แอพเช็คใบสั่งคืออะไร และมีขั้นตอนการดูอย่างไรบ้าง?
แอพเช็คใบสั่ง คืออะไร?
แอพเช็คใบสั่ง เป็นแอปพลิเคชันสำหรับการตรวจสอบใบสั่งที่ได้รับมาด้วยตนเอง อีกทั้งยังสามารถชำระค่าปรับผ่านทางแอพเช็คใบสั่งได้ด้วย ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ได้มีหลากหลายช่องทางให้ได้เลือกใช้งานตามความสะดวกของผู้ใช้งาน เช่น แอปขับดี แอปทางรัฐ เว็บไซต์ e-Ticket ใบสั่งจราจรออนไลน์สำหรับประชาชน เป็นต้น จึงถือว่าช่วยอำนวยความสะดวกสบาย และมีประโยชน์สำหรับประชาชนเป็นอย่างมาก
วิธีดาวน์โหลดแอพเช็คใบสั่ง มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?
สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งในโทรศัพท์ระบบ IOS ผ่าน App Store และระบบ Android ผ่าน Google Play Store โดยการพิมพ์ชื่อแอปพลิเคชันแล้วค้นหา เพื่อทำการกดติดตั้งแอปพลิเคชันได้เลยทันที
ประโยชน์ของแอพดูใบสั่งมีอะไรบ้าง?
- สามารถดูใบสั่งด้วยตนเองได้เลยทันที
- สามารถดูข้อมูลใบสั่งที่เคยได้รับย้อนหลังได้
- สามารถชำระค่าปรับออนไลน์ผ่านแอพเช็คใบสั่งได้เลย
- ในบางแอปพลิเคชันจะมีบริการคอยแจ้งเตือนด้วย ถือว่าช่วยอำนวยความสะดวกสบายได้มากยิ่งขึ้น
- สามารถเช็กคะแนนใบขับขี่ได้
- สามารถโต้แย้งข้อกล่าวหาได้
- ช่วยอำนวยความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แอปพลิเคชันใช้งานง่าย ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปจ่ายค่าปรับด้วยตนเอง
- ในบางแอปพลิเคชันจะมีบริการข้อมูลข่าวสารจราจรด้วย
วิธีเช็คว่าโดนใบสั่งไหม มีวิธีอะไรบ้าง?
สำหรับในปัจจุบันนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เชื่อมโยงข้อมูลกับทางกรมการขนส่งทางบก และได้มีการเปิดตัวเว็บไซต์พร้อมทั้งแอปพลิเคชัน ที่จะสามารถตรวจสอบใบสั่งได้ด้วยตนเองโดยการเช็คว่ามีใบสั่งไหม และสามารถจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลยทันที ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป โดยจะมีวิธีการเช็กข้อมูลออนไลน์อยู่ 3 วิธีด้วยกัน ได้แก่
1. เช็กผ่านเว็บไซต์ e-Ticket ใบสั่งจราจรออนไลน์สำหรับประชาชน
โดยสามารถทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
- เข้าเว็บไซต์ e-Ticket
- ทำการลงทะเบียนผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ โดยจะต้องใช้หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือหมายเลขใบขับขี่ หรือหมายเลขทะเบียนรถ
- ดำเนินการเข้าสู่ระบบด้วยหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน และรหัสผ่านที่ได้ตั้งเอาไว้
- ทำการค้นหาใบสั่ง โดยระบุวันที่ได้มีการกระทำผิด เลขทะเบียนรถ หรือหมายเลขใบสั่งก็ได้ จากนั้นให้กดปุ่มค้นหา
- หน้าจอจะปรากฏรายการใบสั่งที่เคยได้รับทั้งหมด ซึ่งเราสามารถคลิกดูรายละเอียดของใบสั่งในแต่ละฉบับได้
- ชำระค่าปรับออนไลน์ผ่านทางแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT หรือชำระได้ที่สถานีตำรวจ สาขาของไปรษณีย์ไทย ธนาคารกรุงไทย ตู้ ATM ตู้บุญเติม เป็นต้น
2. เช็กผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”
เป็นแอพเช็คใบสั่งออนไลน์
- แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ กรมการปกครอง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด และสำนักงานประกันสังคม เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการต่าง ๆ ของภาครัฐ ได้ผ่านช่องทางออนไลน์แบบเบ็ดเสร็จในระบบเดียวมากถึง 68 บริการ
