โรคหัวใจ อันตรายแค่ไหน อาการแบบไหนบ่งบอกว่าเป็นโรคหัวใจ ?
โรคหัวใจเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย ทั้งนี้หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าตนเองมีความเสี่ยงต่อโรคนี้จนกว่าจะเกิดอาการที่รุนแรงขึ้น การรู้จักอาการเริ่มต้นของโรคหัวใจ และปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ จะช่วยให้สามารถป้องกัน และลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ ในบทความนี้ แรบบิท แคร์ จะพาทุกคนไปรู้จักกับโรคนี้ อาการเตือน และวิธีการป้องกันโรคร้ายนี้ไปพร้อม ๆ กัน
โรคหัวใจ คืออะไร ?
โรคหัวใจเป็นภาวะที่เกิดจากความผิดปกติของหัวใจ และหลอดเลือด โดยอาจเกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน ซึ่งนำไปสู่ภาวะหัวใจขาดเลือด หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจส่งผลร้ายแรงถึงชีวิตได้ โรงพยาบาลศิริราชให้ข้อมูลโรคหัวใจว่า โรคนี้สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ และโรคลิ้นหัวใจผิดปกติ เป็นต้น
โรคหัวใจ อันตรายไหม ?
โรคหัวใจถือว่าเป็นโรคร้ายแรงที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง หากไม่ได้รับการรักษา หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม ทั้งนี้อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว หัวใจวายเฉียบพลัน หรือเสียชีวิตอย่างกะทันหันได้ นอกจากนี้โรคนี้ยังอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย และไม่สามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
โรคหัวใจถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือไม่ ?
โรคหัวใจสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ โดยเฉพาะหากมีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย สำหรับใครที่มีความเสี่ยง หรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยง และหาแนวทางการป้องกัน
โรคหัวใจ อาการเริ่มต้นเป็นอย่างไร ?
สำหรับผู้ที่ต้องการทราบว่าอาการแรกเริ่มของผู้ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจจะเป็นอย่างไร โดยทั่วไปแล้วผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีอาการแรกเริ่มดังต่อไปนี้
เจ็บแน่นหน้าอก โดยเฉพาะเวลาทำกิจกรรม หรือออกกำลังกาย
- เหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม
- เวียนศีรษะ หน้ามืด
- ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- มือเท้าเย็น เหงื่อออกมากผิดปกติ
ลองสังเกตตัวเอง และคนรอบตัวเราดูว่ามีอาการเช่นนี้หรือไม่ หากมีอาการเช่นนี้ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรไปตรวจ และเข้ารับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
10 อาการเตือนโรคหัวใจ
นอกจากอาการเริ่มต้นของผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ที่ได้กล่าวถึงไปก่อนหน้า ยังมี 10 สัญญาณเตือนต่าง ๆ ของร่างกายที่อาจบ่งบอกว่าเราเป็นโรคหัวใจ โดยร่างกายอาจส่งสัญญาณเตือนให้เราทราบดังต่อไปนี้
- เจ็บแน่นหน้าอก
- หายใจติดขัด
- เหนื่อยง่ายผิดปกติ
- หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ
- อาการบวมที่ขาและเท้า
- ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- คลื่นไส้ อาเจียน
- เหงื่อออกมากผิดปกติ
- อาการอ่อนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ปวดร้าวไปที่แขน คอ หรือกราม
โรคหัวใจ สาเหตุเกิดจากอะไร ?
โรคหัวใจอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น พันธุกรรม การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน การสูบบุหรี่ ความเครียด และการขาดการออกกำลังกาย นอกจากนี้อายุที่เพิ่มขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจเช่นกัน
วิธีป้องกันโรคหัวใจ
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช และปลา รวมถึงควบคุมปริมาณไขมันอิ่มตัว และโซเดียมในอาหาร
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เช่น การเดิน วิ่ง หรือว่ายน้ำ จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพหัวใจที่ดี
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และแอลกอฮอล์ บุหรี่ และแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
- ควบคุมน้ำหนัก และความเครียด การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และจัดการความเครียดด้วยการทำสมาธิ หรือโยคะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ ควรตรวจสุขภาพหัวใจอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ
เพียงเท่านี้ก็จะลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจได้ สิ่งสำคัญคือการมีวินัย และให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกาย และจิตใจของตัวเอง
อาหารช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
- ปลา และอาหารทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ที่อุดมไปด้วยโอเมก้า-3 ซึ่งช่วยลดการอักเสบ และป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด
- ผัก และผลไม้ โดยเฉพาะผักใบเขียว เช่น คะน้า ผักโขม และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับหัวใจ
- ธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีต ที่มีไฟเบอร์สูงช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด
- ถั่ว และเมล็ดพืช เช่น อัลมอนด์ วอลนัท ที่มีไขมันดีช่วยเสริมสร้างระบบหัวใจ และหลอดเลือดให้แข็งแรง
- น้ำมันมะกอก เป็นแหล่งของไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลไม่ดีในร่างกาย
- ดาร์กช็อกโกแลต ที่มีโกโก้สูงซึ่งช่วยลดความดันโลหิต และเสริมสร้างสุขภาพหัวใจ
- ชาเขียว ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดระดับไขมันในเลือด และลดความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับหัวใจ
อาหาร โรคหัวใจห้ามกินอะไรบ้าง ?
แน่นอนว่าเมื่อร่างกายเจ็บป่วยการระมัดระวังในการเลือกอาหารการกินย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่จะมองข้ามไปไม่ได้ โดยผู้ที่มีอาหารป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น เนื้อสัตว์แปรรูป
- อาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารฟาสต์ฟู้ด
- อาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น เครื่องดื่มหวาน ขนมเค้ก
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีนในปริมาณมาก
โรคหัวใจห้ามกินกล้วยจริงไหม ?
มีความเชื่อว่าโรคหัวใจห้ามกินกล้วย เนื่องจากกล้วยมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับหัวใจที่มีภาวะไตเสื่อมร่วมด้วย อย่างไรก็ตามหากบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไปกล้วยก็ยังถือเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่นั่นเอง
โรคหัวใจห้ามดื่มน้ำเยอะจริงไหม ?
ในบางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยโรคหัวใจควบคุมปริมาณน้ำที่ดื่มในแต่ละวัน เพื่อลดภาระของหัวใจ และป้องกันภาวะน้ำเกินในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้นได้ ดังนั้นผู้ป่วยโรคดังกล่าวจึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
โรคหัวใจ รักษาหายไหม ?
โรคหัวใจสามารถรักษาได้ แต่ไม่สามารถหายขาดได้ในบางกรณี ขึ้นอยู่กับประเภท และระดับความรุนแรงของโรค วิธีการรักษามีทั้งการใช้ยา การทำหัตถการ และการผ่าตัด นอกจากนี้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตยังเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยชะลอความรุนแรงของโรคได้ด้วยนั่นเอง
ตรวจโรคหัวใจโรงพยาบาลรัฐ ราคาเท่าไหร่ ?
ราคาการตรวจโรคเกี่ยวกับหัวใจที่โรงพยาบาลรัฐอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของการตรวจ เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (Echocardiogram) หรือการทดสอบสมรรถภาพหัวใจ ทั้งนี้ควรตรวจสอบราคากับโรงพยาบาลโดยตรงเพื่อความถูกต้องแม่นยำ
ตรวจโรคหัวใจโรงพยาบาลเอกชน ราคาเท่าไหร่ ?
ค่าตรวจโรคหัวใจในโรงพยาบาลเอกชนอาจมีราคาที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของการตรวจ เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) อาจมีราคาเริ่มต้นที่ 1,000 - 3,000 บาท ขณะที่การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (Echocardiogram) อาจมีค่าใช้จ่าย 3,000 - 8,000 บาท ทั้งนี้ราคาของแต่โรงพยาบาลอาจแตกต่างกันไป ควรสอบถามราคากับโรงพยาบาลที่ต้องการเข้ารับการรักษาโดยตรงเพื่อความถูกต้อง และแม่นยำที่สุด
เป็นโรคหัวใจ ทําประกันได้ไหม ?
การทำประกันโรคหัวใจขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกัน บางแห่งอาจมีข้อจำกัด การดูแลที่ไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายบางส่วน หรือการเก็บเบี้ยประกันที่สูงขึ้น แต่ทั้งนี้บริษัทประกันหลายแห่งมักไม่อนุมัติการทำประกันสำหรับคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ ทั้งนี้ควรศึกษารายละเอียด และปรึกษากับบริษัทประกันโดยตรงเพื่อความแน่นอน
สำหรับใครที่มีความกังวล และคิดว่าตนเองอาจมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ ควรทำประกันโรคร้ายแรง กับ แรบบิท แคร์ ไว้เพื่อความอุ่นใจ อย่าปล่อยให้เป็นก่อนเพราะจะสายเกินการ
ทำประกันสุขภาพ โรคหัวใจครอบคลุมไหม ?
สำหรับผู้ที่สงสัยว่ามีประกันสุขภาพ แล้วตรวจพบโรคหัวใจประกันครอบคลุมไหม คำตอบคือบางแผนประกันสุขภาพครอบคลุมโรคหัวใจ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละกรมธรรม์ เราจึงควรตรวจสอบกรมธรรม์ที่ซื้อไว้อย่างละเอียด หรือสอบถามข้อมูลจากตัวแทนประกันภัยที่ดูแลอยู่นั่นเอง
วิธีออกกำลังกายสำหรับคนเป็นโรคหัวใจ
- เดิน : การเดินเป็นการออกกำลังกายที่ปลอดภัย และเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ เพราะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และลดความดันโลหิต
- ปั่นจักรยานช้า ๆ : การปั่นจักรยานอย่างช้า ๆ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของหัวใจ และกล้ามเนื้อ
- ว่ายน้ำ : การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยให้หัวใจทำงานดีขึ้นโดยไม่ทำให้เกิดแรงกระแทกต่อข้อต่อ
- โยคะ และไทชิ : การฝึกโยคะ และไทชิช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ควบคุมการหายใจ และลดความเครียด
- ยืดกล้ามเนื้อ และกายบริหารเบา ๆ : ช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับร่างกาย และช่วยผ่อนคลายจิตใจได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ควรเริ่มต้นออกกำลังกายอย่างช้า ๆ และปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มออกกำลังกายด้วยวิธีการใหม่ ๆ ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย
ข้อมูลเหล่านี้คือข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับโรคหัวใจ แรบบิท แคร์ หวังว่าทุกคนจะสามารถนำข้อมูลความรู้เหล่านี้ไปปรับใช้ในการดูแลและสังเกตตัวเองได้ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายกับร่างกาย จากการเป็นโรคร้ายแรงที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเป็น
เลือกประกันสุขภาพที่เหมาะกับคุณ