Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้
user profile image
เขียนโดยPaweennuch W.วันที่เผยแพร่: Oct 23, 2023

RSI คืออะไร ? บทความนี้มีคำตอบ

RSI คืออะไร ? คำถามนี้ก็คงจะเป็นอีกหนึ่งคำถามยอดนิยมของผู้ที่พึ่งเข้าวงการหุ้นเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นในบทความนี้เราจึงได้รวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับ RSI มาฝาก ซึ่งเราขอรับประกันเลยว่าข้อมูลที่เรากำลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้จะช่วยทำให้คุณได้รู้จักและเข้าใจกับคำว่า RSI ดีขึ้นอย่างแน่นอน และถ้าพร้อมแล้วเราไปเริ่มกันที่...

RSI คืออะไร?

RSI คือ เครื่องมือที่บ่งบอกสัญญาณแนวโน้มขาขึ้น (Bullish) และขาลง (Bearish) ของราคาหุ้น หรือตัวชี้วัดที่วัดความแข็งแกร่งของตลาดว่าราคามีภาวะการซื้อมากเกินไป (Overbought) และการขายมากเกินไป (Oversold) มีชื่อภาษาอังกฤษเต็มๆ ว่า Relative Strength Index ซึ่งเราต้องขอบอกก่อนเลยว่า RSI ถูกพัฒนามาจาก Indicator ที่มีชื่อว่า “Momentum” ที่มักจะใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อวัดขนาดการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นล่าสุด รวมไปถึงยังประเมินสภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไปในราคาหุ้นหรือสินทรัพย์อื่นๆ ทั้งนี้จะมีการแสดงผลเป็นกราฟเส้นที่แสดงค่าตั้งแต่ 0 – 100

หลักการอ่านค่า RSI แบบง่ายๆ

เมื่อเรารู้แล้วว่า RSI คืออะไร ลำดับต่อมาเราจะคุณไปอ่านค่า RSI แบบง่ายๆ กัน

    1. เมื่อเส้น RSI ตัดผ่าน 70 = ตลาดมีภาวะการซื้อที่มากเกินไป (Overbought)
    1. เมื่อเส้น RSI ตัดผ่าน 30 = ตลาดมีภาวะการขายที่มากเกินไป (Oversold)
    1. หากเส้นอยู่ในระดับ 30 – 70 = ปกติ

และสำหรับใครที่ยังสงสัยอยู่ว่า “ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought)” และ ภาวะขายมากเกินไป (Oversold) คืออะไร ? เราก็ได้สรุปใจความสำคัญของทั้ง 2 คำ มาให้คุณได้อ่านเพื่อทำความเข้าใจกันแบบง่ายๆ ดังนี้

ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought)

ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) คือ ราคาของหุ้นที่สูงขึ้นมากๆ จนผู้คนไม่กล้าที่จะซื้อ เพราะกลัวว่าหากซื้อในราคา ณ ตอนนั้นอาจจะทำให้ขายต่อไม่ออกนั่นเอง ทั้งนี้ภาวะซื้อมากเกินไปอาจจะบอกได้ว่า...ราคาของหุ้นมีแนวโน้มที่จะลดลงแม้ว่าจะอยู่ในสภาวะขาขึ้นก็ตาม

ภาวะขายมากเกินไป (Oversold)

ภาวะขายมากเกินไป (Oversold) คือ ราคาหุ้นที่ต่ำลงมากๆ หรือเกิดการขายหุ้นจำนวนมาก จนทำให้เริ่มมีราคาที่ถูกลง ส่งผลให้ผู้ที่ต้องการซื้ออยากจะซื้อมากขึ้น ทั้งนี้ภาวะขายมากเกินไปอาจจะบอกได้ว่า...ราคาของหุ้นอาจจะกลับมาฟื้นตัวและสูงขึ้นได้แม้ว่าจะอยู่ในสภาวะขาลงก็ตาม

เหตุผลที่ทำให้ RSI ได้รับความนิยมในกลุ่มนักลงทุน

เพราะว่าดูง่าย มีความเป็นสากลและที่สำคัญเลยก็คือมีเป้าหมายในการให้จุดซื้อและจุดขายที่ชัดเจน ส่งผลให้ผู้ที่พึ่งเข้าวงการเทรดหุ้นสามารถดูแนวโน้มตลาดจากค่า RSI ได้นั่นเอง อีกทั้งหากนำค่า RSI ไปประกอบพิจารณากับเครื่องมือตัวอื่นๆ ร่วมด้วย ก็จะช่วยทำให้การซื้อ/ขายของคุณประสบความสำเร็จและมองเห็นกำไรได้มากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง เพราะฉะนั้นอย่าลืมศึกษาข้อมูล ก่อนตัดสินใจลงทุน

ประโยชน์ที่น่าสนใจของ RSI

    1. สามารถบ่งบอกถึงภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือภาวะขายมากเกินไป (Oversold) ได้
    1. สามารถบอกสัญญาณเตือนการกลับตัวของราคา
    1. ทำหน้าที่เป็นแนวรับหรือแนวต้านของแนวโน้ม
    1. สามารถให้สัญญาณการกลับทิศทางของราคาที่กำลังจะเกิดขึ้นว่าจะยังคงอยู่ต่อไปหรือไม่ (Positive & Negative Reversal)

สำหรับคำถามที่ว่า RSI คืออะไร ? คุณก็คงจะได้คำตอบจากรายละเอียดที่เราได้กล่าวไปแล้วเมื่อข้างต้น แต่ทั้งนี้ผู้ที่ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ในด้านการลงทุนเกี่ยวกับหุ้น คุณอาจจะต้องดูหุ้นแต่ละตัวแต่ละตลาดให้ดี เพราะมันจะมีค่า RSI ที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะในสภาวะ Overbought หรือ Oversold อีกทั้งหากคุณอาศัยแค่การดูค่า RSI เพียงอย่างเดียว นั่นก็อาจจะทำให้การลงทุนหรือพอร์ตของคุณเกิดความเสียหายเอาได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นก่อนการลงทุนทุกๆ ครั้ง คุณอาจจะต้องนำเครื่องมืออื่นๆ มาประกอบการตัดสินใจร่วมด้วย เพื่อที่ว่าการลงทุนในพอร์ตจะได้ไม่ต้องพบเจอกับตัวเลขสีแดงนั่นเอง

สินเชื่อที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา