ผ้าเบรคคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร แล้วต้องเปลี่ยนตอนไหน?
รถยนต์หนึ่งคันประกอบไปด้วยชิ้นส่วนต่างๆ มากมาย ผู้ขับขี่ควรทำความรู้จักกับชิ้นส่วนต่างๆ ของรถยนต์เพื่อทำการตรวจเช็ก และดูแลรักษาอย่างถูกต้อง จะได้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัย และวันนี้เราจะพาผู้ขับขี่ ไปทำความรู้จักกับ “ผ้าเบรครถยนต์” หนึ่งในชิ้นส่วนสำคัญที่มีผลต่อความปลอดภัยขณะขับขี่ ไปดูกันว่า ผ้าเบรคคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร แล้วต้องเปลี่ยนเมื่อไหร่ถึงจะปลอดภัยมากที่สุด
ผ้าเบรครถยนต์คืออะไร?
ผ้าเบรครถยนต์ เป็นชิ้นส่วนหนึ่งของรถยนต์ ที่ช่วยเพิ่มแรงเสียดทานโดยการกดเข้ากับดิสก์หรือ ดรัมเบรค เพื่อสร้างแรงด้านการหมุนที่เกิดขึ้นที่เกิดจากการเร่งเครื่องยนต์ไปยังชุดล้อ ส่วนมากระบบเบรคจะติดตั้งไว้คู่กับดุมล้อเสมอ ผ้าเบรครถยนต์จะอยู่ระหว่างคันขาเบรคกับดรัมเบรค ถ้าผ้าเบรคเกิดการชำรุดทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพก็จะส่งผลต่ออะไหล่ส่วนอื่นๆ ทั้งจานเบรค เบรคคาลิปเปอร์ ก็จะมีอายุการใช้งานที่น้อยลง
ผ้าเบรครถยนต์ มีกี่ประเภท?
ผ้าเบรครถยนต์จะถูกแบ่งตามวัสดุที่ใช้ในการผลิต ซึ่งปัจจุบันถูกแบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่
1. ผ้าเบรก ASBESTOS : เป็นผ้าเบรคที่ทำจากแร่ใยหิน ราคาถูก สร้างแรงเสียดทานได้ดี แต่เมื่อเบรคจะเกิดเขม่าสีขาวๆ อันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ
2. ผ้าเบรก NAO : เป็นผ้าเบรคที่ทำจากใยสังเคราะห์ เช่น เส้นใยเคฟลาร์ เส้นใยเซรามิก ให้แรงเสียดทานสูง น้ำหนักเบา ควบคุมไม่ให้เกิดฝุ่นหรือเสียงได้ง่าย แต่ทนอุณหภูมิการใช้งานที่สูงมากๆ ได้ไม่ดี
3. ผ้าเบรก Semi-Metallic : เป็นผ้าเบรคที่ทำจากใยเหล็ก ทนต่อการใช้งานที่อุณหภูมิสูงได้ดี ปลอดภัยต่อระบบทางเดินหายใจ แต่มีข้อจำกัดในการควบคุมไม่ให้เกิดเสียงและฝุ่น
4. ผ้าเบรก Metallic : เป็นผ้าเบรคที่ทำจากผงเหล็กละเอียด ทนต่ออุณหภูมิการใช้งานได้สูงมาก เนื้อผ้าเบรคจะหมดช้า
5. ผ้าเบรก Advance Material : เป็นผ้าเบรคที่ผลิตเทคโนโลยีชั้นสูง มีคุณลักษณะพิเศษต่างๆ ส่วนผสมของเนื้อผ้าเบรคนิ่มสร้างความฝืดได้ง่าย สามารถลดความเร็วได้ทันที ระยะเบรคสั้นลง ฝุ่นน้อย ไม่มีเสียง
นอกจากผ้าเบรครถยนต์จะมีหลายประเภทแล้ว ผ้าเบรคยังแบ่งเป็นหลายเกรดอีกด้วย
- ผ้าเบรครถยนต์เกรดมาตรฐาน (S-Standard) : เนื้อผ้าเบรคจะมีความนิ่ม สร้างความฝืดได้ง่ายไม่ต้องอุ่นผ้าเบรคก่อน สามารถลดความเร็วได้ทันที เหมาะสำหรับใช้งานในรถยนต์ทั่วไป รถยนต์ที่ใช้ความเร็วไม่มาก
- ผ้าเบรครถยนต์เกรดกลาง (M-Medium-Metal) : เนื้อผ้าเบรคมีส่วนผสมของโลหะอ่อน มีความแข็งปานกลาง ทนทานต่อความร้อนสะสมในการเบรคสูงขึ้นกว่าเกรดผ้าเบรคเกรดมาตรฐาน ไม่ต้องอุ่นผ้าเบรคก่อน เหมาะสำหรับใช้งานในรถยนต์ที่ใช้ความเร็วระดับปานกลาง
- ผ้าเบรครถยนต์เกรดกึ่งแข่ง (R-Racing) : เนื้อผ้าเบรคมีการผสมของผงเนื้อโลหะในปริมาณสูง ต้องทำการอุ่นผ้าเบรคให้ร้อนก่อน เหมาะสำหรับใช้งานในรถยนต์ที่สมรรถนะสูง ใช้ความเร็วสูง มีความร้อนสะสมที่ผ้าเบรคจากการเบรคถี่ๆ เช่น รถแข่ง รถซุปเปอร์คาร์
ผ้าเบรครถยนต์ อายุการใช้งานแค่ไหน?
ผ้าเบรคจะสามารถใช้งานได้ประมาณ 48,000 – 56,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับลักษณะการเหยียบเบรคของผู้ขับขี่ หากเหยียบเบรคบ่อยๆ ผ้าเบรคก็จะสึกไวกว่า หรือถ้านำรถยนต์ไปตรวจสภาพแล้วพบว่าผ้าเบรคมีความหนาน้อยกว่า 3 เซนติเมตรก็ควรเปลี่ยนทันที หรือถ้าคุณมักใช้รถยนต์ขึ้น-ลงเขาบ่อย ๆ ก็อาจต้องเปลี่ยนผ้าเบรครถยนต์บ่อยกว่าปกติ
ผ้าเบรครถยนต์ ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่?
- เหยียบเบรคแล้วรถไม่หยุด ต้องเหยียบเบรคซ้ำๆ หรือเหยียบเบรคให้ลึกกว่าเดิม
- เมื่อเหยียบเบรคแล้วรถยนต์หยุดช้ากว่าเดิม
- สำหรับเบรคหลังตอนจอดรถจะต้องดึงเบรคมือสูงกว่าปกติ
- รถบางรุ่งจะมีสัญลักษณ์ไอค่อนแจ้งเตือนผ้าเบรคใกล้หมดบนแผงคอนโซล
- ได้ยินเสียงหวีดเวลาแตะเบรค พวงมาลัยสั่น หรือได้กลิ่นไหม้ เวลาเหยียบเบรค
เลือกผ้าเบรครถยนต์อย่างไรให้เหมาะกับรถของเรา?
การเลือกผ้าเบรคที่เหมาะสมนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่ง จะได้ประหยัดเงินและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรถยนต์แต่ละประเภทนั้นก็จะมีวิธีการเลือกผ้าเบรคที่แตกต่างกันดังนี้
ผ้าเบรครถยนต์สำหรับรถที่ใช้งานทั่วไป
เช่น ขับเดินทางไปทำงาน ใช้งานปกติ แนะนำให้ใช้ผ้าเบรคแบบรุ่นมาตรฐานทั่วไปอย่าง ผ้าเบรค Semi-Metallic หรือ ผ้าเบรค ASBESTOS หรืออาจใช้ผ้าเบรครุ่นเดียวกับที่มากับรถตั้งแต่ออกมาจากโรงงาน ซึ่งทางโรงงานประกอบรถจะเลือกผ้าเลือกที่เหมาะสมกับสมรรถภาพของรถยนต์อยู่แล้ว
ผ้าเบรครถยนต์สำหรับรถแต่งซิ่งทำความเร็วหรือรถสปอร์ต
แนะนำให้ใช้ผ้าเบรคแบบริสซิ่ง หรือผ้าเบรคแบบสปอร์ต อย่าง Advance Material เพื่อประสิทธิภาพในการหยุดรถที่ดีกว่าเดิม สามารถลดความร้อนสะสมขณะเบรคได้เป็นอย่างดี มีความทนทาน เหมาะกับรถที่แล่นด้วยความเร็วและต้องใช้แรงเบรคเยอะ ๆ
ผ้าเบรครถยนต์สำหรับรถตู้/รถกระบะ/รถSUV ที่มีขนาดใหญ่
แนะนำให้ใช้ผ้าเบรคแบบ Semi-metallic เพราะมีความทนทานสูง เหมาะกับการเบรคบ่อย ๆ สามารถลดความร้อนสะสมจากการใช้งานยาวนานได้
การเปลี่ยนผ้าเบรครถยนต์นั้นเราแนะนำให้เลือกซื้อผ้าเบรคคุณภาพจากแบรนด์ชั้นนำ เพราะจะใช้งานยาวนานกว่า การเบรคมีคุณภาพกว่าผ้าเบรคโนเนม ดยแบรนดฺผ้าเบรคที่เป็นที่นิยมแพร่หลายนั้นมีมากมาย เช่น
- Compact Brakes ผ้าเบรครถยนต์แบรนด์ดังระดับโลก คุณภาพคับแก้ว การผลิตได้มาตรฐานสากลคนนิยมใช้งานทั่วไป มีรุ่นให้เลือกหลายชนิดตามประเภทของรถ ไม่ว่าจะเป็นผ้าเบรคสำหรับรถยนต์ใช้งานทั่วไป ผ้าเบรครถสปอร์ต ผ้าเบรครถกระบะ ผ้าเบรครถบรรทุก
- Bendix ผ้าเบรครถยนต์ชื่อดังที่นิยมใช้งานในประเทศเราเป็นเวลานาน การันตีคุณภาพมาตรฐานจากการผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ให้ประสิทธิภาพการหยุดรถสูง มีรุ่นให้เลือกมากมายตามประเภทของรถ
