Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ นโยบายคุกกี้

🎵 9.9 Rabbit แจกฟรี!! หูฟัง Apple Airpods Gen 3 และ Rabbit Voucher มูลค่ารวม 12,790 บาท แค่สมัครบัตรฯ UOB ผ่าน Rabbit Care คลิก! 💳

เบรคมือรถยนต์คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร?

เบรคมือรถยนต์คืออะไร?

คำว่า “เบรก” เป็นคำทับศัพท์ที่คนไทยใช้กันมาอย่างยาวนานจนคุ้นชิน โดยในเว็บไซต์พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได้ให้ความหมายของคำว่า “เบรก” เอาไว้ ซึ่งถ้าแปลงมาเป็นคำภาษาไทยก็จะกลายมาเป็นคำว่า “ห้ามล้อ” นั่นเอง โดยที่เบรกรถยนต์นั้นจะทำงานคล้ายกันกับเบรกก้ามปูในรถจักรยานยนต์หรือในรถยนต์รุ่นเก่า และที่เรียกว่าเป็นเบรกก้ามปูนั้นก็เพราะว่ามียาง 2 ชิ้นคอยหนีบตัวและประกบขอบล้อรถเอาไว้ไม่ให้เคลื่อนที่ได้นั่นเอง ส่วนเบรคมือรถยนต์ก็จะมีชื่อเรียกและจะมีหน้าที่ที่ตรงตัวเลยนั่นก็คือคำว่า Parking Brake ที่จะสามารถแปลได้ว่าเป็นการห้ามล้อที่ใช้สำหรับจอดรถ แต่คนไทยมักจะคุ้นชินกับการใช้คำว่า “เบรคมือรถยนต์” มากกว่าคำข้างต้น เพราะด้วยลักษณะของการใช้งานที่จะต้องใช้มือเป็นตัวสั่งการบังคับให้เกิดการทำงาน ต่างไปจากเบรกทั่วไปที่ผู้ขับขี่มักจะใช้เท้าเป็นตัวสั่งการนั่นควบคุมการทำงานของระบบเบรกเอง เช่น เบรกหน้าและเบรกหลัง

เบรคมือรถยนต์มีความสำคัญอย่างไร?

เบรคมือรถยนต์ถือว่าเป็นอุปกรณ์อีกหนึ่งชิ้นที่สำคัญในระบบเบรก เพราะจะคอยทำหน้าที่ในการช่วยหยุดการเคลื่อนไหวหรือการเลื่อนไถลของรถยนต์ จากการจับล็อกที่เพลากลางหรือที่กลไกเบรกที่ล้อหลัง ดังนั้นถ้าเกิดว่ามีการใช้เบรกมือในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่อยู่ ก็อาจจะทำให้รถเกิดการเสียหลักขึ้นมาได้ เนื่องจากเบรกมือนั้นจะมีกลไกในการทำงานที่แตกต่างไปจากเบรกเท้า เพราะทางวิศวกรผู้ออกแบบได้มีการกำหนดมาตรฐานเอาไว้แล้วว่าเบรกที่ล้อหน้ารถยนต์นั้นจะต้องมีประสิทธิภาพในการทำงานที่มากกว่าเบรกที่ล้อหลังนั่นเอง เพื่อลดโอกาสในการเสียหลักของรถยนต์ อีกทั้งเรานั้นไม่ควรที่จะเอาสิ่งของต่าง ๆ ไปวางไว้ในบริเวณคันบังคับเบรกมือด้วย เพื่อป้องกันการเกิดเบรกค้างหรือเบรกไหม้ขึ้นมาได้

เบรกมือรถยนต์ทำงานอย่างไร?

สำหรับเบรกมือรถยนต์นั้นจะประกอบไปด้วยเฟืองและกระเดื่อง คือเมื่อดึงเบรกมือขึ้นเฟืองจะหมุนกระเดื่องจะล็อก โดยจะมีกลไกการจับล็อกที่เพลากลางหรือที่กลไกเบรกที่ล้อหลัง และยังมีสายสลิงที่จะคอยทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการเหนี่ยวรั้งกลไกอยู่แล้ว ดังนั้นจึงควรจะมีการปรับตั้งความตึงหย่อนของสายสลิงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมทุก ๆ 1 ปี หรือเมื่อมีการใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสายสลิงให้มากขึ้น เบรกมือจะได้มีความสามารถในการทำงานได้อย่างเต็มที่ ส่วนเบรกมือไฟฟ้านั้นสามารถใช้งานได้เพียงแค่กดปุ่มหรือดึงปุ่มตัว P แบบเบา ๆ ระบบเบรกมือก็จะทำงานได้โดยทันที

เบรกมือควรใช้ในสถานการณ์ใด?

ตามปกติแล้วจะใช้เบรกมือในขณะที่รถยนต์จอดอยู่เท่านั้น เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของรถยนต์ ไม่ว่าจะมีคนอยู่ในรถหรือไม่มีคนอยู่ในรถก็ตาม เพราะฉะนั้นทางที่ดีเราควรที่จะดึงเบรกมือขึ้นทุกครั้งในเวลาที่จอดรถ ยกเว้นในกรณีที่มีการจอดรถขวางซ้อนกันหลายคันก็ไม่ควรที่จะดึงเบรกมือเอาไว้ เพื่อที่จะได้ให้รถยนต์นั้นสามารถเคลื่อนที่ให้รถคันอื่นออกได้ด้วยเช่นกัน หรือแม้แต่ในตอนที่รถจอดติดไฟแดงเป็นเวลานาน ๆ ก็สามารถที่จะดึงเบรกมือขึ้นเพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของรถยนต์นั่นเอง รวมไปถึงการจอดรถบนพื้นที่ลาดชัน เพราะว่าการเลื่อนตำแหน่งเกียร์ไปยังตัว P รถยนต์ก็จะยังสามารถเคลื่อนตัวอยู่ได้นั่นเอง ดังนั้นการดึงเบรกมือขึ้นจึงสามารถช่วยทำให้ผู้ขับขี่อุ่นใจได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

และถ้าหากว่าเราเห็นสัญญาณไฟขึ้นแจ้งเตือนเบรกมือที่หน้าปัดรถยนต์ ทั้ง ๆ ที่เราก็ได้มีการปลดเบรกมือลงเรียบร้อยแล้ว ในกรณีแบบนี้ให้เราจอดรถแล้วทำการดึงและปลดเบรกมือแรง ๆ ใหม่อีกครั้ง เพื่อแก้ไขปัญหาสัญญาณไฟแจ้งเตือนค้างนั่นเอง แต่ถ้าหากว่ายังมีสัญญาณไฟติดอยู่และไม่หายไปไหน ให้เราทำการตรวจเช็กดูกระปุกน้ำมันเบรก เพราะรถยนต์ในปัจจุบันนี้มักจะมีการติดตั้งตัววัดสัญญาณไว้ที่กระปุกน้ำมันเบรก เพื่อเป็นการวัดความหนาของผ้าดิสก์เบรกไปในตัว คือเมื่อผ้าเบรกบางลง น้ำมันเบรกส่วนหนึ่งก็จะไหลเข้าไปแทนที่ในส่วนของผ้าเบรกที่บางลงไปแทน สัญญาณไปแจ้งเตือนจึงยังแสดงอยู่ ถึงแม้ว่าเราจะได้มีการปลดเบรกมือลงเรียบร้อยแล้ว

ถ้าหากเบรกมือไม่อยู่ จะต้องทำอย่างไร?

สำหรับในกรณีที่รถเบรกมือไม่อยู่หรือรถเบรกแตกนั้น อันดับแรกให้เราตั้งสติก่อน และห้ามดึงเบรกมือแรง ๆ เพราะว่าเรานั้นจะไม่สามารถควบคุมและบังคับทิศทางของรถยนต์ได้เลยในกรณีแบบนี้ อีกทั้งรถยนต์อาจเกิดการพลิกคว่ำได้อีกด้วย ดังนั้นให้เราทำการกดปุ่มล็อกเบรกมือไปพร้อมกับการดึงเบรกมือขึ้นลงแบบติดต่อกันหลาย ๆ ครั้งแทน และควรชะลอความเร็วของรถยนต์ด้วยการค่อย ๆ ลดเกียร์ลงตามลำดับก็จะสามารถช่วยให้รถยนต์นั้นหยุดได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ข้อใดไม่ควรใช้เบรกมือ?

เบรกมือจะใช้เฉพาะในตอนที่รถยนต์กำลังจอดอยู่ ดังนั้นในขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวอยู่ เราจึงไม่ควรใช้เบรกมือเป็นอันขาด เพื่อป้องกันการเสียหลักของรถยนต์จนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้ อีกทั้งผู้ขับขี่อาจจะเจอปัญหารถสตาร์ตไม่ติดเมื่อมีการจอดรถค้างคืนไว้ หรือพบว่ารถยนต์มีกำลังน้อยลงเหมือนเบรกยังมีการติดค้างอยู่ หรือพบว่ารถยนต์มีเสียงกระแทกเกิดขึ้นจากบริเวณล้อหลังที่ใต้ท้องรถ นั่นหมายความว่าผ้าเบรกของรถยนต์นั้นอาจจะยังไม่มีการคลายตัวไปตามการปลดเบรกมือนั่นเอง ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่สามารถพบได้ตามปกติทั่วไปในรถยนต์ เพราะว่าเกิดจากการรัดตัวและหดตัวของผ้าเบรกในขณะที่ยังร้อนอยู่จากการใช้งาน และหดตัวลงในเวลากลางคืนจากอากาศที่เย็นขึ้น พร้อมทั้งยังมีการรัดตัวของผ้าเบรกจนแน่นและกลายเป็นสุญญากาศระหว่างหน้าสัมผัสของผ้าเบรกกับหน้าสัมผัสของจานเบรก ดังนั้นจึงทำให้คลายตัวออกจากกันได้ยาก เพราะฉะนั้นจึงมีวิธีการแก้ไขปัญหาผ้าเบรกหดตัวโดยการถอยหลังรถยนต์แล้วออกตัวแรง ๆ หรือนำรถยนต์ไปปรับตั้งสายสลิงเบรกใหม่เพื่อให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม

เบรคมือรถยนต์ เบรคล้อไหน?

เบรกมือนั้นจะควบคุมการทำงานของล้อหลังรถยนต์ เมื่อดึงเบรกมือขึ้นจนรู้สึกได้ถึงความตึงและมีเสียงดังขึ้นมา นั่นหมายความว่าเรามีการดึงเบรกมือขึ้นมาอย่างถูกต้อง แต่ถ้าหากว่าต้องการปลดเบรกมือก็ให้เรากดปุ่มที่เบรกมือพร้อมกับปล่อยเบรกมือลงแบบค่อย ๆ ก็จะช่วยถนอมอุปกรณ์และช่วยยืดอายุการใช้งานของเบรกมือได้อีกด้วย

หากเกิดความเสียหายขึ้นกับเบรคมือรถยนต์ แบบนี้ประกันภัยรถยนต์จะรับเคลมไหม?

สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นจะสามารถยื่นเคลมได้เฉพาะในกรณีที่เป็นความเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุหรือภัยธรรมชาติเท่านั้น แต่ถ้าหากว่าความเสียหายนั้นเกิดขึ้นมาจากการเสื่อมสภาพของการใช้งาน ทางบริษัทประกันภัยก็จะไม่สามารถรับเคลมให้ได้ แต่ก็จะมีอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการอยากจะได้รับความคุ้มครองในส่วนของอะไหล่รถยนต์โดยเฉพาะ คือการทำประกันอะไหล่รถยนต์ควบคู่กันไปกับการทำ ประกันภัยรถยนต์ เพราะถ้าหากเกิดความเสียหายกับอะไหล่รถยนต์ขึ้นมา เราก็สามารถที่จะแจ้งเคลมได้เลย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้อีกด้วย

ความคุ้มครองประกันรถยนต์

ความคุ้มครองรถผู้ทำประกัน
ประเภทประกันภัย
ชั้น 1
ชั้น 2+
ชั้น 2
ชั้น 3+
ชั้น 3
ชนแบบมีคู่กรณีชนแบบมีคู่กรณี
x
x
ชนแบบไม่มีคู่กรณีชนแบบไม่มีคู่กรณี
x
x
x
x
ไฟไหม้ไฟไหม้
x
x
รถหายรถหาย
x
x
ภัยธรรมชาติภัยธรรมชาติ
x
x
ช่วยเหลือ 24 ชม. ช่วยเหลือ 24 ชม.
x
x
x
ซื้อประกันรถยนต์   
คลิก
คลิก
คลิก
คลิก
คลิก
ความคุ้มครองอื่นๆ ครอบคลุมทุกชั้นประกัน
คุ้มครองคู่กรณี และทรัพย์สินคู่กรณี
อุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาลบุคคลที่สาม
คุ้มครองชิวิตบุคคลที่สาม
คุ้มครองชีวิตผู้ขับขี่
ค่ารักษาพยาบาลตัวผู้ขับขี่
การประกันตัวผู้ขับขี่

คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย

ควรเลือกทำประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนดี เพื่อรับความคุ้มครองเพิ่มเติม?

รถมือหนึ่งป้ายแดงแบบนี้ แนะนำว่าให้เลือกทำเป็น ประกันรถยนต์ชั้น 1 ไว้จะดีที่สุด เพราะว่าสามารถให้ความอุ่นใจได้ตลอดการเดินทาง เนื่องจากอุบัติเหตุบนท้องถนนนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นการไม่ประมาทเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพียงแค่จ่ายค่าเบี้ยประกันภัยไม่กี่บาทต่อปี จะได้ไม่ต้องเสียเงินก้อนใหญ่เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา หรือสามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่ Care Center เบอร์ 1438 บริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเลือกและการเช็กประกันรถยนต์ออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง หรือคลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ แรบบิท แคร์

ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?

เพราะการซื้อประกันรถยนต์กับแรบบิท แคร์ นั้นไม่เพียงแต่จะให้ความคุ้มค่าในเรื่องของแผนประกันภัยและการคุ้มครองเท่านั้น แต่ยังให้ความอุ่นใจมากกว่าที่อื่นอีกด้วย เพราะว่าแรบบิท แคร์ มีความน่าเชื่อถือและมีความปลอดภัย 100% อีกทั้งยังได้รับการรับรองความถูกต้องจาก คปภ. และมีประสบการณ์ในการดูแลและให้บริการลูกค้ามาอย่างยาวนาน และนอกจากนี้ยังมีช่องทางในการชำระเบี้ยประกันรถยนต์มากมาย ไม่ว่าจะชำระค่าเบี้ยประกันภัยผ่านช่องทางไหนก็สะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต เป็นเงินสด หรือแม้แต่กระทั่งการผ่อนชำระก็มี ดังนั้นจึงทำให้ลูกค้ามีทางเลือกที่หลากหลายช่องทาง และสามารถวางแผนสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย รวมไปถึงในเรื่องของส่วนลดก็มีให้เช่นเดียวกัน เพราะว่าเรานั้นแคร์คุณยิ่งกว่าใคร สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แรบบิท แคร์

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา