ที่ปัดน้ำฝนคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร?
ที่ปัดน้ำฝนมีความสำคัญอย่างไร?
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงอุปกรณ์เล็ก ๆ แต่ถือว่ามีความสำคัญต่อรถยนต์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่จะต้องอาศัยใบปัดน้ำฝนในการช่วยทำให้มองเห็นทางข้างหน้าได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการมองเห็นทางข้างหน้าไม่ชัดเจนหรือจากทัศนวิสัยที่ไม่ดีอีกเช่นเดียวกัน จึงทำให้การเดินทางนั้นปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และนอกจากนี้ที่ปัดน้ำฝนก็ยังทำงานร่วมกับระบบน้ำฉีดล้างกระจกรถยนต์ รวมทั้งสามารถปัดกวาดเศษใบไม้ เศษดินโคลน และฝุ่นละอองต่าง ๆ ได้อีกด้วย
ส่วนประกอบของที่ปัดน้ำฝนมีอะไรบ้าง?
- แผ่นยาง คอยทำหน้าที่กวาดผิวที่หน้ากระจกรถยนต์
- ชุดสปริงยาง คอยทำหน้าที่ช่วยกดแผ่นยางให้แนบสนิทไปกับผิวของกระจกรถยนต์
- โครง (ก้านใบ) ทำหน้าที่ยึดและติดตั้งแผ่นยางเอาไว้
- ตัวล็อก ทำหน้าที่ยึดใบปัดน้ำฝนกับแขนปัดน้ำฝนเข้าไว้ด้วยกัน
วิธีการเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?
- ยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นทั้ง 2 ข้าง
- ทำการหมุนใบปัดน้ำฝนให้ทำมุม 90 องศากับก้านปัดน้ำฝน
- ดันสลักขนาดเล็กลง พร้อมทั้งดันใบปัดน้ำฝนออกมา
- ดึงยางเส้นเก่าพร้อมเส้นเหล็กออกมาอย่างช้า ๆ
- ดึงเส้นเหล็กออกมาจากยางปัดน้ำฝน
- ใส่ยางเส้นใหม่เข้าไปในที่ปัดน้ำฝนให้ลงล็อกพอดี
- สอดเหล็กเส้นเดิมเข้าไปในยางปัดน้ำฝนเส้นใหม่ที่ร่องบนสุดของยาง
- ตัดยางที่เกินออกมาให้พอดีกับเหล็กและใบปัดน้ำฝน
- ใส่ที่ปัดน้ำฝนเข้ากับก้านปัดน้ำฝนที่เดิม
- ตรวจสอบระดับน้ำที่ใช้ในการปัดน้ำฝนให้อยู่ในระดับเต็ม
- ทดสอบเปิดปุ่มฉีดน้ำเพื่อตรวจเช็กดูความเรียบร้อย
- หากน้ำฉีดกระจกไม่ออก ให้ใช้เข็มจิ้มเข้าไปที่รูฉีด เพื่อป้องกันการอุดตันจากการไม่ได้ใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน
ที่ปัดน้ำฝนที่กี่ประเภท?
จากข้อมูลในเว็บไซต์ของ B-Quik ได้พูดถึงประเภทของที่ปัดน้ำฝนไว้ว่าโดยปกติแล้วที่ปัดน้ำฝนนั้นจะมีทั้งหมด 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
- ที่ปัดน้ำฝนแบบมีโครงเหล็ก (Conventional Wiper Blade)
จะเป็นที่ปัดน้ำฝนที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน เนื่องจากว่ามีความแข็งแรงทนทานจากโครงเหล็กใบปัดที่ยึดคู่กับแผ่นยาง จึงสามารถกระจายแรงกดได้ดี และมีข้อต่อแขนใบปัดที่มาก จึงทำให้มีประสิทธิภาพในการปัดน้ำฝนได้เป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างไรแล้วก็จะขึ้นอยู่กับคุณภาพของแผ่นยางอีกด้วย - ที่ปัดน้ำฝนแบบซ่อนแขนใบปัด (Semi Concealed Wiper Blade)
โดยที่ปัดน้ำฝนประเภทนี้จะมีโครงเหล็กครอบแขนใบปัดเอาไว้ ดังนั้นจึงมีดีไซน์ที่สวยงาม และมีประสิทธิภาพในการปัดน้ำได้เป็นอย่างดี แต่ที่ปัดน้ำฝนประเภทนี้จะไม่มีแขนใบปัด เนื่องจากว่ามีแกนเหล็กติดอยู่กับตัวแผ่นยางเอาไว้ - ที่ปัดน้ำฝนแบบไร้โครงเหล็ก (Flat Blade)
ส่วนใบปัดน้ำฝนประเภทนี้ก็มีดีไซน์ที่สวยงามไม่แพ้กัน และจะใช้งานได้ดีในขณะที่มีการขับรถด้วยความเร็วสูง เนื่องจากว่าไม่มีแขนใบปัด แต่ว่าจะมีแกนเหล็กติดอยู่ที่แผ่นยางเอาไว้แล้ว ดังนั้นจึงมีการกระจายน้ำหนักของที่ปัดน้ำฝนได้ดี อีกทั้งยังมีน้ำหนักที่เบา จึงช่วยลดพื้นที่ในการต้านลมได้ดีอีกด้วย
สาเหตุในการเสื่อมสภาพของที่ปัดน้ำฝนมีอะไรบ้าง?
- ใบปัดน้ำฝนมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากเกินไป จึงทำให้เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา เนื้อยางแห้งจนเป็นขุย แห้งกรอบ และไม่คืนรูป ซึ่งปกติแล้วที่ปัดน้ำฝนจะมีอายุการใช้งานประมาณ 6-12 เดือน และจะขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและการใช้งานด้วย
- ความร้อนจากแสงแดด เพราะเรื่องอุณหภูมิที่ไม่เหมาะก็สำคัญเป็นอย่างมาก หากมีการจอดรถตากแดดทิ้งไว้เป็นเวลานาน ๆ ก็มักจะทำให้ที่ปัดน้ำฝนนั้นเสื่อมประสิทธิภาพในการทำงานได้เร็วกว่าปกติ ดังนั้นทางที่ดีควรเลือกจอดรถเอาไว้ในร่มจะดีที่สุด
- เกิดจากสิ่งสกปรกและฝุ่นละอองที่มีมากจนเกินไป หรือที่ปัดน้ำฝนนั้นไม่ได้มีการทำความสะอาดเลย จนทำให้สิ่งสกปรกต่าง ๆ นั้นเข้าไปสะสมอยู่ในที่ปัดน้ำฝน จึงเกิดเป็นคราบสกปรกที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการใช้งานและเกิดการสึกหรอขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงควรมีการทำความสะอาดใบปัดน้ำฝนเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ
- การใช้น้ำยาที่ผสมแอลกอฮอล์ในการทำความสะอาดที่ปัดน้ำฝน เพราะแผ่นยางนั้นทำมาจากเนื้อยางที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงอาจจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อใบปัดน้ำฝน จนทำให้เกิดการเสื่อมสภาพขึ้นมาได้นั่นเอง
ใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพจะมีอาการอย่างไร?
- เมื่อปัดแล้วกระจกรถยนต์ไม่สะอาดเหมือนแต่ก่อน ปัดแล้วกระจกยังขุ่นมัว และอาจจะมีละอองน้ำเป็นเส้นครึ่งวงกลมอีกด้วย ซึ่งก็แสดงว่าแผ่นยางปัดน้ำฝนนั้นเริ่มเสื่อมสภาพ และมีลักษณะแข็งกรอบ ซึ่งโดยปกติแล้วตัวแผ่นยางปัดน้ำฝนนั้นจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี ดังนั้นเมื่อเกิดอาการเหล่านี้จึงควรรีบเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนอันใหม่โดยเร็ว เพื่อความปลอดภัยและทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่
- เริ่มมีเสียงดัง หรือมีอาการกระตุกในขณะที่กำลังปัดกระจกอยู่ ซึ่งปัญหานี้มักจะพบได้บ่อยจากความล้าของชุดสปริงใบปัดน้ำฝน อันเนื่องมาจากการยกก้านใบปัดน้ำฝนทิ้งไว้นานจนเกินไป
วิธีการเลือกที่ปัดน้ำฝนให้เหมาะสมกับรถยนต์?
ทางเลือกในการเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนนั้นก็สามารถเลือกได้ว่าเราจะสะดวกเปลี่ยนในช่องทางไหน ได้แก่
- ศูนย์บริการ
โดยวิธีนี้ถือว่าเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกสบายมากที่สุด เลยมักจะเป็นทางเลือกหลักของผู้ขับขี่รถยนต์ เพราะบางคนอาจจะยังเปลี่ยนเองไม่เป็น หรือไม่ค่อยให้ความสนใจมากเท่าไหร่นัก จึงเลือกวิธีนำรถเข้าศูนย์และให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูให้ ก็จะได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด แต่ก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าวิธีอื่นด้วยเช่นกัน เพราะจะต้องเสียทั้งค่าอุปกรณ์และค่าแรงนั่นเอง - ซื้อเองนอกศูนย์
สามารถหาซื้อได้เองตามร้านค้าทั่วไปหรือร้านค้าออนไลน์ โดยจะสามารถเลือกซื้อได้เองตามรุ่น รูปแบบ และแบรนด์ที่ผู้ขับขี่ชื่นชอบได้เลย แต่ก็ควรพิจารณาให้ดีก่อนทำการสั่งซื้อ เพื่อคุณภาพการใช้งานของที่ปัดน้ำฝนที่มีประสิทธิภาพนั่นเอง - เปลี่ยนเฉพาะยางใบปัดน้ำฝน
สำหรับวิธีนี้นั้นจะเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการจะประหยัดค่าใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น และสำหรับผู้ที่ใช้ใบปัดน้ำฝนแบบมีโครงเหล็กเท่านั้น โดยการเปลี่ยนแค่แผ่นยางอย่างเดียว เพราะยังเห็นว่าก้านใบปัดน้ำฝนนั้นยังสามารถใช้งานได้อยู่ ก็สามารถที่จะเลือกซื้อแผ่นยางมาเปลี่ยนเองหรือให้ตามร้านประดับยนต์ช่วยเปลี่ยนให้ก็ได้ ซึ่งในบางร้านก็จะมีตัวยางหลายเกรดให้ได้เลือกดูด้วยเช่นเดียวกัน
หากที่ปัดน้ำฝนรถยนต์เกิดความเสียหายขึ้นมา ทางบริษัทประกันภัยจะรับเคลมหรือไม่?
สามารถเคลมได้ถ้าหากว่าความเสียหายนั้นเกิดขึ้นจากกรณีของการเกิดอุบัติเหตุหรือภัยธรรมชาติเท่านั้น ซึ่งถ้าหากว่าความเสียหายนั้นเกิดขึ้นจากการเสื่อมสภาพของการใช้งานตามปกติ แบบนี้ทางบริษัทก็จะไม่สามารถรับเคลมได้ โดยที่ทางบริษัทประกันภัยจะชดเชยเป็นค่าเสียหายให้ตามที่เกิดขึ้นจริง แต่ก็อาจจะมีการหักค่าเสื่อมสภาพของอะไหล่รถยนต์ตามสภาพการใช้งานไปด้วย แต่ก็จะมีอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการอยากจะได้รับความคุ้มครองชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์โดยเฉพาะ ก็สามารถที่จะทำประกันอะไหล่รถยนต์ควบคู่กันไปด้วยเลยก็ได้ เพราะถ้าหากเกิดความเสียหายจากอะไรขึ้นมา เราก็สามารถที่จะแจ้งเคลมได้โดยที่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
ความคุ้มครองประกันรถยนต์
คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย
ควรเลือกทำประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนดี เพื่อรับความคุ้มครองเพิ่มเติม?
สำหรับรถยนต์มือหนึ่งที่เพิ่งซื้อมาใหม่หรือรถยนต์ป้ายแดงนั้น ก็ควรที่จะต้องได้รับความคุ้มครองแบบครอบคลุมมากที่สุด จึงแนะนำว่าให้เลือกทำเป็น ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เพราะนอกจากจะให้ความคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของคู่กรณีและคู่โดยสารเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนแล้ว ก็จะมีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับคู่กรณีอีกด้วย แม้กระทั่งค่าศัลยกรรมจากการเกิดอุบัติเหตุก็มีการจ่ายให้ เป็นต้น และยังคุ้มครองทั้งในแบบที่มีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณี รถยนต์สูญหาย รถยนต์ไฟไหม้ รถยนต์น้ำท่วม หรืออะไรก็ตาม ก็จะได้รับความคุ้มครองทุกกรณีแบบครอบคลุมทั้งหมด เรียกได้ว่าคุ้มค่า คุ้มราคากับเงินที่เสียไปอย่างแน่นอน
ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
นอกจาก แรบบิท แคร์ จะมีระบบเช็คราคาประกันรถและแผนประกันภัยรถยนต์ให้คุณได้ใช้ง่ายแล้ว ก็ยังมีช่องทางในการชำระเงินมากมายอีก ทั้งยังสามารถผ่อน 0% นานถึง 1 เดือนได้อีกด้วย และนอกจากนี้ยังมีบริการหลังการขายสุดพิเศษ ที่จะคอยช่วยอำนวยความสะดวกสบายหลังการขายให้กับลูกค้าแบบ Exclusive ทั้งในเรื่องของบริการหลังการขายตลอด 24 ชั่วโมง และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างคุณในทุกความกังวล ซึ่งรับรองได้เลยว่าการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์กับแรบบิท แคร์ นั้นจะคุ้มค่าแน่นอน ทั้งซื้อง่าย ได้กรมธรรม์เร็ว มีส่วนลดพิเศษต่าง ๆ มากมาย อีกทั้งยังช่วยติดตามประสานงานเคลมของคุณให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เพราะฉะนั้นลูกค้าจึงสามารถที่จะมั่นใจได้เลยว่าจะไม่ผิดหวัง ถ้าหากเลือกทำประกันภัยรถยนต์กับแรบบิท แคร์ สามารถคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ แรบบิท แคร์