กระทะล้อรถยนต์คืออะไร? และอยู่ส่วนไหนของรถยนต์?
อีกหนึ่งระบบที่มีความสำคัญต่อยานพาหนะประเภทต่าง ๆ นั่นก็คือระบบการขับเคลื่อน และเมื่อพูดถึงระบบการขับเคลื่อนก็จะนึกถึงยางรถยนต์และล้อรถยนต์เป็นอันดับแรก เพราะยางรถยนต์กับล้อรถยนต์นั้นล้วนมีความสำคัญต่อการขับขี่เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการบังคับเลี้ยว การควบคุมทิศทางการเดินของรถ การรองรับน้ำหนักรถยนต์ รวมไปถึงการยึดเกาะกับพื้นถนน
ดังนั้นเราจึงควรศึกษาและทำความเข้าใจในองค์ประกอบของล้อรถยนต์ด้วย รวมไปถึงวิธีการดูแลรักษา และความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับยางรถยนต์ ซึ่งกระทะล้อ (Rims) ก็เป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนที่สำคัญในระบบการขับเคลื่อนของรถยนต์เช่นเดียวกัน
กระทะล้อรถยนต์คืออะไร?
กระทะล้อ (Rims) เป็นชิ้นส่วนสำหรับการยึดเกาะระหว่างยางรถยนต์และดุมล้อ โดยจะมีส่วนประกอบอยู่ทั้งหมด 2 ส่วนด้วยกัน นั่นก็คือขอบกระทะล้อและจานกระทะล้อ ซึ่งขอบกระทะล้อนั้นจะทำหน้าที่ในการยึดติดเข้ากับยางรถยนต์ เพื่อรักษารูปทรงของยางรถยนต์ไม่ให้บิดเบี้ยว ส่วนจานกระทะล้อจะทำหน้าที่ในการยึดติดกับดุมล้อรถยนต์ โดยจะมีรูไว้ให้สำหรับยึดเข้ากับนอต เพื่อความสะดวกในการถอดเปลี่ยนดุมล้อรถยนต์และล้อรถยนต์
ส่วนประกอบของกระทะล้อมีอะไรบ้าง?
1. ขอบกระทะล้อ หรือกงล้อ (Wheel Rim)
จะทำหน้าที่ในการยึดเกาะกับยางรถยนต์ โดยจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 รูปแบบตามการใช้งาน ได้แก่
- 1.1 แบบถอดขอบได้ มักจะใช้งานในรถบรรทุกที่มีการลากจูงอย่างหนัก หรือรถบรรทุกที่มีน้ำหนักมาก ดังนั้นเพื่อการถอดเปลี่ยนยางที่สะดวกมากขึ้น จึงต้องแบ่งชิ้นเพื่อให้สามารถถอดออกมาได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
- 1.2 แบบร่องลึก มักจะใช้ในรถนั่งส่วนบุคคลหรือรถกระบะ เนื่องจากลักษณะตรงกลางที่เป็นร่องลึก จึงทำให้การถอดเปลี่ยนกระทะล้อนั้นง่ายขึ้น
- 1.3 แบบผ่าซีก มักจะใช้ในรถยนต์ขนาดเล็ก เช่น รถในงานเกษตรกรรม รถสกูตเตอร์ เป็นต้น เพราะส่วนใหญ่ตัวขอบกับตัวจานจะเป็นชิ้นเดียวกัน
- 1.4 แบบแยกชิ้น 3 ส่วน มักจะใช้งานในรถบรรทุก ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบายในการถอดเปลี่ยนชิ้นส่วน จึงสามารถที่จะถอดแยกได้เป็น 3 ชิ้น
2. จานกระทะล้อ หรือซี่กระทะล้อ (Disc Wheel or Spokes)
จะทำหน้าที่ในการยึดเกาะระหว่างขอบกระทะล้อกับดุมล้อรถยนต์ โดยจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ ได้แก่
- 2.1 แบบจาน ซึ่งจะเกิดจากการหล่อและขึ้นรูป เพราะตัวจานจะต้องทำหน้าที่ในการรองรับน้ำหนักรถยนต์และรองรับแรงกระแทกต่าง ๆ ไม่ว่าจะในขณะที่รถกำลังวิ่งหรือในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ โดยจานกระทะล้อประเภทนี้จะมีการเจาะรูเพื่อให้สามารถร้อยนอตให้ยึดกับดุมล้อรถยนต์ได้ โดยปกติจะมีประมาณ 4-6 รู
- 2.2 แบบซี่ลวด โดยจะทำมาจากเหล็กกล้าที่ออกแบบมาเพื่อรองรับต่อแรงกระแทกในขณะที่รถกำลังวิ่งหรือในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่โดยเฉพาะ ซึ่งจานกระทะล้อประเภทนี้จะมีน้ำหนักที่เบามาก จึงทำให้การถอดเปลี่ยนนั้นสามารถทำได้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว และมักจะใช้จานกระทะล้อประเภทนี้สำหรับรถมอเตอร์ไซค์หรือรถแข่ง
กระทะล้อมีกี่ประเภท?
