสวยงาม ข้อดีคือเป็นเนื้อเยื่อเราเองทำให้มีความเป็นธรรมชาติสูง โดยเนื้อเยื่อจะไปเรียบเนียนกับเนื้อจมูกทำให้ไม่เป็นเป็นรอยต่อใด ๆ สามารถลดความเสี่ยงในการทะลุได้ 

2. การใช้กระดูกอ่อนหลังหู (Ear Cartilage Graft)

ศัลยแพทย์จะทำการเปิดแผลที่บริเวณหลังจมูกขนาดประมาณ 1-2 เซนติเมตร และนำกระดูกอ่อนหลังหูออกมา และทำการตัดแต่งเพื่อให้ได้รูปทรงที่ต้องการก่อนนำมาเสริมบริเวณปลายจมูกของคนไข้ โดยวิธีนี้ไม่ได้ทำให้หูผิดรูปแต่อย่างใด ข้อดีคือทำให้ปลายจมูกมีความยาวและพุ่งมากกว่าการใช้เนื้อเยื่อก้นกบ แต่คนไข้ต้องมีเนื้อบริเวณปลายจมูกที่หนาพอสมควรเพื่อจะไม่ให้เห็นร่องรอยต่อ 

3. การใช้เนื้อเยื่อเทียม (Acellular Dermal Matrix)

เป็นการใช้วัสดุสังเคราะห์ที่มีการเลียนแบบมาจากเนื้อเยื่อของมนุษย์ มีความปลอดภัยเพราะได้รับการทดสอบจากทีมแพทย์ มีการใช้อย่างแพร่หลาย โดยการเสริมจมูกจะทำให้ปลายจมูกมีความพุ่ง ยาว และสวยยิ่งขึ้น เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการมีแผลเปิดในส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย 

เสริมจมูก ราคาเท่าไหร่? 

ราคาเสริมจมูกจะขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก ได้แก่ เนื้อเยื่อของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นกระดูกซี่โครง กระดูกอ่อนหลังหู หรือซิลิโคนเกรดการแพทย์ ราคาประมาณ 15,900-60,000 บาท หากต้องการตัดปีกจมูกร่วมด้วย ราคาตัดปีกจมูก เริ่มต้นที่ 15,000-20,000 บาท

เสริมจมูก กี่วันหายช้ำ? 

อาการบวม อักเสบ และช้ำเกิดขึ้นได้ในการทำจมูก ซึ่งอาการเหล่านี้จะเห็นได้ชัดในช่วง 7 วันแรกหลังการผ่าตัด หลังจากนั้นจะเริ่มยุบบวม ซึ่งบางคนอาจยุบเร็ว ยุบช้า ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายแต่ละคน รวมไปถึงการดูแลตนเองหลังการเสริมจมูก อย่างไรก็ตาม คุณควรรีบไปพบแพทย์อย่างเร่งด่วนหากครบ 14 วันแล้วอาการบวมยังไม่หายเพราะอาจเกิดการติดเชื้อภายในได้ 

การเสริมจมูกอันตรายไหม?

การศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยการใช้ซิลิโคน กระดูกออ่อนหลังหู หรือเนื้อเยื่อก้นกบ เป็นสิ่งที่ไม่อันตราย แต่สิ่งที่น่ากลัวและไม่ควรทำคือ “การฉีดจมูก” เพราะการฉีดยังไม่เป็นที่ยอมรับในทางการแพทย์และเป็นวิธีที่ผิด กฎหมาย หากเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อก็ไม่สามารถเอาออกได้เนื่องจากสารเหลวที่มีการฉีดเข้าไปอาจกระจายตัวและแทรกซึมอยู่ในจมูก ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากการฉีดจมูกคือ การบวมแดง อักเสบ ซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้  

จมูกทะลุ อันตรายไหม?

จมูกทะลุถือเป็นหนึ่งปัญหาหลักของคนที่เสริมจมูกเลยก็ว่าได้ เนื่องจากซิลิโคนที่ใส่มีความสูงเกินกว่าเนื้อจมูกจะรับได้ ทำให้เกิดการอักเสบและทะลุออกมาได้ โดยสัญญาณเตือนล่วงหน้าคือปลายจมูกจะใส่ เห็นขอบซิลิโคนชัด ค่อนข้างอันตรายเนื่องจากคุณต้องทำการผ่าตัดใหม่ โดยคุณต้องเอาซิลิโคนแท่งเก่าออก และพักจมูกเป็นระยะเวลสา 1 ปี ดังนั้น ใครที่กำลังจะทำจมูก แนะนำให้ปรึกษาแพทย์โดยละเอียดเกี่ยวกับความสูง ความหนาของซิลิโคน 

อาหารที่ควรรับประทานหลังเสริมจมูก 

หลังจากการทำศัลยกรรมเสริมจมูก ควรให้ความสำคัญกับการรักษาและการดูแลร่างกายเพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวและการหายของแผลผ่าตัด ในเชิงโภชนาการ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำที่แพทย์ ดังนี้

อาหารที่ควรรับประทานหลังการเสริมจมูก

  • ควรบริโภคอาหารที่เป็นโปรตีนสูงเพื่อส่งเสริมกระบวนการฟื้นตัวของแผลผ่าตัด เช่น เนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ เนื้อปลา เนื้อไก่ ถั่วเหลือง เป็นต้น เหล่านี้เป็นอาหารที่มีประโยชน์สำหรับการฟื้นตัว
  • ควรบริโภคผักและผลไม้สดที่ร่วมเป็นส่วนผสมในอาหาร เพื่อให้ได้รับวิตามินและเส้นใยอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกาย
  • ควรดื่มน้ำเพียงพอเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของร่างกายและช่วยในกระบวนการฟื้นตัว แนะนำให้ดื่มวันละ 8 แก้วขึ้นไป

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหลังการเสริมจมูก

  • ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรืออาหารที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้การหายของแผลช้าลงได้และส่งผลกระทบต่อกระบวนการฟื้นตัว
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเผ็ดหรือเครื่องเทศที่ร้อน เพราะอาจนำให้น้ำมูกไหล และทำให้แผลเกิดการติดเชื้อได้ 
  • หลีกเลี่ยงอาหารทะเลและไข่ เช่น กุ้ง หอย ปลาหมึก ปลา 

การปฏิบัติด้านโภชนาการหลังการเสริมจมูกจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลและคำแนะนำจากแพทย์ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมสำหรับตัวคุณเอง

เหล่านี้คือข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการเสริมจมูก อย่ายึดติดกับค่านิยมแบบเก่า ๆ ขอให้คุณมั่นใจในตัวเองว่าการศัลยกรรมเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวของคุณดูดีขึ้น อย่างไรก็ตามอย่าลังเลที่จะมองหาตัวเลือกเสริมในการจ่ายเงิน โดยการสมัครบัตรเครดิตกับ แรบบิท แคร์ เราเป็นพันธมิตรกับธนาคารมากมาย เช่น Citibank, KTC, TTB และอื่น ๆ อีกมากมาย มาพร้อมสิทธิพิเศษที่หลากหลายตามเงื่อนไขของบัตรที่คุณสมัคร หากมีปัญหา แรบบิท แคร์ ก็มีเจ้าหน้าที่ที่พร้อมดูแลคุณตลอด 24 ชั่วโมง หากสนใจโทรเลย 1438


 

บทความตะลอนสวย

ตะลอนสวย

ต่อขนตา มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร มีความเสี่ยงอะไรหรือไม่ รวมสิ่งที่น่ารู้เกี่ยวกับการต่อขนตา

เรื่องความสวยความงามกับสาว ๆ นั้นเป็นของคู่กัน การต่อขนตาก็เป็นหนึ่งในทางเลือกในการดูแลความงามที่ได้รับความนิยมมากเช่นกัน
กองบรรณาธิการ
01/04/2024

ตะลอนสวย

เสริมหน้าอกอันตรายไหม ? ราคาเท่าไหร่ ต้องพักฟื้นกี่วัน ?

สมัยนี้การเสริมหน้าอกไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่หรือเป็นการศัลยกรรมที่ฟังดูเข้าถึงยาก
คะน้าใบเขียว
20/12/2023