Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ นโยบายคุกกี้
user profile image
เขียนโดยTawan A.วันที่เผยแพร่: Jul 07, 2023

“รถออฟโรด” คือรถอะไร? เหมาะสำหรับการขับขี่ประเภทใด?

สำหรับนักขับที่ชื่นชอบในการขับรถแบบผจญภัยไปในป่า บุกน้ำ ลุยโคลน ไปตามพื้นดินที่ขรุขระและเป็นหลุมเป็นบ่อ ก็คงจะมีรถในฝันหรือรถในชีวิตประจำวันแบบ “รถออฟโรด” เพราะเป็นรถยนต์ที่ขับสนุก ลุยได้ในทุกสถานการณ์ อีกทั้งยังบรรจุของได้เยอะ จึงทำให้เป็นเป้าหมายสำหรับผู้ที่ต้องการจะใช้งานแบบสมบุกสมบัน ซึ่งการขับขี่รถออฟโรดนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การขับขี่เพื่อท่องเที่ยว เพื่อลำเลียงของ หรือเพื่อการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังเป็นงานอดิเรกได้ด้วย เพราะสามารถพาเราชมวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติได้อย่างกว้างขวาง ด้วยทัศนวิสัยในการขับขี่ที่กว้างไกลของรถออฟโรดนั่นเอง

รถออฟโรด คือรถอะไร?

รถออฟโรด (Offroad) หรือรถลุยป่า จะเป็นรถยนต์ SUV สำหรับการขับขี่แบบสมบุกสมบัน เพราะฉะนั้นจึงเป็นรถยนต์ที่มีการขับเคลื่อนแบบสี่ล้อ และที่มาของคำว่ารถยนต์ออฟโรด (Offroad) ก็มาจากการขับขี่บนพื้นถนนที่ไม่มีการลาดยางด้วยคอนกรีต และเป็นพื้นที่ที่มีผิวถนนขรุขระ ยากต่อการขับขี่บนท้องถนนแบบปกติ หรือที่ทุกคนเรียกกันว่าเป็นพื้นที่ทุรกันดารนั่นเอง

เพราะฉะนั้นดีไซน์ของรถออฟโรด (Offroad) จึงแตกต่างไปจากรถยนต์ธรรมดาทั่วไป ส่วนสมรรถนะช่วงล่างก็จะพิเศษมากกว่ารถยนต์ปกติ คือจะมีการยกสูงและมีช่วงล่างที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพื่อให้พร้อมสำหรับการบุกป่าลุยน้ำได้เป็นอย่างดี

รถออฟโรดเหมาะสำหรับการขับขี่ประเภทใด?

สำหรับรถออฟโรด (Offroad) จะเหมาะสำหรับการขับขี่เพื่อจุดประสงค์เฉพาะเรื่อง ยกตัวอย่างเช่น การทดสอบรถ การท่องเที่ยว การทำกิจกรรมในป่า การแข่งขัน การถ่ายทำรายการสารคดี การขนส่งของหรือผู้คน รวมไปถึงการปฏิบัติงานในพื้นที่ทางไกลโดยเฉพาะ เนื่องจากรถออฟโรด (Offroad) จะเหมาะสำหรับการขับขี่แบบลุยป่า ลุยน้ำ ผจญภัยไปยังพื้นที่ที่ควบคุมการทรงตัวของรถได้ยาก

รถออฟโรดมีโหมดในระบบขับเคลื่อนเป็นอย่างไร?

  • ระบบขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ ด้วยความเร็วสูง หรือโหมด 2H-Two-Wheel Drive High มักจะใช้ในกรณีที่จะต้องขับรถออฟโรดบนถนนทั่วไป
  • ระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ด้วยความเร็วสูง หรือโหมด 4H-Four-Wheel Drive High มักจะใช้ในกรณีที่จะต้องขับรถออฟโรดบนพื้นถนนที่ขรุขระและต้องใช้แรงฉุดลากเยอะ
  • ระบบขับเคลื่อนโหมด 4L-Four-Wheel Drive High มักจะใช้ในกรณีที่จะต้องขับรถออฟโรดบนพื้นทราย ทางลาดชัน และพื้นดินโคลน

การขับรถออฟโรดที่เหมาะสม จะต้องมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?