เมื่อแบ่งตามรูปแบบการผลิตของกระทะล้อรถยนต์ จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบ ได้แก่
- กระทะล้อซี่ลวด (Wire Spokes Wheel)
สำหรับแบบซี่ลวด จะมีน้ำหนักเบา แต่ก็มีความแข็งแรงสูงเช่นกัน ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับการใช้งานในรถสปอร์ต รถแข่ง หรือรถมอเตอร์ไซค์ อีกทั้งยังทำการเปลี่ยนกระทะล้อได้อย่างง่ายดายและไม่ยุ่งยาก เพราะจะมีแค่เกลียวล็อกล้ออยู่ตรงกลางเพียงตัวเดียวเท่านั้น โดยส่วนประกอบของกระทะล้อประเภทนี้จะมีทั้งหมด 2 ส่วน คือ ตัวขอบล้อและตัวซี่ลวด ซึ่งซี่ลวดนี้จะเปรียบเสมือนกับจานกระทะล้อ เพราะฉะนั้นความแข็งแรงจึงจะขึ้นอยู่กับตัวขอบ และการร้อยซี่ลวดระหว่างปลอกสวมของดุมล้อกับขอบกระทะล้อนั่นเอง - กระทะล้อเหล็กกล้าอัดรูป
กระทะล้อประเภทนี้มักจะมีผู้คนนิยมใช้กันอยู่มากมาย เนื่องจากมีความแข็งแรงและมีความสามารถในการต้านทานต่อแรงกระแทกจากการเกิดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี ซึ่งส่วนประกอบจะเชื่อมต่อกันโดยวิธีการใช้หมุดหรือการเชื่อมติดระหว่าง 2 ส่วนนี้ นั่นก็คือ ตัวขอบและตัวจาน ซึ่งตรงขอบนั้นจะมีลักษณะเป็นเว้าลงไปตรงกลาง เพื่อให้ง่ายต่อการถอดเปลี่ยน ส่วนด้านข้างของขอบจะมีลักษณะเป็นสันนูนยกสูง เพื่อช่วยป้องกันการรั่วซึมของลมยางและช่วยยึดเกาะระหว่างยางรถยนต์กับกระทะล้อ ส่วนจานล้อจะมีลักษณะเป็นรูตรงกลางเพื่อให้สามารถใส่ดุมล้อได้ และบริเวณรอบ ๆ ดุมล้อจะมีรูไว้สำหรับให้ร้อยนอต 4-6 รู เพื่อเป็นการยึดเกาะระหว่างดุมล้อกับกระทะล้อให้เชื่อมติดกัน - กระทะล้อโลหะผสม (Cast Light alloy Wheel) หรือ ล้อแม็ก (Mag)
กระทะล้อประเภทนี้จะมีกรรมวิธีในการผลิตโดยการหล่อโลหะเบาเข้าด้วยกัน นั่นก็คือ อะลูมิเนียมกับแมกนีเซียม เลยจะทำให้มีน้ำหนักที่เบา และจะมีความแข็งแรงที่มากกว่าแบบเหล็กกล้าอัดรูป จึงเป็นที่นิยมในปัจจุบันมากที่สุด
การเปลี่ยนกระทะล้อจะต้องดูอะไรบ้าง?
- อันดับแรกให้ดูที่ความกว้างของล้อ แนวศูนย์กลางดอกยาง และเส้นผ่านศูนย์กลางของล้อว่ามีขนาดเท่าไหร่
- หลังจากนั้นให้ทำการเลือกกระทะล้ออันใหม่ที่มีข้อมูลจำเพาะเหมาะกับที่ดูมาในตอนแรก เพราะถ้าเราใส่อันใหม่ที่มีขนาดแตกต่างไปจากอันเก่า ก็จะทำให้รถยนต์วิ่งผิดปกติและอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายตามมาในภายหลังได้
- แต่ถ้าหากว่าเปลี่ยนไปแล้ว ให้เราสังเกตอาการดังนี้ เช่น การหยุดรถหรือการห้ามล้อจะผิดไปจากเดิม ลูกปืนล้อมีการชำรุดเร็วขึ้น เครื่องวัดความเร็วอ่านได้ไม่ตรง หรือความสูงของกันชนก็จะผิดสัดส่วนไป เป็นต้น
ข้อดีและข้อด้อยของกระทะล้อแบบโลหะผสมหรือล้อแม็ก ซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบัน?
ข้อดี | ข้อด้อย |
---|---|
มีความแข็งแรงมากกว่ากระทะล้อประเภทอื่น | มักจะสึกหรอง่าย หากมีการสัมผัสกันระหว่างโลหะเบาและเหล็กกล้า |
มีน้ำหนักที่เบากว่าประเภทอื่น เช่น ล้อกระทะ หรือล้อเหล็กกล้าอัดรูป | มักจะไวต่อการตอบสนองทางปฏิกิริยากับละอองเกลือ |
มีการระบายความร้อนได้ดีและรวดเร็ว | ด้วยความที่มีน้ำหนักเบา จึงทำให้มีการเปราะง่าย |
มีประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนสูง เพราะมีพื้นที่สัมผัสกับพื้นถนนเยอะ | หากเกิดอุบัติเหตุที่มีการชนและการกระแทกที่รุนแรง ก็จะทำให้กระทะล้อนั้นแตกได้ง่าย |
ความคุ้มครองประกันรถยนต์
คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย
ถ้ากระทะล้อเกิดความเสียหายขึ้นมา แบบนี้ทางประกันภัยจะรับเคลมไหม?
สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นจะสามารถยื่นเคลมได้เฉพาะในกรณีที่เป็นความเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุหรือภัยธรรมชาติเท่านั้น แต่ถ้าหากว่าความเสียหายนั้นเกิดขึ้นมาจากการเสื่อมสภาพของการใช้งาน ทางบริษัทประกันภัยก็จะไม่สามารถรับเคลมให้ได้
แต่ก็จะมีอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการอยากจะได้รับความคุ้มครองในส่วนของอะไหล่รถยนต์โดยเฉพาะ คือการทำประกันอะไหล่รถยนต์ควบคู่กันไปกับการทำ ประกันภัยรถยนต์ เพราะถ้าหากเกิดความเสียหายกับอะไหล่รถยนต์ขึ้นมา เราก็สามารถที่จะแจ้งเคลมได้เลย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้อีกด้วย
ควรเลือกทำประกันภัยชั้นไหนให้กับรถยนต์ดี?
เพราะว่าเรื่องของอุบัติเหตุนั้นเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และเราก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ดังนั้นการทำประกันภัยเอาไว้ก็เป็นเรื่องที่มีประโยชน์ เพราะคุณจะได้รับความคุ้มครองตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเงินชดเชยจากความเสียหายในด้านทรัพย์สิน ค่าซ่อมรถยนต์ หรือค่ารักษาพยาบาลต่าง ๆ ดังนั้นประกันภัยรถยนต์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องซื้อไว้และหมั่นต่อประกันไว้ไม่ให้ขาด
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะมีประกันภัยอยู่หลากหลายชั้นให้คุณได้เลือกทำ แต่สำหรับแผนประกันภัยที่จะให้ความคุ้มครองแบบสูงสุดนั้นก็ต้องยกให้ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 หรือถ้าหากใครที่ยังลังเลก็สามารถขอคำปรึกษาได้ที่ Care Center เบอร์ 1438 ที่พร้อมจะให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง
ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
ในกรณีที่รถยนต์ของลูกค้าได้รับความเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุ จึงทำให้ไม่มีรถยนต์ที่จะสามารถเอาไว้ใช้งานต่อไปได้ ทางแรบบิท แคร์ จึงมีบริการรถยนต์ทดแทนให้ใช้ฟรีเป็นระยะเวลา 3 วัน โดยจะเป็นรถยนต์คุณภาพดีจากบริษัทให้เช่ารถยนต์ชั้นนำของประเทศไทยที่มีอายุไม่เกิน 3 ปี เพราะแรบบิท แคร์ เห็นถึงความสะดวกสบายของลูกค้าเป็นอันดับต้น ๆ เพราะฉะนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าลูกค้าจะได้ใช้งานรถยนต์ที่มีคุณภาพดี สามารถคลิกดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่เว็บไซต์ แรบบิท แคร์