แคร์ยานยนต์

เทียบความต่างระหว่าง ตู้ล้างรถหยอดเหรียญ vs คาร์แคร์ล้างรถ

ผู้เขียน : Thirakan T

Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology

close
แก้ไขโดย : คะน้าใบเขียว

นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care

close
 
Published: March 5,2024

พอเทคโนโลยีพัฒนามากขึ้น ความสะดวกสบายในหลายอย่างก็เพิ่มตาม อย่างเช่น ตู้ล้างรถหยอดเหรียญ ที่ทุกคนสามารถจัดการล้างรถด้วยตัวเองได้อย่างง่ายดาย มีอุปกรณ์ครบครัน ราคาเข้าถึงง่าย ซึ่งธุรกิจนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ทำให้มีบริการตู้ล้างรถหยอดเหรียญกระจายตัวอยู่ทั่วทุกชุมชนเต็มไปหมด แต่ในขณะเดียวกันบริการคาร์แคร์ล้างรถเองก็ยังมีมากอยู่เช่นเดียวกัน เพื่อให้ทุกคนที่มีโอกาสเปิดเข้ามาอ่านบทความนี้ ได้รับข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับตู้ล้างรถหยอดเหรียญทั้งหมด พร้อมกับการเปรียบเทียบเบื้องต้นว่าระหว่างบริการล้างรถหยอดเหรียญด้วยตัวเอง กับคาร์แคร์ล้างรถ แบบไหนจะพร้อมตอบโจทย์ให้คุณได้มากกว่ากัน

ห้ามพลาด! ประกันรถชั้น 1 เบี้ยเริ่มต้น 1,000.-/เดือน
icon angle up or down

    เลือกยี่ห้อรถของคุณ

    ชื่อนามสกุล

    หมายเลขโทรศัพท์

    ตู้ล้างรถหยอดเหรียญคืออะไร

    ตู้ล้างรถหยอดเหรียญ คือ บริการล้างรถที่เราสามารถเข้าไปใช้งานได้อย่างอิสระ เพียงแค่หยอดเหรียญลงไปในเครื่อง จากนั้นคุณจะสามารถเลือกใช้งานสิ่งที่ตู้ล้างรถมีให้บริการได้ตามจำนวนเงินที่หยอดไป ถ้าหากใช้จนเงินหมด ก็สามารถเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ ไม่มีกำหนดเวลาใช้งาน ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าหรือค่าบริการตู้ เพียงแค่หยอดเหรียญลงไปตามที่ต้องการใช้งานเท่านั้นก็พอแล้ว

    วิธีใช้ตู้ล้างรถหยอดเหรียญ

    วิธีใช้ตู้ล้างรถหยอดเหรียญ เริ่มต้นง่าย ๆ เพียงแค่ประเมินค่าใช้จ่ายจากขนาดรถยนต์และสิ่งที่เราต้องการทำ เช่น อยากล้างฝุ่นออกก่อนค่อยลงโฟม แล้วล้างซ้ำอีกรอบ พร้อมเป่าลมตอนหลัง พอประเมินสิ่งที่ต้องการทำเรียบร้อย ให้เราแลกเหรียญมาไว้สำหรับการหยอดลงเครื่อง เพื่อใช้งานระบบต่าง ๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วขั้นตอนการใช้งานตู้ล้างรถหยอดเหรียญ มักจะเริ่มดังนี้

    • หยอดเหรียญตามที่เราคิดว่าจะใช้บริการได้พอดีต่อความต้องการ (อาจลองเริ่มต้นที่ 40-50 บาท)
    • หลังจากนั้นทำตามขั้นตอนที่เราวางแผนเอาไว้ เช่น ฉีดน้ำแรงดันเพื่อไล่ฝุ่นออกจากตัวรถให้สะอาดก่อน พอจัดการฝุ่นรอบคันเสร็จก็ปิดระบบน้ำให้เรียบร้อย
    • หันไปกดปุ่มเพื่อเปิดระบบฉีดโฟมทำความสะอาด เริ่มฉีดไล่ให้ทั่วทั้งคัน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เราคิดว่าค่อนข้างสกปรก 
    • ฉีดโฟมเสร็จแล้วหากมีจุดไหนต้องการทำความสะอาดเป็นพิเศษ ให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดบริเวณนั้นจนกว่าจะจัดการคราบสกปรกออกได้หมด
    • จัดการเปิดระบบน้ำเพื่อฉีดล้างโฟมและคราบสกปรกที่เราขัดไว้ออกไปจนหมด 

    เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการล้างรถง่าย ๆ ด้วยตู้ล้างรถหยอดเหรียญ ส่วนใครที่อยากเช็ดแห้งให้เรียบร้อยแบบหมดจดจริง ๆ อาจมีการหยอดเหรียญเพิ่มเติมในการใช้ระบบเป่าลมระหว่างการเช็ด แต่ตรงนี้แนะนำว่าการใช้งานระบบลม ถือว่ามีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบจำนวนเงินที่หยอดลงไป กับช่วงเวลาที่สามารถใช้งานได้

    ตู้ล้างรถหยอดเหรียญแพงไหม?

    ถ้าหากเป็นรถเก๋งไปจนถึงระดับ B-SUV แล้วต้องการทำความสะอาดฝุ่นด้วยการฉีดน้ำ 1 รอบ พ่นโฟมทำความสะอาดรอบคัน 1 รอบ และฉีดน้ำทำความสะอาดโฟม 1 รอบ จะมีค่าใช้บริการตู้ล้างรถหยอดเหรียญ เฉลี่ย 40-60 บาทเท่านั้นเอง ถือว่าช่วยประหยัดได้อย่างมากเลยทีเดียว เว้นแต่ว่าถ้าใครต้องการเพิ่มการเป่าลม อย่างที่เราได้กล่าวไว้ในเนื้อหาหัวข้อก่อนหน้านี้ อาจต้องเพิ่มเงินอีกประมาณ 20-40 บาท เพราะระบบการเป่าลมมีราคาค่อนข้างสูงนั่นเอง 

    ตู้ล้างรถหยอดเหรียญ ใช้เหรียญอะไร

    แท้จริงแล้วระบบของตู้หยอดเหรียญสำหรับการล้างรถส่วนใหญ่ รองรับการใช้งานกับเหรียญทุกประเภท เริ่มต้นตั้งแต่ เหรียญ 1 2 5 และ 10 บาทได้อย่างครอบคลุม ดังนั้นไม่ต้องกังวลเลยว่าจะใช้งานได้ลำบากหรือไม่ ขอเพียงแค่เราเตรียมเหรียญไปที่ตู้ล้างรถหยอดเหรียญ ตามเงื่อนไขขั้นต่ำการใช้งานให้พร้อม ก็สามารถใช้งานได้ทุกเวลา โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นเหรียญอะไร หรือบางแห่งสามารถรับธนบัตรได้ด้วย จะยิ่งเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้นไปอีก

    ตู้ล้างรถหยอดเหรียญ มีอะไรให้เราใช้บ้าง

    โดยทั่วไปแล้วระบบพื้นฐานส่วนใหญ่ของตู้ที่เรามีโอกาสเจอได้ง่าย มักจะเป็นการหยอดเหรียญลงไป ระบบจะทำการนับยอดเงินแล้วโชว์ขึ้นมาเป็นจำนวนเงินที่เราใส่ไว้ พร้อมกับปุ่มกดเพิ่มเปิดปิดระบบต่าง ๆ ของตู้ล้างรถหยอดเหรียญ เช่น ระบบฉีดน้ำแรงดัน, ระบบฉีดโฟม, ระบบเป่าลม, ระบบปล่อยน้ำสำหรับล้างมือหรือใส่ถัง และระบบอื่น ๆ ที่ขึ้นอยู่กับตู้ที่คุณใช้บริการ ซึ่งยิ่งตู้ที่มีราคาสูง จะยิ่งมีระบบที่มากขึ้น จนสามารถทำการล้าง อัด ฉีด กันได้แบบครบวงจรเลยนั่นเอง

    ตู้ล้างรถหยอดเหรียญ ใช้ยังไงให้รถสะอาด

    ตู้ล้างรถหยอดเหรียญ ใช้ยังไงให้สะอาด ต้องมีความละเอียดในการล้าง เช็ด ถูด้วยตัวเอง เพราะถ้าปกติเราไปร้านคาร์แคร์ล้างรถที่มีมาตรฐานดี ๆ จะมีการเก็บงานที่ละเอียดมาก ไม่ว่าจะเป็นการไล่ฝุ่น การฉีดโฟม การขัดถูกเฉพาะจุด ไปจนถึงการดูดฝุ่นเก็บงานภายใน และขัดเคลือบสีตัวถังภายนอกทั้งหมด ฉะนั้นเราต้องทำให้ได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของร้านมืออาชีพ จะช่วยให้การใช้งานตู้ล้างรถหยอดเหรียญ ล้างรถยนต์ของคุณได้สะอาดแบบหมดจด

    ซึ่งเทคนิคขั้นพื้นฐานในการใช้งานตู้ล้างรถหยอดเหรียญ ให้คุณได้ล้างรถสะอาดถูกใจ ลองเอาคำแนะนำด้านล่างนี้ ไปทำตามเมื่อใช้บริการได้เลย

    • เริ่มต้นฉีดน้ำก่อน: เพื่อทำความสะอาดฝุ่น หรือคราบสกปรกที่ติดอยู่ให้หลุดออกไป หากเราใช้อะไรมาขัดออกโดยไม่เช็กให้ดี แทนที่จะขจัดคราบสกปรก อาจได้ริ้วรอยเพิ่มขึ้นแทน
    • ฉีดโฟมให้ทั่วคัน และเช็ด: โดยเฉพาะในจุดที่คิดว่ามีความสกปรกมาเป็นพิเศษ ให้ฉีดโฟมไว้หนาในระดับหนึ่ง ซึ่งอาจฉีดโฟมพร้อมเช็ดไปด้วยรอบละ ⅓ หรือครั้งละครึ่งคัน เพราะถ้าเราฉีดโฟมทีเดียวทั่วคัน โฟมในส่วนที่ถูกฉีดออกไปก่อน อาจจางหาย ไหลลงพื้นจนหมดก่อนที่เราทำการขัดเสียอีก
    • ฉีดน้ำล้างให้สะอาด: พร้อมกับใช้ผ้าสะอาดที่ไม่เปื้อนโฟม คอยเช็ดเก็บรายละเอียดในบางจุดที่ยังเหลือร่องรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ 
    • เป่าลมในส่วนที่คิดว่าแห้งยาก: หากใครพอมีเวลาและงบเหลือ สามารถใช้ระบบเป่าลมเพื่อทำการเช็ดให้แห้งหมาด เนื่องจากบางจุดถ้าเราปล่อยคราบน้ำไว้ พอรถวิ่งออกไปเจอละอองฝุ่น ก็จะกลายเป็นคราบฝุ่นเหมือนหยดน้ำเกาะไปทั่วอยู่ดี

    เทคนิคการใช้งานตู้ล้างรถหยอดเหรียญก็มีเพียงเท่านี้ หากทำตามขั้นพื้นฐานได้อย่างเหมาะสมตามขนาดรถยนต์ของคุณ จะช่วยให้คุณสามารถล้างรถได้สะอาดหมดจด เคลียร์ทุกบริเวณได้ตามต้องการ แถมยังช่วยประหยัดงบได้ตามที่คุณต้องการอีกต่างหาก

    เปรียบเทียบระหว่าง คาร์แคร์ล้างรถ vs ตู้ล้างรถหยอดเหรียญ

    เปรียบเทียบระหว่าง คาร์แคร์ล้างรถ vs ตู้ล้างรถหยอดเหรียญ ว่าแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งในความเป็นจริงเราคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าสิ่งที่แตกต่าง คงหนีไม่พ้นเรื่องบริการทั้งหมด กับค่าบริการที่มีการเก็บไม่เท่ากันจากทั้งสองรูปแบบ ซึ่งสามารถสรุปคร่าว ๆ ได้ดังตารางด้านล่างนี้

    บริการราคา
    คาร์แคร์ล้างรถมีบริการหลากหลาย เช่น ทำความสะอาดภายนอก ภายใน เคลือบสีรถ เคลือบแก้ว และอื่น ๆ ตามแต่ละที่จะมีให้บริการขึ้นอยู่กับบริการที่เราเลือกใช้ ยิ่งมีการทำงานที่มากขึ้น หรือละเอียดเท่าไหร่ จะมีราคาแพงขึ้นเท่านั้น
    ตู้ล้างรถหยอดเหรียญมีบริการที่ฉีดน้ำแรงดัน ฉีดโฟม เป่าลม น้ำประปา บางตู้อาจมีบริการดูดฝุ่น หรือพ่นยางดำเข้ามาด้วยค่าบริการกำหนดเป็นรายวินาที เช่น ฉีดน้ำเฉลี่ย 1 บาทได้เฉลี่ย 10-15 วินาที ฉีดโฟม 1 บาทได้เฉลี่ย 10-12 วินาที เป็นต้น

    ทีนี้จะเลือกใช้บริการไหน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และบริการที่คุณต้องการ อยากเร็ว สะอาดได้ตามที่เราจัดการเองไหว อยากคุมงบประมาณ เลือกตู้ล้างรถหยอดเหรียญ แต่ถ้าต้องการความเนี้ยบ การเก็บรายละเอียด หรือบริการพิเศษเพิ่มเติมเลือกคาร์แคร์ล้างรถได้เลย


    สรุปแล้ว คนที่เข้ามาอ่านบทความนี้คงเป็นคนที่รักรถอย่างมาก ถึงต้องการทำความเข้าใจเกี่ยวกับบริการของตู้ล้างรถหยอดเหรียญ รวมถึงการเปรียบเทียบกับคาร์แคร์ล้างรถไปอีก ฉะนั้นถ้ารักรถมากขนาดนี้ แรบบิท แคร์ อยากให้ทุกคนพิจารณาเลือกประกันรถยนต์เพิ่มเติมเอาไว้ เพื่อการดูแลคุ้มครองตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นช่วงไหน เพราะที่ แรบบิท แคร์ ใส่ใจดูแลแคร์คุณ 24 ชั่วโมง มีตัวเลือกจากบริษัทประกันภัยชั้นนำระดับประเทศมากกว่า 30 แห่ง และยังมีส่วนลดสูงสุดถึง 70% ถ้าสนใจรับรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อเข้ามาได้ที่เบอร์ 1438 (ตลอดเวลา)


     

    บทความแคร์ยานยนต์

    แคร์ยานยนต์

    รถชื่อเรา คนอื่นขับรถชน เคลมประกันได้ไหม?ประกันคุ้มครองหรือเปล่า?

    หลายคนอาจเคยประสบเหตุที่ต้องให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวยืมรถไปใช้งาน ไม่ว่าจะตั้งใจหรือจำใจให้ยืม
    Thirakan T
    10/05/2024

    แคร์ยานยนต์

    ดาวน์รถมอไซค์ ต้องทำอย่างไร ใช้เอกสารอะไรบ้าง

    วิธีการซื้อมอเตอร์ไซค์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน คงต้องยกให้กับการดาวน์รถมอไซค์ที่ทั้งดาวน์ด้วยเงินส่วนหนึ่งตามที่กำหนด
    Thirakan T
    07/05/2024

    แคร์ยานยนต์

    เบาะหนังรถยนต์ กับ เบาะผ้ารถยนต์ แตกต่างกันยังไง แบบไหนโดนใจคุณมากกว่ากัน

    อาจต้องยอมรับว่าสมัยนี้รถยนต์ส่วนใหญ่ เลือกใช้งานเบาะหนังรถยนต์กันเป็นมาตรฐานไปเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้บางรุ่นจะยังมีเบาะผ้ารถยนต์ให้เลือกอยู่บ้าง
    Thirakan T
    01/05/2024