โบรกเกอร์ประกันภัยคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร?
โบรกเกอร์ประกันภัย คืออะไร?
คำว่าโบรกเกอร์ประกันภัย (Insurance Brokers) นั่นก็หมายถึง “นายหน้าขายประกันภัย” นั่นเอง ซึ่งคนที่จะเป็นโบรกเกอร์ได้นั้นก็จะต้องมีความรู้ในเรื่องของประกันภัยรถยนต์มากพอสมควร เพื่อที่จะได้ให้ข้อมูลแก่ลูกค้าได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน อีกทั้งจะต้องสามารถให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาแก่ลูกค้าได้อีกด้วย เพราะว่าโบรกเกอร์นั้นไม่ได้มีหน้าที่ขายประกันเพียงแค่อย่างเดียว แต่ตัวโบรกเกอร์ประกันภัยนั้นจะต้องคอยรักษาผลประโยชน์ให้แก่ลูกค้าอีกด้วย เนื่องจากว่าโบรกเกอร์คือตัวกลาง ดังนั้นทางโบรกเกอร์จึงต้องคอยประสานงาน และสามารถตอบโจทย์ได้ในทุกความต้องการของลูกค้า และสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าให้ได้มากที่สุดนั่นเอง และนอกจากนี้ลูกค้าสามารถ ตรวจสอบทะเบียนใบอนุญาตตัวแทนหรือนายหน้าได้ที่เว็บไซต์ คปภ. เพื่อความมั่นใจในการทำประกันภัยที่มากยิ่งขึ้น
โบรกเกอร์ประกันภัย มีความสำคัญอย่างไร?
- ได้ราคาที่ถูกลง เนื่องจากโบรกเกอร์ประกันภัย (Insurance Brokers) นั้นจะได้รับส่วนลดจากบริษัทประกันภัยอยู่แล้ว จึงทำให้เราสามารถซื้อประกันได้ถูกลงนั่นเอง ซึ่งก็จะแตกต่างไปจากการซื้อประกันภัยโดยตรงกับทางบริษัทประกันภัยนั่นเอง
- ช่วยคุ้มครองสิทธิ์ของเรา เนื่องจากโบรกเกอร์ประกันภัย (Insurance Brokers) นั้นเป็นคนกลางที่จะคอยช่วยเหลือเราทุกอย่าง รวมไปถึงการพูดคุยกับทางบริษัทประกัน เพราะโบรกเกอร์จะมีความรู้เรื่องข้อมูลและข้อกฎหมายต่าง ๆ รวมไปถึงความคุ้มครองของประกันในแต่ละประเภทเป็นอย่างดีอีกด้วย
- ช่วยลดปัญหาในการเคลมประกัน เนื่องจากโบรกเกอร์นั้นเปรียบเสมือนเป็นผู้ช่วยส่วนตัว ที่จะคอยเป็นตัวกลางในการเคลมประกัน และเรียกร้องค่าสินไหมจากบริษัทประกันให้เรานั่นเอง
Insurance คืออะไร?
Insurance หรือประกันภัย จัดว่าเป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับการบริหารและจัดการกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง ซึ่งการทำประกันภัยนั้นจะเป็นการโอนความรับผิดชอบในเรื่องของความเสี่ยงต่าง ๆ ไปยังบริษัทประกันภัยให้เป็นผู้รับผิดชอบความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นแทนนั่นเอง ดังนั้นบริษัทประกันภัยจึงจะเป็นผู้ที่เก็บเบี้ยประกัน และเป็นผู้ชดเชยค่าสินไหมให้แก่ผู้ที่เอาประกัน ซึ่งการทำประกันภัยนั้นจะเป็นการตกลงกันระหว่าง 2 ฝ่าย นั่นก็คือฝ่ายของผู้รับประกัน (บริษัทประกันภัย) และฝ่ายของผู้เอาประกันภัยนั่นเอง โดยที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องมีข้อตกลงและจะต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน กล่าวคือ ฝ่ายของผู้รับประกันจะต้องรับผิดชอบต่อผู้เอาประกัน หากเกิดกรณีที่มีการสูญเสียหรือมีความเสียหายเกิดขึ้นต่อผู้เอาประกัน โดยการชดใช้ค่าใช้จ่ายต่อชีวิตและทรัพย์สินให้ตามที่กรมธรรม์ประกันภัยระบุไว้ และผู้เอาประกันเองก็จะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยให้ตรงตามกำหนดและครบถ้วนอีกด้วย
หน้าที่ของโบรกเกอร์ประกันภัย มีอะไรบ้าง?
โบรกเกอร์นั้นจะคอยทำหน้าที่แทนลูกค้าที่ต้องการซื้อประกันภัยตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นการเสนอกรมธรรม์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด ไปจนถึงการยื่นเรื่องเคลมประกันให้ลูกค้า โดยที่โบรกเกอร์นั้นจะสามารถเสนอขายได้อย่างอิสระ และจะไม่ขึ้นตรงกับบริษัทประกันภัยใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนในเรื่องของค่าตอบแทนนั้นก็จะได้เป็นค่าคอมมิชชันจากบริษัทประกันภัยอีกที ตามจำนวนที่นายทะเบียนได้มีการประกาศกำหนดไว้ในแต่ละประเภทของการประกันภัย
โบรกเกอร์กับนายหน้า แตกต่างกันอย่างไร?
โบรกเกอร์ (Brokers) | นายหน้า (Agents) |
เป็นคนกลางอิสระ ไม่ได้ขึ้นตรงกับบริษัทประกันภัย | เป็นตัวแทนของบริษัทประกันภัย ภายใต้สังกัดที่ตนอยู่ |
เป็นได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล | เป็นบุคคลธรรมดาเท่านั้น |
ซื้อประกันผ่านโบรกเกอร์ประกันภัย ดีอย่างไร?
- มีแผนประกันภัยให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ประกันภัยรถยนต์ ประกันสุขภาพ หรือประกันเดินทาง ก็สามารถเลือกซื้อแบบครบวงจรได้เลย
- เปรียบเทียบเบี้ยประกันของแต่ละบริษัทได้ทันที จึงทำให้สามารถตัดสินใจเลือกบริษัทที่เบี้ยประกันถูกใจเราได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
- ช่วยประหยัดเวลาได้มากกว่า เพราะโบรกเกอร์ได้รวมแผนประกันภัยมาให้ได้เลือกแบบครบและจบในที่เดียว อีกทั้งยังเป็นผู้ดำเนินการซื้อประกันให้เราตั้งแต่ต้นจนจบอีกด้วย
- มีสิทธิพิเศษให้มากมาย ที่จะคอยช่วยเหลือลูกค้าให้ได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่น 0% การให้ยืมรถไปใช้ในระหว่างที่ซ่อม หรือบริการช่วยตามเรื่องเคลมให้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลดีแก่ลูกค้าทั้งสิ้น จึงเป็นเหตุทำให้ลูกค้ามักจะซื้อประกันภัยผ่านโบรกเกอร์ (Insurance Brokers) นั่นเอง
ประกันภัยมีทั้งหมดกี่ประเภท?
ตามหลักสากลแล้วจะสามารถแบ่งประกันภัยได้ทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่
1. ประกันภัยบุคคล (Insurance of the person)
1.1 ประกันชีวิต สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
- ประเภทสามัญ (Ordinary Life Insurance)
- ประเภทอุตสาหกรรม (Industrial Life Insurance)
- ประเภทกลุ่ม (Group Life Insurance)
1.2 ประกันอุบัติเหตุ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
- การประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล
- การประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่ม
- การประกันภัยอุบัติเหตุสำหรับนักเรียน
1.3 ประกันสุขภาพ จะมีการคุ้มครองหลักแบ่งเป็น 7 หมวด ได้แก่
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล
- ค่าใช้จ่ายในการรักษาฟัน
- ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการผ่าตัด
- ค่าใช้จ่ายในการคลอดบุตร
- ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากแพทย์มาดูแล
- ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการบริการจากพยาบาลพิเศษ
- ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการรักษาที่คลินิกหรือผู้ป่วยนอก
2. การประกันภัยทรัพย์สิน (Property Insurance)
เป็นการทำสัญญายินยอมของบริษัทรับประกัน เพื่อยินยอมที่จะชดใช้ค่าเสียหายต่อทรัพย์สิน และคุ้มครองทรัพย์สินของผู้ที่เอาประกัน ในกรณีที่เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินที่เอาประกันไว้ โดยจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่
2.1 การประกันอัคคีภัย
2.2 ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง
2.3 ประกันภัยรถยนต์
2.4 ประกันภัยเบ็ดเตล็ด
3. การประกันภัยเกี่ยวกับความรับผิดตามกฎหมาย (Liability Insurance)
เป็นการประกันภัยที่เกิดขึ้นจากผลของข้อกฎหมาย ที่เกิดจากความประมาทของผู้ที่เอาประกันภัย ลูกจ้าง หรือคนในครอบครัว ที่ทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต โดยจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
3.1 ประกันภัยความรับผิดชอบต่อสาธารณะ
3.2 การประกันภัยความรับผิดจากผลิตภัณฑ์
3.3 การประกันภัยความรับผิดจากวิชาชีพ
คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย
ควรเลือกทำประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนดี เพื่อรับความคุ้มครองเพิ่มเติม?
สำหรับรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่งหรือมือสองก็ดี แนะนำอย่างยิ่งที่จะเลือกทำเป็น ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เพราะนอกจากแผนกรมธรรม์จะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมแบบสูงสุดแล้ว ก็ยังให้คุ้มค่ามากที่สุดอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติธรรมชาติ จากการชนแบบรถชนรถ หรือรถชนคน เพราะฉะนั้นเพื่อความสบายใจมากที่สุดและเพื่อที่ตัวเราเองจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลทุกครั้งที่ขับรถ การเลือกทำประกันภัยชั้น 1 จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ดังนั้นจึงหมั่นต่อประกันไว้อย่างสม่ำเสมอไม่ให้ขาด เพียงเท่านี้เราก็สามารถอุ่นใจได้ทุกครั้งในการขับขี่
ซื้อประกันรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
นอกจากแรบบิท แคร์ จะเป็นโบรกเกอร์ประกันภัยอันดับ 1 ที่มีบริการหลังการขายแบบ Exclusive ตลอด 24 ชั่วโมงให้กับลูกค้าทุกท่านแล้ว ทางแรบบิท แคร์ ก็ยังมีระบบเปรียบเทียบเบี้ยประกันภัยรถยนต์จากบริษัทชั้นนำของประเทศ ให้ได้เลือกสรรมากมายตามความต้องการของแต่ละบุคคล เพื่อให้เหมาะสมและตอบโจทย์ผู้ขับขี่ได้มากที่สุด และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างคุณทุกเมื่อ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รับการดูแลหลังการขาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ แรบบิท แคร์ หรือโทรขอคำปรึกษาได้ที่ Care Center เบอร์ 1438 แรบบิท แคร์ เพราะเราแคร์คุณยิ่งกว่าใคร ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ความคุ้มครองประกันรถยนต์