- TRW ผ้าเบรครถยนต์แบรนด์ดังจากประเทศเยอรมนี โดยแบรนด์นี้อาจไม่ได้รับความนิยมในบ้านเรามากนัก แต่กลับเป็นที่นิยมมากในแถบยุโรป ด้วยเหตุนี้แบรนด์รถยุโรปชั้นนำจึงเลือกใช้ผ้าเบรค TRW ติดตั้งมากับรถตั้งแต่ออกจากโรงงานผลิต
- Brembo ผ้าเบรคสุดพรีเมี่ยมที่สายเรสซิ่งเลือกใช้งาน ด้วยประสิทธิภาพสูง มีกระบวนการผลิตแบบพิเศษ ทำให้แบรนด์ผ้าเบรคนี้ได้รับการติดตั้งอยู่ในรถซุปเปอร์คาร์มากมาย
- NEXZTER แบรนด์ผ้าเบรครถยนต์คุณภาพดี ราคาจับต้องได้ จากประเทศญี่ปุ่น ผลิตด้วยกระบวนการล้ำสมัยใช้วัสดุคุณภาพสูง ใช้งานได้อย่างทนทาน มีรุ่นให้เลือกมากมายตามประเภทและการใช้งานของรถ
เปลี่ยนผ้าเบรครถยนต์ราคาเท่าไหร่?
ในเมืองไทยมีร้านเปลี่ยนผ้าเบรคที่น่าเชื่อถือหลายแห่ง หากแบรนด์ดัง ๆ หน่อยก็จะเป็น Cockpit, B-quik, Bridgestone เป็นต้น หรือคุณสามารถเปลี่ยนกับอู่ซ่อมทั่วไปได้เช่นกัน โดยราคาเปลี่ยนผ้าเบรกจะขึ้นกับประเภทของผ้าเบรครวมถึงค่าบริการของร้านผู้ให้บริการ โดยศูนย์บริการหรือคาร์แคร์ชั้นนำจะคิดราคาเปลี่ยนผ้าเบรครถยนต์ที่ประมาณ 1,000 -2,000 บาท ส่วนของรถกระบะจะเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 1,500 บาท แต่ถ้าคุณเลือกเปลี่ยนกับอู่ซ่อมราคาก็จะถูกกว่า โดยบางอู่อาจคิดราคาคุณเพียงแค่หลักร้อยเท่านั้น แต่ผ้าเบรคอาจคุณภาพไม่ดีเท่ากับการเลือกเปลี่ยนที่ศูนย์บริการ รวมถึงถ้าคุณเลือกอู่ไม่ดีก็อาจโดนย้อมแมวได้ ดังนั้นควรศึกษารีวิวและเลือกใช้บริการอู่ที่ไว้วางใจได้ หรือจะให้มั่นใจยิ่งขึ้นก็เลือกเปลี่ยนผ้าเบรครถยนต์กับศูนย์บริการหรือคาร์แคร์ไปเลยดีกว่า
ผ้าเบรครถยนต์ถือเป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนสำคัญ ที่มีผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ ดังนั้นหากถึงกำหนด หรือเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติควรนำรถยนต์เข้าตรวจเช็ก และเปลี่ยนผ้าเบรคทันที เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุขณะขับขี่ รวมถึงผู้ขับขี่ควรทำประกันรถยนต์ติดเอาไว้ด้วย เพราะถึงแม้ว่าจะตรวจเช็กอะไหล่อย่างดี แต่ก็อาจเกิดเหตุไม่คาดคิดได้ทุกเวลา
Rabbit Care เว็บไซต์ที่รวบรวมประกันรถยนต์เอาไว้ในที่เดียว เลือกบริษัท เลือกประเภทประกันได้เองง่ายๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงยังทำประกันรถยนต์ในราคาที่การันตีว่าถูกที่สุด เจอราคาถูกกว่า เราคืนส่วนต่างให้ภายใต้เงื่อนไขของบริษัทเดียวกัน นอกจากนี้เรายังมี Care OS หรือระบบบริการความแคร์ ที่จะช่วยคุณเลือกแผนประกัน เปรียบเทียบราคา ได้ง่ายภายใน 30 วินาที รวมถึงเรายังมี Care Center ที่ช่วยให้คำปรึกษากับคุณตลอด 24 ชั่วโมง