- การเช็กผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” เป็นแอพเช็คใบสั่งที่สามารถชำระค่าปรับผ่าน QR Code ได้ด้วย อีกทั้งยังเป็นแอพเช็คใบสั่งที่สามารถแจ้งเตือน และคอยติดตามการชำระใบสั่งของเราได้เช่นเดียวกัน
- แอพ “ทางรัฐ” มีบริการทั้งหมด 10 หมวดหมู่ ได้แก่ ข้อมูล สวัสดิการ สาธารณูปโภค สุขภาพ การศึกษา ยานพาหนะ ที่อยู่อาศัย อาชีพหรือการงาน คดีความ และรู้เรื่องรัฐ
3. เช็กผ่านแอปพลิเคชัน “ขับดี”
เป็นแอพเช็คใบสั่งออนไลน์เช่นเดียวกัน
- เป็นแอพเช็คใบสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้มีการร่วมมือกับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (NT) เชื่อมโยงฐานข้อมูลใบอนุญาตขับขี่ 30 ล้านใบ และฐานข้อมูลยานพาหนะที่จดทะเบียนทุกประเภท 40 ล้านคัน ของกรมการขนส่งทางบก ให้เข้ากับฐานข้อมูลใบสั่งของ สตช. เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชัน “ขับดี” ให้เป็น Smart Platform
- โดยแอพเช็คใบสั่ง “ขับดี” จะประกอบไปด้วยบริการทั้งหมด 7 หมวดหมู่ ได้แก่ การตรวจสอบสถานะใบขับขี่ การตรวจสอบคะแนนใบขับขี่ การตรวจสอบใบสั่งย้อนหลัง การโต้แย้งข้อกล่าวหา เช็กคะแนนความประพฤติในการขับขี่ การอัปเดตข้อมูลข่าวสารจราจร ชำระค่าปรับออนไลน์ และเบอร์โทรฉุกเฉิน
เกณฑ์การตัดคะแนนใบขับขี่ มีอะไรบ้าง?
จากข้อมูลในราชกิจจานุเบกษา ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง การอบรมความรู้เกี่ยวกับการขับรถและวินัยจราจร และการกำหนดค่าใช้จ่ายในการอบรม พ.ศ. 2565 ได้กล่าวถึงเกณฑ์การตัดคะแนนใบขับขี่ไว้ว่า ถ้าหากผู้ขับขี่ถูกตัดคะแนนความประพฤติจนเหลือ 0 คะแนน ก็จะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ หรือว่าห้ามขับรถทุกประเภทเป็นเวลา 90 วัน โดยจะมีหนังสือแจ้งคำสั่งออกไปให้ และถ้าหากฝ่าฝืนโดยการขับรถในขณะที่ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ ก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับด้วย
แบบที่ 1 ตัดคะแนนทันทีที่ทำผิด
- ตัด 1 คะแนน หากใช้โทรศัพท์ในขณะที่กำลังขับรถ ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ขับรถเร็วเกินกำหนด ขับรถบนทางเท้า ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย ไม่หลบรถฉุกเฉิน ขับรถโดยประมาท หรือน่าหวาดเสียว ขับรถไม่ติดป้ายทะเบียน หรือเปลี่ยนแปลง ปิดบัง และไม่ติดป้ายภาษี
- ตัด 2 คะแนน หากขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ขับรถย้อนศร และขับรถระหว่างโดนพักใช้ หรือถูกเพิกถอนใบขับขี่
- ตัด 3 คะแนน หากขับรถในขณะหย่อนความสามารถ ขับรถผิดวิสัยคนขับรถธรรมดา และขับรถชนแล้วหนี
- ตัด 4 คะแนน หากเมาแล้วขับ ขับรถในขณะเสพยาเสพติด แข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต และขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น
แบบที่ 2 ตัดคะแนนเมื่อไม่ชำระค่าปรับตามใบสั่ง
ค้างชำระ 1 ใบสั่ง เท่ากับตัด 1 คะแนน รวมทั้งฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรในทาง จอดในที่ห้ามจอด ไม่แสดงใบอนุญาตขับขี่ขณะขับรถ และขับรถไม่ชิดซ้าย
ไม่จ่ายค่าปรับ มีโทษอย่างไรบ้าง?