  1. อันดับแรกผู้ขับนั้นจะต้องมีทักษะในการขับรถออฟโรดโดยเฉพาะ เนื่องจากว่าจะต้องมีการขับในพื้นถนนที่ค่อนข้างขรุขระ ดังนั้นการรู้จักมุมต่าง ๆ ของรถ ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้รถของคุณไปขูดกับโขดหินหรือสิ่งกีดขวางจนเกิดเป็นความเสียหายขึ้นมาได้ อีกทั้งจะต้องมาทำความเข้าใจหลักการพื้นฐานของการขับรถออฟโรดที่เหมาะสม ว่ารถออฟโรดนั้นมีการขับเคลื่อนอย่างไร แรงฉุดหรือแรงลากนั้นจะต้องขับยังไง ถึงจะควบคุมการทรงตัวของรถให้ได้มากที่สุด
  2. ทำการปรับเบาะนั่งให้รองรับสรีระและกระชับกับตัวของผู้ขับให้ได้มากที่สุด เพื่อเตรียมพร้อมในการขับขี่รถวิบากและพร้อมที่จะเริ่มต้นผจญภัย
  3. เรียนรู้การจับพวงมาลัยที่ถูกวิธี ยกตัวอย่างเช่น นิ้วโป้งของผู้ขับจะต้องชี้ขึ้นไปด้านบนทั้งสองข้าง เพื่อป้องกันการได้รับบาดเจ็บหากประสบอุบัติเหตุ ดังนั้นการจับพวงมาลัยของรถออฟโรดจะไม่เหมือนกับการจับพวงมาลัยของรถยนต์ทั่วไป
  4. สำหรับหลักการพื้นฐานในการขับขี่รถออฟโรดนั้นจะแตกต่างไปจากรถยนต์ทั่วไปเล็กน้อย ดังนั้นจึงควรศึกษาเอาไว้ เช่น การขับรถลุยน้ำจะต้องใช้ความเร็วต่ำ ปิดแอร์ พร้อมกับเปิดกระจกให้หมดทั้ง 4 บาน และเมื่อขับขึ้นพ้นจากน้ำแล้วให้ทำการเหยียบเบรกรถหลาย ๆ ครั้ง เพื่อทำการรีดน้ำให้ออกมาจากผ้าเบรกให้ได้มากที่สุด เป็นต้น

วิธีการเลือกซื้อรถออฟโรด (Offroad)

  • เลือกซื้อโดยการดูที่ล้อ Offroad
    เนื่องจากรถยนต์ชนิดนี้เป็นรถยนต์ที่จะต้องมีสมรรถนะช่วงล่างที่ดีเยี่ยม ดังนั้นช่วงล่างและล้อรถยนต์จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะต้องเลือกดูเป็นอันดับต้น ๆ เพราะการขับขี่บนพื้นดินที่ขรุขระนั้นจะต้องมีระบบการขับเคลื่อนของรถออฟโรดที่รองรับการขับขี่ที่สะดวกสบาย มีการยึดเกาะถนนที่ดี รวมไปถึงในเรื่องของความปลอดภัยเช่นเดียวกัน ดังนั้นการเลือกขนาดของล้อรถออฟโรดให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
  • เลือกซื้อโดยการดูที่ยางของรถ Offroad
    ส่วนยางรถยนต์ก็ควรที่จะเลือกใช้ให้เหมาะสมด้วยเช่นกัน คือจะต้องเลือกใช้ยางที่สมดุลกับรถยนต์ เราจะไม่ดูที่ขนาดของยางเพียงอย่างเดียว เพราะยางขนาดใหญ่ที่เกินไปนั้นจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นจึงควรพิจารณาที่ระยะห่างจากพื้นถนนที่เพิ่มมากขึ้นกับประสิทธิภาพในการใช้งานที่แท้จริงมากกว่า เพราะถ้าหากว่าเราใช้ยางที่ไม่สมดุลกับรถยนต์ มันก็จะส่งผลทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานของรถยนต์นั้นลดลงไปด้วย อีกทั้งยางรถยนต์สำหรับรถออฟโรดนั้นจะมีปัญหาของยางที่สึกหรอเร็วกว่ารถปกติทั่วไปด้วย เพราะว่ารถประเภทนี้จะมีจุดศูนย์ถ่วงรถที่สูง ดังนั้นจึงจะมีการติดตั้งระบบกันโคลงของพวงมาลัยมาให้ด้วย
  • เลือกซื้อรถออฟโรดจากสมรรถนะของเครื่องยนต์
    รถออฟโรดลุยป่านั้นจะต้องมีสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่ดีเยี่ยมและเหมาะสมต่อการใช้งานด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวที่ส่งผลต่อการขับเคลื่อนของรถยนต์ ยิ่งถ้าเป็นรถออฟโรดก็ยิ่งจะต้องเป็นรถที่มีเครื่องยนต์สมรรถนะสูง พร้อมลุยในทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นทางโค้ง ทางลาดชัน หรือว่าทางที่มีน้ำขัง ก็สามารถที่จะมั่นใจได้ในทุกการขับขี่
  • เลือกซื้อตามการใช้งานของผู้ขับขี่
    เพราะในแต่ละคนก็จะมีการใช้งานรถออฟโรดที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อรถออฟโรดที่เหมาะสมกับการใช้งานของผู้ขับขี่ด้วย ถ้าหากว่าซื้อรถที่ไม่ตรงตามความต้องการหรือไม่ได้ตอบโจทย์การใช้งานของเราได้อย่างเต็มที่ มันก็อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวรถออฟโรดขึ้นมาได้ง่ายกว่าเดิม เนื่องจากรถออฟโรดในแต่ละประเภทก็จะมีรูปแบบของอะไหล่รถยนต์ที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นจึงควรพิจารณาและไตร่ตรองให้ดีก่อนทำการซื้อรถออฟโรด
  • เลือกซื้อรถออฟโรดจากล้อแม็กที่ได้รับมาตรฐานจากโรงงานการผลิต
    การขับเคลื่อนของรถออฟโรดที่มีประสิทธิภาพนั้น นอกจากจะต้องมีเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะสูงแล้ว ก็ควรที่จะต้องเลือกใช้ล้อรถออฟโรดที่ได้มาตรฐานและผ่านการรองรับมาเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าในทุกการขับขี่ของเรานั้นจะมีประสิทธิภาพสูง ขับขี่คล่องตัว ยึดเกาะถนนได้เป็นอย่างดี และควบคุมการทรงตัวของรถออฟโรดได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน

ความคุ้มครองประกันรถยนต์

ความคุ้มครองรถผู้ทำประกัน
ประเภทประกันภัย
ชั้น 1
ชั้น 2+
ชั้น 2
ชั้น 3+
ชั้น 3
ชนแบบมีคู่กรณีชนแบบมีคู่กรณี
x
x
ชนแบบไม่มีคู่กรณีชนแบบไม่มีคู่กรณี
x
x
x
x
ไฟไหม้ไฟไหม้
x
x
รถหายรถหาย
x
x
ภัยธรรมชาติภัยธรรมชาติ
x
x
ช่วยเหลือ 24 ชม. ช่วยเหลือ 24 ชม.
x
x
x
ซื้อประกันรถยนต์   
คลิก
คลิก
คลิก
คลิก
คลิก
ความคุ้มครองอื่นๆ ครอบคลุมทุกชั้นประกัน
คุ้มครองคู่กรณี และทรัพย์สินคู่กรณี
อุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาลบุคคลที่สาม
คุ้มครองชิวิตบุคคลที่สาม
คุ้มครองชีวิตผู้ขับขี่
ค่ารักษาพยาบาลตัวผู้ขับขี่
การประกันตัวผู้ขับขี่

คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย

ประกันภัยสำหรับรถออฟโรดจะแตกต่างจากประกันภัยรถยนต์ธรรมดาหรือไม่?

สำหรับ ประกันภัยรถยนต์ ระหว่างรถธรรมดาและรถออฟโรดนั้นจะไม่ได้มีความแตกต่างกันเลย ในแผนกรมธรรม์ยังมีให้เลือกทั้งแบบชั้น 1, ชั้น 2+, ชั้น 3+, ชั้น 2 และชั้น 3 เช่นเดิม ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าประกันภัยรถออฟโรดนั้นจะมีความยุ่งยากมากกว่าประกันภัยรถยนต์ธรรมดา

 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะแนะนำว่าให้เลือกทำเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ไปเลยสำหรับรถออฟโรด เพราะด้วยความที่เป็นรถสำหรับการผจญภัย ลุยป่า ลุยน้ำ ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดปัญหาจากอุบัติเหตุก็จะมีมากกว่ารถธรรมดาทั่วไป ดังนั้นเพื่อความสบายใจว่าเราจะสามารถส่งเคลมกับทางบริษัทประกันภัยได้ ประกันภัยชั้นนี้จึงเหมาะสมมากที่สุดทั้งในเรื่องของความคุ้มครองและความคุ้มค่าของเบี้ยประกันภัย

หากมีรถออฟโรดเป็นของตนเอง แบบนี้ควรที่จะเลือกทำประกันภัยชั้นไหนดี?

ถ้าหากว่าเป็นรถออฟโรด (Offroad) ที่จะต้องมีการใช้งานแบบสมบุกสมบันแบบนี้ ความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับรถยนต์นั้นก็จะมีตามมามากเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นการตัดสินใจเลือกทำเป็น ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นั้นก็จะถือว่าเป็นการซื้อความคุ้มครองที่จะทำให้ผู้ขับขี่สบายใจมากที่สุด เพราะว่านอกจากจะได้รับความคุ้มครองแบบสูงสุดทั้งในแบบที่มีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณีก็ตาม รวมไปถึงในกรณีที่รถยนต์สูญหาย รถยนต์ไฟไหม้ รถยนต์น้ำท่วม ก็ล้วนแล้วแต่จะได้รับความคุ้มครองในทุกกรณี ดังนั้นจึงเป็นการช่วยเพิ่มความมั่นใจและความสบายใจให้กับผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี

ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?

นอกจากคุณจะได้รับแผนประกันภัยที่ตอบโจทย์ตามความต้องการของคุณแล้ว ในเรื่องของราคาก็คุ้มค่ามากเช่นเดียวกัน เพราะแรบบิท แคร์ เรามีข้อเสนอจากบริษัทชั้นนำที่จะให้คุณได้เลือกสรรแบบหลากหลาย อีกทั้งยังมีสิทธิประโยชน์เฉพาะที่แรบบิท แคร์ มาให้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความอุ่นใจในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น สามารถคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมกับรับข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่เว็บไซต์ แรบบิท แคร์

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา