เติมน้ำมันผิด เคลมประกันรถได้ไหม?
การเติมน้ำมันรถยนต์ผิดประเภทเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น เติมน้ำมันเครื่องแทนน้ำมันดีเซล, เติมน้ำมันเครื่องแทนน้ำมันเบนซิน หรือเติมน้ำมันอื่น ๆ ที่ไม่เหมาะสมสำหรับรถยนต์ของเรา สาเหตุอาจเกิดจากความผิดพลาดของผู้ขับขี่หรือการสับสนเกี่ยวกับประเภทของน้ำมัน
แต่สิ่งที่น่ากังวลกว่านคือ หากเราเติมน้ำมันรถยนต์ผิดประเภทจนทำให้เกิดความเสียหายกับรถยนต์ เราจะสามารถเคลมประกันรถยนต์ได้หรือไม่? รถยนต์จะพังหรือเปล่า? วันนี้ ไปหาคำตอบกับ แรบบิท แคร์ กันดีกว่า
ทำไมการเติมน้ำมันรถผิดประเภท รถยนต์ถึงมีปัญหา?
การเติมน้ำมันรถผิดประเภทอาจทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ กับรถยนต์ เนื่องจากคุณสมบัติและคุณลักษณะของน้ำมันที่แตกต่างกัน น้ำมันเครื่องที่ใช้ในรถยนต์มีลักษณะและสมบัติทางเคมีที่เหมาะสำหรับระบบเครื่องยนต์ที่ออกแบบมา และเติมน้ำมันที่ผิดประเภทอาจมีผลกระทบต่อระบบที่สำคัญภายในรถยนต์ได้ ซึ่งจะส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ดังนี้
น้ำมันเครื่องที่ผิดประเภทอาจมีความหนืดที่แตกต่างกัน น้ำมันที่หนืดหรือเหลวเกินไปอาจทำให้เกิดการทำงานที่ไม่เหมาะสมของส่วนต่าง ๆ ในเครื่องยนต์ และอาจส่งผลให้เกิดการเสียหายต่อระบบเครื่องยนต์ได้
การเติมน้ำมันรถผิดประเภทอาจทำให้เกิดความเสียหายกับชุดต่าง ๆ ในรถยนต์ เช่น ชุดส่งกำลัง (ตัวส่งกำลังหน้าเครื่อง, กล่องเกียร์) หรือชุดน้ำมัน (ซับเมอร์, ซีลสายพาน) ซึ่งอาจทำให้รถยนต์ของคุณต้องซ่อมแซมหรือการเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่เลยก็ได้!
น้ำมันที่ผิดประเภทอาจมีส่วนผสมหรือสารเคมีที่ไม่เหมาะสมสำหรับระบบหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ในรถยนต์ เช่น ระบบเบรก, ระบบคลัช, ภาชนะน้ำมัน เมื่อเติมน้ำมันผิดประเภทลงไป อาจทำให้เกิดการสึกหรอทำลายระบบหรืออุปกรณ์เหล่านั้นได้
จะเห็นได้ว่า ผลลัพธ์ที่ตามมา ล้วนเป็นข้อเสียมากกว่าข้อดี ซึ่งบางครั้งอาจทำให้รถยนต์ของคุณได้ ดังนั้นแล้ว คุณควรให้ความสำคัญกับรายละเอียดต่าง ๆ ของรถยนต์ที่ขับ และเลือกเติมน้ำมันให้ถูกประเภทรถยนต์นั้น ๆ จะดีที่สุด
ถ้าเกิดเติมน้ำมันผิดต้องทําไง?
ในกรณีที่เกิดความเข้าใจผิดจนเติมน้ำมันรถยนต์ผิดประเภท สามารถทำตามขั้นตอนได้ ดังต่อไปนี้
หยุดเติมน้ำมันทันที
เมื่อรู้ตัวว่าเติมน้ำมันผิดประเภท ควรหยุดเติมน้ำมันทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับระบบเชื้อเพลิงหรือเครื่องยนต์ของรถยนต์
อย่าเปิดเครื่องยนต์
หลีกเลี่ยงการเปิดเครื่องยนต์ในสภาวะที่คุณเติมน้ำมันผิดประเภท น้ำมันที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดความเสียหายกับระบบเชื้อเพลิงหรือเครื่องยนต์ได้
ติดต่ออู่ซ่อม
แจ้งให้พนักงานรับเรื่องทราบว่าคุณเติมน้ำมันผิดประเภทกับรถยนต์ และอย่าลืมแจ้งว่าแท้จริงคุณต้องเติมน้ำมันประเภทใดให้กับรถ ช่างจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนถัดไปที่ควรทำ เช่น การติดต่อรถลากเพื่อนำรถยนต์ขอคุณมาซ่อมแซ่ม
ล้างระบบน้ำมันและตรวจสอบความเสียหายต่าง ๆ
ช่างจะทำการล้างระบบน้ำมันทั้งหมด โดยเปลี่ยนน้ำมันเก่าออกและทำความสะอาดช่องท่อหรือเครื่องยนต์ตามที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงอาจมีการตรวจสอบระบบเชื้อเพลิงหรือเครื่องยนต์อื่น ๆ เพิ่มเติมว่า มีความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการเติมน้ำมันผิดประเภทหรือไม่
เติมน้ำมันผิด ค่าซ่อมเท่าไหร่? เคลมประกันได้หรือเปล่า?
ทั้งนี้ค่าซ่อมรถยนต์ที่เกิดจากการเติมน้ำมันผิดประเภทจะขึ้นอยู่กับระดับความเสียหายและความซับซ้อนของระบบหรือส่วนที่ได้รับผลกระทบ ราคาซ่อมรถยนต์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละสถานการณ์ และอาจต้องพิจารณาตามความเสียหายที่เกิดขึ้นเพื่อประเมินราคาซ่อม โดยรวมแล้ว ราคาซ่อมรถยนต์อาจมีการคำนวณตามราคาอะไหล่ที่ต้องเปลี่ยน ค่าแรงช่าง และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการซ่อมแซมรถยนต์
การประเมินราคาซ่อมรถยนต์ที่เติมน้ำมันผิดประเภทอาจใช้เกณฑ์ต่าง ๆ ที่สำนักงานประกันภัยหรือร้านซ่อมรถยนต์ใช้ หรืออาจต้องใช้การประเมินจากช่างรถยนต์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้เพื่อประเมินว่าจะต้องใช้ค่าซ่อมแซมทั้งหมดเท่าไหร่
เติมน้ำมันผิดเรียกร้องอะไรได้บ้าง? หรือเติมน้ำมันผิดเคลมประกันได้ไหม?
สำหรับผู้ที่เติมน้ำมันผิดโดยไม่ได้เกิดขึ้นจากตนเอง อาจจะต้องดูว่ามาจากสาเหตุใด เช่น ถ้าทางปั๊มน้ำมันเป้นผู้เข้าใจผิด เติมน้ำมันคนละประเภทให้รถยนต์ของคุณ ทางปั๊มน้ำมันอาจจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ แต่ถ้าเป็นความเข้าใจผิดของตัวคุณเอง การเคลมประกันอาจจะต้องดูแยกเป็นกรณี ๆ ไป เนื่องจากบางบริษัทประกันอาจมีนโยบายที่ช่วยเหลือในกรณี แต่อาจมีเงื่อนไขพิเศษ หรืออาจเป็นการคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการเติมน้ำมันผิดประเภทแทน เช่น ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่อาจให้ความคุ้มครองในด้านบริการอู่ซ่อมรถที่ได้คุณภาพ และบางแห่งอาจคุ้มครองถึงเหตุการร์ดั่งกล่าวด้วย
แต่หากเกิดกรณีที่บริษัทประกันฯไม่มีเงื่อนไขและนโยบายคุ้มครองสำหรับการเติมน้ำมันรถผิดประเภท บริษัทประกันรถยนต์อาจไม่รับเคลมการซ่อมในกรณีนี้ เนื่องจากเป็นความผิดที่เกิดจากการใช้งานไม่ถูกต้องซึ่งอาจไม่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันรถยนต์
ซึ่ง แรบบิท แคร์ แนะนำว่า ไม่ว่าจะเกิดกรณีใดขึ้นก็ตาม จะคุ้มครองหรือไม่ คุณควรติดต่อบริษัทประกันรถยนต์ของคุณเพื่อสอบถามเพิ่มเติมและตรวจสอบว่ามีวิธีการใดที่สามารถช่วยคุณในกรณีนี้ได้บ้าง
และสำหรับใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ ต้องการผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำปรึกษาทั้งก่อนและหลังการทำ ต้องที่นี้เลย แรบบิท แคร์ ที่นี้นอกจาอกบริการเปรียบเทียบประกันรถยนต์แล้ว ยังมีบริการช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงช่วยเหลือประสานงานด้วย สมัครง่าย ผ่อนเบี้ยประกันรถได้ 0% แบบนี้ คลิกเลย!
ความคุ้มครองประกันรถยนต์
ตารางความคุ้มครอง | ผลประโยชน์ | ||||
ประกันรถยนต์ ชั้น 1 | ประกันรถยนต์ ชั้น 2+ | ประกันรถยนต์ ชั้น 2 | ประกันรถยนต์ ชั้น 3+ | ประกันรถยนต์ ชั้น 3 | |
คู่กรณี | |||||
บุคคล | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |
ทรัพย์สินของคู่กรณี | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |
รถของผู้เอาประกันภัย | |||||
การชนแบบมีคู่กรณี | ✔️ | ✔️ | ❌ | ✔️ | ❌ |
การชนแบบไม่มีคู่กรณี | ✔️ | ❌ | ❌ | ❌ | ❌ |
ไฟไหม้ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ❌ | ❌ |
รถหาย | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ❌ | ❌ |
ภัยธรรมชาติ | ✔️ | ✔️ | ❌ | ✔️ | ❌ |
ช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง | ✔️ | ✔️ | ❌ | ❌ | ❌ |
ความคุ้มครองชีวิตจากอุบัติเหตุส่วนบุคคล | |||||
อุบัติเหตุส่วนบุคคล | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |
การรักษาพยาบาล | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |
การประกันตัวผู้ขับขี่ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |
หมายเหตุ
- ความคุ้มครองจากภัยธรรมชาติ สำหรับประกันรถยนต์ชั้น 2+ และ 3+ ขึ้นอยู่กับแพคเกจประกันรถยนต์ของบริษัทนั้นๆ
- ให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง จำกัดเฉพาะรถยนต์ส่วนบุคคล อายุรถไม่เกิน 15 ปี เท่านั้น