โดยปกติแล้ว เมื่อได้รับใบสั่งจะต้องชำระค่าปรับภายใน 30 วัน (นับตั้งแต่วันที่ออกใบสั่ง) และถ้าหากไม่มีการตอบรับภายใน 15 วัน ก็จะมีสิทธิ์โดนออกหมายเรียกนั่นเอง หรือถ้ามีการเพิกเฉย 2 ครั้งติดกัน เจ้าหน้าที่ก็จะทำการส่งเรื่องยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับ และจะทำการอายัดทะเบียน พร้อมทั้งแจ้งข้อหาไม่มารายงานตัวภายในเวลาที่กำหนดเพิ่มเติม เปรียบเทียบปรับไม่เกิน 1,000 บาท จึงกลายเป็นว่าได้รับ 2 ข้อหาทันที
คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย
ไม่จ่ายค่าปรับ ต่อภาษีรถยนต์ได้ไหม?
ตามข้อกำหนดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา ทางกรมการขนส่งทางบกระบุเอาไว้ว่า “หากไม่จ่ายค่าปรับจราจรตามที่กำหนด ก็จะยังสามารถต่อภาษีประจำปีได้ แต่ทางนายทะเบียนจะยังไม่ทำการออกป้ายภาษีตามปกติให้ แต่จะออกป้ายภาษีชั่วคราวมาให้แทน ซึ่งจะมีมีอายุเพียง 30 วัน ดังนั้นถ้าหากว่าได้มีการชำระค่าปรับที่คงค้างไว้อยู่เรียบร้อยแล้ว จึงจะสามารถมารับป้ายภาษีได้ตามปกติ” และถ้าหากว่ายังไงก็ไม่ยอมจ่าย อีกทั้งยังใช้ป้ายภาษีชั่วคราวเกินกำหนด เจ้าหน้าที่ก็จะมีการเรียกตรวจ โดยจะมีโทษปรับ 2,000 บาท พร้อมทั้งถูกตัดคะแนนใบขับขี่ 1 คะแนน ตามระเบียบของกฎหมาย พรบ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 นั่นเอง
ควรเลือกทำประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนดี เพื่อรับความคุ้มครองเพิ่มเติม?
แนะนำสำหรับท่านที่ต้องการจะได้รับความคุ้มครองแบบครอบคลุมที่สุดว่าให้เลือกทำเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ถึงแม้ว่าราคาจะแพงเป็นอันดับต้น ๆ ในบรรดาประกันภัยทุกชั้น แต่ในเรื่องของความคุ้มครองที่จะได้รับนั้นก็ถือว่าครอบคลุมมากที่สุด อีกทั้งยังคุ้มค่า คุ้มราคา ไม่ว่าจะเป็นกรณีรถหาย รถไฟไหม้ หรือรถน้ำท่วม ทางบริษัทประกันภัยก็รับเคลมทั้งสิ้น
ซื้อประกันรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
อันดับแรกคือลูกค้าจะสามารถมั่นใจได้อย่างเต็มที่ว่าจะได้รับสิทธิพิเศษตั้งแต่เริ่มวางแผนซื้อประกันภัยกับทางแรบบิท แคร์ เพราะว่าแรบบิท แคร์ นั้นมีระบบเปรียบเทียบแผนประกันออนไลน์ที่ใช้งานง่าย รวดเร็วทันใจ ใช้เวลาเพียงแค่ 30 วินาที ก็สามารถที่จะรู้ราคาของประกันภัยรถยนต์ในแต่ละบริษัทประกันภัยชั้นนำทั่วประเทศได้เลย ทำให้ลูกค้าได้เลือกสรรแผนประกันภัยที่ตอบโจทย์และได้ตรงตามความต้องการมากที่สุด สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ แรบบิท แคร์
ความคุ้มครองประกันรถยนต์