กุญแจรถมีกี่ประเภท? กุญแจรถยนต์หายต้องทำอย่างไร?
หากมีหนึ่งสิ่งที่คนขับรถไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย คงจะเป็นเหตุการณ์ที่กุญแจรถยนต์หายหรือชำรุด ซึ่งใครก็ตามที่เคยมีประสบการณ์ก็คงจะทราบดีว่าเป็นเช่นไร เพราะด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดยเฉพาะในเรื่องของระบบที่ใช้ผลิตและพัฒนากุญแจรถยนต์แล้ว ทำให้กุญแจสามารถป้องกันการโจรกรรมได้อย่างดี แต่ถ้าหากเราทำกุญแจรถหายเสียเอง ก็คงเท่ากับว่าเราไม่สามารถขับรถของเราเองได้ หรือแม้แต่จะเปิดรถเพื่อนำของที่อยู่ในรถยนต์ของเราเองก็ทำไม่ได้ วันนี้ เราจะพูดถึงปัญหากุญแจรถยนต์หายว่าควรทำอย่างไรบ้าง รวมไปถึงประเภทของกุญแจรถที่จะมีผลต่อการทำกุญแจขึ้นมาใหม่
ก่อนที่จะเข้าสู่เรื่องขั้นตอนที่ควรปฏิบัติหากทำกุญแจรถหายในกรณีต่าง ๆ เราควรพูดถึงเรื่องของประเภทของกุญแจรถยนต์ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะกุญแจแต่ละประเภทมีการทำงานที่ค่อนข้างแตกต่างกันตามเทคโนโลยีที่ใช้ผลิต ประกอบกับค่าใช้จ่ายที่ใช้ทำกุญแจแต่ละประเภทขึ้นมาใหม่ในแต่ละครั้งว่าแต่ละการทำกุญแจรถยนต์แต่ละประเภทมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่เท่าไรบ้างสำหรับกรณีที่ทำกุญแจรถหาย
ประเภทและกลไกของกุญแจรถยนต์
ในปัจจุบัน มีกุญแจรถยนต์อยู่ 4 ประเภทที่สามารถพบเห็นได้ ได้แก่ กุญแจรถยนต์แบบธรรมดา กุญแจรถยนต์แบบทรานส์พอนเดอร์ กุญแจรถยนต์แบบสมาร์ทคีย์ และกุญแจรถยนต์แบบเอฟโอบี
1. กุญแจรถยนต์แบบธรรมดา (Traditional Metal Key)
กุญแจแบบธรรมดาเป็นระบบกุญแจที่ใช้มาตั้งแต่ดั้งเดิม โดยมีลักษณะเหมือนกับกุญแจทั่วไป ใช้ในการปลดล็อกรถยนต์โดยการไขรูกุญแจเข้ากับที่เปิดประตูรถฝั่งคนขับ ปลดล็อกฝากระโปงหลัง และที่สำคัญที่สุด ใช้เพื่อสตาร์ทรถ จากลักษณะการใช้งานของกุญแจรถแบบนี้ ทำให้ในเวลาต่อมา มีมิจฉาชีพพยายามสะเดาะกุญแจเพื่อขโมยรถ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในช่วงเวลาหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ทำให้กุญแจรถหาย กลับเป็นผลดีต่อเจ้าของรถ เพราะช่างทำกุญแจสามารถทำกุญแจสำรองขึ้นใหม่ได้ หากมีต้นแบบของกุญแจรถอยู่ หรือหากว่าคุณนำกุญแจไว้ในรถประเภทนี้แล้วไม่สามารถปลดล็อกรถได้ ช่างทำกุญแจก็สามารถสะเดาะเพื่อนำกุญแจรถของคุณออกมา
2. กุญแจรถยนต์แบบทรานส์พอนเดอร์ (Transponder Key)
ในบ้านเรา กุญแจรถยนต์ประเภทนี้เป็นที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่ง นั่นคือ กุญแจรีโมต กุญแจประเภทนี้มีลักษณะที่คล้ายกันกับกุญแจรถยนต์แบบธรรมดา โดยมีร่องกุญแจที่ใช้ในการไขประตูรถและสตาร์ทรถเหมือนกัน แต่ลักษณะที่เพิ่มเติมจากกุญแจแบบธรรมดา นั่นคือ ระบบรีโมตที่สามารถใช้ล็อกรถและปลดล็อกรถได้ และระบบอิมโมบิลไลเซอร์ (Immobilizer)
ระบบดังกล่าวจะอ่านข้อมูลเพื่อป้องกันไม่ให้กุญแจดอกอื่นสามารถไขเพื่อสตาร์ทรถได้ โดยหลักการทำงานของชิปดังกล่าวคร่าว ๆ คือ ตัวชิปจะถูกเข้ารหัสให้เข้ากับคู่กุญแจของเจ้าของรถ และก่อนสตาร์ทรถ ตัวชิปที่ติดอยู่กับเบ้าสตาร์ทรถจะอ่านค่าของกุญแจที่เสียบเข้ามา หากรหัสของชิปกับตัวกุญแจตรงกัน ก็จะปล่อยให้ระบบภายในรถทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ต่อไป ระบบชิปดังกล่าวทำให้กุญแจคู่อื่น ๆ ไม่สามารถใช้กับรถของคุณได้ ยกเว้นคู่กุญแจที่เข้ารหัสเดียวกันไว้
นั่นหมายความว่า ในกรณี หากคุณทำกุญแจรถหายโดยที่ไม่มีกุญแจสำรองที่เข้ารหัสเดียวกันกับตัวชิปไว้ คุณจะไม่สามารถทำอะไรกับรถยนต์ได้ นอกจากว่าจะให้ช่างทำกุญแจรีเซ็ตระบบเข้ารหัสดังกล่าว แล้วตั้งค่าใหม่ ซึ่งค่อนข้างซับซ้อน แต่ก็ข้อดีที่พัฒนามาจากระบบกุญแจธรรมดาคือ มิจฉาชีพจะไม่สามารถสตาร์ทรถของคุณได้ถึงแม้ว่าจะหล่อกุญแจออกมาจากพิมพ์เดียวกัน มากไปกว่านั้น หากมิจฉาชีพต้องการขโมยรถของคุณ จะต้องคัดลอกรหัสระบบชิปทั้งในตัวรถและตัวกุญแจไปด้วย จึงจะสามารถสตาร์ทรถได้ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ต้องใช้เวลานานจึงจะสามารถคัดลอกรหัสเหล่านั้นแล้วติดตั้งเข้ากับตัวรถและตัวกุญแจ อีกทั้งในรถแต่ละรุ่น และแต่ละค่าย มีการเข้ารหัสของตัวระบบและตัวกุญแจที่แตกต่างกัน ทำให้กุญแจรถและระบบนี้มีความปลอดภัยมากขึ้นจากระบบกุญแจแบบธรรมดาเป็นอย่างมาก
3. กุญแจรถยนต์แบบสมาร์ทคีย์ (Smart Key)
กุญแจรถประเภทนี้เป็นกุญแจที่มีระบบคล้ายกับกุญแจแบบทรานส์พอนเดอร์มาก ซึ่งมีระบบอ่านชิปเข้ากับตัวเข้ารหัสเช่นเดียวกับกุญแจประเภทก่อนหน้านี้ แต่กุญแจแบบสมาร์ทคีย์จะไม่มีร่องกุญแจเพื่อใช้สตาร์ทรถแล้ว เนื่องจากกุญแจประเภทนี้สามารถกดปุ่มสตาร์ทรถได้ทันที เพียงแค่มีกุญแจรถอยู่ภายในรถ
กุญแจประเภทนี้สามารถพบเห็นได้จากรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่เปิดตัวออกมาในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา สำหรับกุญแจประเภทนี้ หากทำกุญแจรถหายโดยที่ไม่มีกุญแจสำรองไว้แล้วต้องการทำกุญแจขึ้นใหม่ อาจต้องรื้อระบบภายในรถเพื่อดึงข้อมูลของระบบ แล้วนำมาสร้างกุญแจใหม่ ซึ่งถือว่ายุ่งยากและซับซ้อน อีกทั้งเนื่องจากส่วนใหญ่รถที่ใช้กุญแจประเภทนี้ออกมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้ผลิตพัฒนาระบบกุญแจรถยนต์ที่มีความซับซ้อนมากกว่ารุ่นก่อน ๆ โดยช่างกุญแจต้องใช้เวลานานกว่าเดิมเมื่อเทียบกับการทำกุญแจแบบทรานส์พอนเดอร์ที่มีร่องกุญแจ
4. กุญแจรถยนต์แบบเอฟโอบี (Key Fob)
กุญแจประเภทนี้มีความคล้ายกับกุญแจประเภทสมาร์ทคีย์ แต่มีฟังก์ชันที่สามารถใช้งานได้หลายหลายกว่า เช่น ปุ่มกดเพื่อล็อกหรือปลดล็อกรถ ปุ่มกดสตาร์ทเครื่องยนต์จากระยะไกล ปุ่มเปิดฝากระโปรงหลัง หรือในรถยนต์บางรุ่นอาจมีปุ่มกดเพื่อส่งสัญญาณกันขโมยได้ โดยระบบส่งสัญญาณจากตัวกุญแจไปยังตัวรถยนต์ใช้สัญญาณวิทยุเพื่อส่งคำสั่งต่าง ๆ ไปยังตัวรถ โดยที่ตัวระบบมีการเข้ารหัสไว้เพื่อป้องกันสัญญาณอื่น ๆ ที่ไม่ได้มาจากตัวกุญแจสั่งการทับซ้อน อีกทั้งยังเข้ารหัสไว้เพื่อความปลอดภัยต่อการถูกขโมยรถ
มากไปกว่านั้น ตัวรถจะไม่รับคำสั่งจากกุญแจถ้ากุญแจอยู่ห่างจากตัวรถมากเกินไป ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยจากการถูกขโมย ในกรณีนี้ หากทำกุญแจรถหายแล้วต้องการทำกุญแจขึ้นมาใหม่ จะต้องใช้เครื่องมือและโปรแกรมที่สามารถรองรับการทำงานของระบบที่ซับซ้อนเพื่อทำกุญแจขึ้นมาใหม่ ซึ่งต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการทำกุญแจประเภทอื่น ๆ
ค่าใช้จ่ายในการทำกุญแจแต่ละประเภทเมื่อทำกุญแจรถหาย
จากกุญแจรถยนต์ทั้ง 4 ประเภทที่ได้อธิบายไว้ ในกรณีที่มีกุญแจสำรองไว้อย่างน้อย 1 ดอก ค่าใช้จ่ายในการทำกุญแจจะไม่สูงมาก โดยเฉพาะกุญแจแบบธรรมดา เพราะเพียงแค่หล่อตัวกุญแจขึ้นมา ก็สามารถปลดล็อกและสตาร์ทรถได้ในทันที และถึงแม้ว่าจะไม่มีกุญแจสำรองสำหรับกุญแจธรรมดา ก็สามารถทำกุญแจขึ้นมาใหม่ได้ โดยที่ค่าใช้จ่ายไม่แตกต่างกันมากนัก ค่าใช้จ่ายของกุญแจแบบธรรมดาจะอยู่ที่ประมาณหลักร้อยบาท ขึ้นอยู่กับรุ่นของรถ หากเป็นกุญแจ 3 ประเภทที่เหลือจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นของรถว่าเก่าหรือใหม่แค่ไหน แต่ถ้าหากต้องทำกุญแจขึ้นมาใหม่โดยที่ไม่มีกุญแจสำรอง หรือทำกุญแจหายทั้งหมด โดยเฉพาะกุญแจที่มีการเข้ารหัสไว้ ช่างกุญแจจะต้องใช้เครื่องมือและโปรแกรมสำหรับอ่านข้อมูลและดึงข้อมูลจากภายในระบบรถเพื่อนำมาสร้างกุญแจใหม่ ซึ่งลูกกุญแจสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ก็จะต้องใช้โปรแกรมที่ใหม่ขึ้นเพื่อขอเข้าดูชุดข้อมูลในระบบ โดยมีต้นทุนที่สูง ประกอบกับค่าอะไหล่ที่จะต้องเตรียมไว้ให้เข้ากับรถยนต์ของคุณ โดยค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณหลักหมื่นบาทเป็นต้นไป เพราะฉะนั้น หากคุณมีกุญแจเพียงดอกเดียวแล้วไม่มีกุญแจสำรอง ขอแนะนำว่าให้คุณทำกุญแจสำรองไว้ เพราะประหยัดกว่าการทำกุญแจขึ้นมาใหม่ทั้งหมด
ลืมกุญแจไว้ในรถแล้วรถล็อก ต้องทำอย่างไร
หากคุณลืมกุญแจไว้ในรถ สามารถขอความช่วยเหลือจากช่างทำกุญแจที่อยู่บริเวณนั้นให้ปลดล็อกรถของคุณได้ ซึ่งต้องเสียค่าบริการให้กับช่างกุญแจในการเดินทางไปยังตำแหน่งที่อยู่ โดยค่าบริการขึ้นอยู่กับระยะทาง แต่ถ้าหากว่าคุณอยู่ในพื้นที่ที่ช่างเดินทางไปหาไม่สะดวก อาจต้องเรียกบริการรถสไลด์เพื่อนำรถคุณไปให้ช่างกุญแจปลดล็อกของคุณให้ โดยมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการเรียกบริการช่างกุญแจให้เดินทางไปที่รถของคุณ และไม่แนะนำให้ลองเปิดรถด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้ระบบการเปิด-ปิดรถของคุณ รวมไปถึงระบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเสียหายได้
กุญแจรถหายแล้วเคลมประกันได้หรือไม่?
ทำกุญแจรถหายแล้ว สามารถเคลมประกันรถยนต์ได้ แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขดังนี้ 1.) รถของคุณต้องทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้น 2.) ต้องเป็นการทำกุญแจรถหาย จากกรณีที่ถูกขโมย โดนโจรกรรม ล้วงกระเป๋า ชิงทรัพย์ ไม่ใช่กรณีที่เผลอทำหายด้วยความสะเพร่า และ 3.) ผู้ที่ทำกุญแจรถหายจะต้องแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานว่าโดนขโมยกุญแจรถจริง ๆ
ขั้นตอนเคลมประกันในกรณีกุญแจรถหายจากโจรกรรม
- หลังจากโดนขโมยกุญแจ ผู้เอาประกันจะต้องไปแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
- เมื่อได้ใบแจ้งความมาแล้ว ให้รีบแจ้งบริษัทประกันภัย
- เข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินงานของบริษัทประกัน ซึ่งระยะเวลาความยาวนานจะขึ้นอยู่กับบริษัทประกัน แต่เมื่อดำเนินการเสร็จ บริษัทประกันจะแจ้งเลขที่รับแจ้งประกันภัยให้กับผู้เอาประกัน
- เมื่อผู้เอาประกันได้รับแจ้งจากบริษัทแล้ว ให้ติดต่อศูนย์รับทำกุญแจ และแจ้งให้บริษัทประกันรับทราบ เพื่อดำเนินการเรื่องค่าใช้จ่ายในการทำกุญแจต่อไป
หากใครอยากขับขี่อุ่นใจ ได้รับการคุ้มครองตั้งแต่เรื่องอุบัติเหตุ โจรกรรม ไปจนถึงกรณีกุญแจรถหาย อย่าลืมมาทำประกันรถยนต์ชั้น 1 กันล่ะ น้องแคร์ขอฝากประกันรถยนต์ไว้ หากเกิดอุบัติเหตุยามฉุกเฉิน สามารถเรียกใช้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการคุณตลอด 24 ชั่วโมง และบริการอื่น ๆ อีกมากมายจาก แรบบิท แคร์!