Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้
info

💙 แจก Starbuck Voucher มูลค่า 800 บาทฟรี! เพียงเปิดบัญชี Webull ผ่านช่องทางของ Rabbit Care สนใจ คลิก! 💙

user profile image
เขียนโดยNok Srihongวันที่เผยแพร่: Oct 03, 2023

Portfolio Rebalancing เพื่อการลงทุนที่ดีกว่า

เหล่านักลงทุนทั้งหลาย ไม่ว่าจะมาจากแห่งไหน เป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียวคือความต้องการที่จะทำให้เงินจำนวนที่ลงทุนไป งอกเงยกลับออกมาเป็นกำไร ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเพื่อเตรียมเกษียณ หรือการลงทุนเพื่อใช้จ่ายทั่วไป สิ่งที่ควรระวังก็คือความเสี่ยงในการลงทุน จากวลี “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน” กลยุทธที่สำคัญในการลงทุนอย่างหนึ่งที่จะมาพูดถึงกันวันนี้คือ Portfolio Rebalancing คืออะไร สามารถทำอย่างไรได้บ้าง เมื่อไหร่ที่ควรจะทำ และมือใหม่ไม่มีเวลาควรจะทำแบบไหน

Portfolio Rebalancing คืออะไร?

Portfolio Rebalancing หรือ การปรับสมดุลพอร์ตการลงทุน คือการปรับเปลี่ยนสัดส่วนสมดุลในการลงทุนระยะยาว ให้กลับมาอยู่ในสถานะ หรือเป้าหมายการลงทุนที่ตั้งใจในตอนแรกไว้ เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนตรงนี้ยังตอบโจทย์เป้าหมายของเราอยู่ และเพื่อบาลานซ์การลงทุนให้อยู่ในระดับความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ตลอด เนื่องจากสินทรัพย์แต่ละประเภทที่เราลงทุน เช่น หุ้น ตราสารหนี้ หรือว่ากองทุนต่างๆ มีอัตราการเติบโต หรือผลตอบแทนที่จะได้นั้นแตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเรื่องความผันผวนของตลาด และความเสี่ยงต่างๆ จึงต้องมีการปรับพอร์ต หรือ Portfolio Rebalancing อยู่ตลอดเวลา เพื่อลดความเสี่ยง และเพิ่มช่องทางในการทำกำไร

วิธีการทำ Portfolio Rebalancing

เมื่อเราทราบว่า Portfolio Rebalancing คืออะไรไปแล้ว ในการทำ Portfolio Rebalancing หรือการปรับพอร์ตการลงทุน สามารถทำได้สองแบบด้วยกัน ดังนี้

• การขายสินทรัพย์ที่เกินสัดส่วนจากเป้าหมายตอนแรกที่ตั้งไว้ (Overweight)

เพื่อนำไปใช้ในการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีสัดส่วนต่ำกว่าเดิม เพื่อรักษาบาลานซ์ในพอร์ตตามที่เคยออกแบบไว้

• การเติมเงินเพิ่มเพื่อเข้าไปซื้อสินทรัพย์ที่สัดส่วนต่ำกว่าเดิม (Underweight)

จนกว่าสัดส่วนของพอร์ตจะเป็นไปตามที่เราออกแบบเอาไว้ในตอนแรก

เมื่อไหร่ที่ควรจะทำการ Portfolio Rebalancing

โดยทั่วไปจะมีหลักในการปรับ Portfolio Rebalancing อยู่ 3 วิธีด้วยกันดังต่อไปนี้

• Portfolio Rebalancing ตามช่วงเวลา (Calendar-based)

เช่น ทุกๆ 3-6 เดือน จะทำการปรับพอร์ตเพื่อสร้างความสมดุล

• Portfolio Rebalancing ตามการเปลี่ยนแปลง (Range-based)

หรือเป็นประจำ เช่น เมื่อสินทรัพย์เปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลง 5-10% ก็จะทำการปรับพอร์ต

• Portfolio Rebalancing ตามการยอมรับความเสี่ยงของเราทีเปลี่ยนไป (Constant Proportion Portfolio Insurance)

เช่น เมื่อพอร์ตของเราเติบโตขึ้น เราสามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เปอร์เซนต์ของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น ก็สามารถปรับให้เพิ่มมากขึ้นตามความสามารถในการรับความเสี่ยงของเรา โดยที่ยังมีเพดานในการลงทุน เพื่อป้องกันความเสี่ยง เป็นต้น

โดยทั้งสามข้อนั้นยังคงต้องพิจารณาไปถึงความเสี่ยงในการลงทุนที่มีแนวโน้มจะผกผันไปตามตลาดของแต่ละช่วง รวมไปถึงมูลค่า และตลาดของโลกที่จะทำให้มูลค่า และคุณภาพเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งหากแนวโน้มในการลงตราสารนี้ค่อนข้างแย่ และเราไปเพิ่มเปอร์เซนตราสารหนี้ในพอร์ต ก็อาจจะทำให้เราขาดทุนแทนที่จะทำกำไรได้

ผู้ลงทุนมือใหม่ ควรปรับ Portfolio Rebalancing แบบไหน

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่อาจจะยังไม่ช่ำชองในการปรับพอร์ต หรือ Portfolio Rebalancing รวมไปถึงอาจจะไม่ได้มีเวลาติดตามพอร์ตอยู่คลอด สามารถปรับตามระยะเวลา เช่น ทุก 3 เดือน, 6 เดือน หรือ 1 ปี เพื่อตรวจสอบตลาดและปรับสัดส่วนในการลงทุนให้ตรงกับแนวทางในตอนแรกที่วางไว้ ส่วนนักลงทุนเต็มตัว ที่มีเวลาในการติดตามพอร์ตตลอดเวลา และมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลจากประสบการณ์ในระดับหนึ่ง สามารถปรับไปตามการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์ หรือตามความเสี่ยงของตนเองก็สามารถทำได้ทั้งคู่ เพื่อให้พอร์ตมีประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา

Portfolio Rebalancing คือเรื่องพื้นฐานที่นักลงทุนมือใหม่และมือเก๋าควรรู้ และควรทำอยู่เป็นประจำตามความเหมาะสม เพื่อให้พอร์ตของเรามีประสิทธิภาพและดำเนินการไปตามแผนที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ควรตรวจสอบ และดูสภาพของสินทรัพย์ที่ต้องการลงทุนว่ายังมีสภาพที่ดีอยู่หรือไม่ ควรค่า และคุ้มค่าแก่การลงทุนหรือไม่ เพราะการปรับพอร์ตนี้บางส่วนอาจเป็นการขายสินทรัพย์ที่กำลังทำกำไรให้กับเรา เพื่อนำไปซื้อสินทรัพย์ที่มีผลประกอบการที่น้อยกว่าก็เป็นได้ อย่าลืมประเมินความเสี่ยง และศึกษาตลาดอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาให้มั่นใจก่อนการปรับพอร์ต หรือการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุน เพิ่มโอกาสการได้กำไรให้กับตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ

ประกันชีวิตที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ

ทุนทวี พลัส 20/20 ไทยประกันชีวิตทุนทวี พลัส 20/20

ไทยประกันชีวิต

  • เบี้ยเริ่ม 16 บาท/วัน (500 บาท/เดือน)
  • เงินคืนครบสัญญา 174% พร้อมส่วนลดเบี้ย
  • เงินคืน 8% ครบสัญญา 174% ค่ารักษาหลักแสน
  • ลดหย่อนภาษี ได้สูงสุด 100,000 บาท
  • สมัครได้ อายุ 1 เดือน - 55 ปี
  • ชดเชย 500 บาท/วัน
  • สมัครง่าย เบี้ยหลักสิบ/วัน คุ้มครอง 20 ปี
มันนี่ เซฟวิ่ง ไทยประกันชีวิตมันนี่ เซฟวิ่ง

ไทยประกันชีวิต

  • ชำระ 6 ปี คุ้มครอง 14 ปี
  • รับเงินคืน 10% ปี 2-13
  • สูงสุด 666% ผลประโยชน์
  • เงินก้อนและลดภาษี 100,000 บาท
  • ทุกวัย อายุ 1 เดือน - 65 ปี
  • รับผลประโยชน์แตกต่างกันเป็นขั้นบันได
  • เบี้ยไม่เกิน 18,000-27,000 บาท/ปี
ฟอร์ เพนชัน 85/7 เอฟดับบลิวดีฟอร์ เพนชัน 85/7

เอฟดับบลิวดี

  • จ่ายเบี้ย 7 ปี รับความคุ้มครองถึง 85 ปี
  • เพิ่มบำนาญตามอายุ สูงสุด 24%
  • รับเงิน 110% กรณีเสียชีวิต
  • ลดหย่อนภาษี 300,000 บาท
  • สมัคร 20-52 ปี ชำระเบี้ย 7 ปี
  • ทุนประกันต่ำสุด 50,000 บาท
  • บำนาญตั้งแต่ 60 ปี ถึง 85 ปี
Gen Senior 55 GeneraliGen Senior 55

Generali

  • เบี้ยเริ่มต้น 11 บาท ต่อวัน
  • คุ้มครองถึง 90 ปี
  • สูงสุด 350,000 บาท รับเงินก้อน
  • ส่วนลด 7% เมื่อจ่ายรายปี
  • รับประกัน 55-70 ปี
  • สมัครง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่ตรวจสุขภาพ
  • มีเงินก้อนให้ลูกหลาน อายุเกษียณสบาย

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา