Portfolio Rebalancing เพื่อการลงทุนที่ดีกว่า
เหล่านักลงทุนทั้งหลาย ไม่ว่าจะมาจากแห่งไหน เป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียวคือความต้องการที่จะทำให้เงินจำนวนที่ลงทุนไป งอกเงยกลับออกมาเป็นกำไร ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเพื่อเตรียมเกษียณ หรือการลงทุนเพื่อใช้จ่ายทั่วไป สิ่งที่ควรระวังก็คือความเสี่ยงในการลงทุน จากวลี “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน” กลยุทธที่สำคัญในการลงทุนอย่างหนึ่งที่จะมาพูดถึงกันวันนี้คือ Portfolio Rebalancing คืออะไร สามารถทำอย่างไรได้บ้าง เมื่อไหร่ที่ควรจะทำ และมือใหม่ไม่มีเวลาควรจะทำแบบไหน
Portfolio Rebalancing คืออะไร?
Portfolio Rebalancing หรือ การปรับสมดุลพอร์ตการลงทุน คือการปรับเปลี่ยนสัดส่วนสมดุลในการลงทุนระยะยาว ให้กลับมาอยู่ในสถานะ หรือเป้าหมายการลงทุนที่ตั้งใจในตอนแรกไว้ เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนตรงนี้ยังตอบโจทย์เป้าหมายของเราอยู่ และเพื่อบาลานซ์การลงทุนให้อยู่ในระดับความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ตลอด เนื่องจากสินทรัพย์แต่ละประเภทที่เราลงทุน เช่น หุ้น ตราสารหนี้ หรือว่ากองทุนต่างๆ มีอัตราการเติบโต หรือผลตอบแทนที่จะได้นั้นแตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเรื่องความผันผวนของตลาด และความเสี่ยงต่างๆ จึงต้องมีการปรับพอร์ต หรือ Portfolio Rebalancing อยู่ตลอดเวลา เพื่อลดความเสี่ยง และเพิ่มช่องทางในการทำกำไร
วิธีการทำ Portfolio Rebalancing
เมื่อเราทราบว่า Portfolio Rebalancing คืออะไรไปแล้ว ในการทำ Portfolio Rebalancing หรือการปรับพอร์ตการลงทุน สามารถทำได้สองแบบด้วยกัน ดังนี้
• การขายสินทรัพย์ที่เกินสัดส่วนจากเป้าหมายตอนแรกที่ตั้งไว้ (Overweight)
เพื่อนำไปใช้ในการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีสัดส่วนต่ำกว่าเดิม เพื่อรักษาบาลานซ์ในพอร์ตตามที่เคยออกแบบไว้
• การเติมเงินเพิ่มเพื่อเข้าไปซื้อสินทรัพย์ที่สัดส่วนต่ำกว่าเดิม (Underweight)
จนกว่าสัดส่วนของพอร์ตจะเป็นไปตามที่เราออกแบบเอาไว้ในตอนแรก
เมื่อไหร่ที่ควรจะทำการ Portfolio Rebalancing
โดยทั่วไปจะมีหลักในการปรับ Portfolio Rebalancing อยู่ 3 วิธีด้วยกันดังต่อไปนี้
• Portfolio Rebalancing ตามช่วงเวลา (Calendar-based)
เช่น ทุกๆ 3-6 เดือน จะทำการปรับพอร์ตเพื่อสร้างความสมดุล
• Portfolio Rebalancing ตามการเปลี่ยนแปลง (Range-based)
หรือเป็นประจำ เช่น เมื่อสินทรัพย์เปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลง 5-10% ก็จะทำการปรับพอร์ต
• Portfolio Rebalancing ตามการยอมรับความเสี่ยงของเราทีเปลี่ยนไป (Constant Proportion Portfolio Insurance)
เช่น เมื่อพอร์ตของเราเติบโตขึ้น เราสามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เปอร์เซนต์ของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น ก็สามารถปรับให้เพิ่มมากขึ้นตามความสามารถในการรับความเสี่ยงของเรา โดยที่ยังมีเพดานในการลงทุน เพื่อป้องกันความเสี่ยง เป็นต้น
โดยทั้งสามข้อนั้นยังคงต้องพิจารณาไปถึงความเสี่ยงในการลงทุนที่มีแนวโน้มจะผกผันไปตามตลาดของแต่ละช่วง รวมไปถึงมูลค่า และตลาดของโลกที่จะทำให้มูลค่า และคุณภาพเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งหากแนวโน้มในการลงตราสารนี้ค่อนข้างแย่ และเราไปเพิ่มเปอร์เซนตราสารหนี้ในพอร์ต ก็อาจจะทำให้เราขาดทุนแทนที่จะทำกำไรได้
ผู้ลงทุนมือใหม่ ควรปรับ Portfolio Rebalancing แบบไหน
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่อาจจะยังไม่ช่ำชองในการปรับพอร์ต หรือ Portfolio Rebalancing รวมไปถึงอาจจะไม่ได้มีเวลาติดตามพอร์ตอยู่คลอด สามารถปรับตามระยะเวลา เช่น ทุก 3 เดือน, 6 เดือน หรือ 1 ปี เพื่อตรวจสอบตลาดและปรับสัดส่วนในการลงทุนให้ตรงกับแนวทางในตอนแรกที่วางไว้ ส่วนนักลงทุนเต็มตัว ที่มีเวลาในการติดตามพอร์ตตลอดเวลา และมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลจากประสบการณ์ในระดับหนึ่ง สามารถปรับไปตามการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์ หรือตามความเสี่ยงของตนเองก็สามารถทำได้ทั้งคู่ เพื่อให้พอร์ตมีประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา
Portfolio Rebalancing คือเรื่องพื้นฐานที่นักลงทุนมือใหม่และมือเก๋าควรรู้ และควรทำอยู่เป็นประจำตามความเหมาะสม เพื่อให้พอร์ตของเรามีประสิทธิภาพและดำเนินการไปตามแผนที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ควรตรวจสอบ และดูสภาพของสินทรัพย์ที่ต้องการลงทุนว่ายังมีสภาพที่ดีอยู่หรือไม่ ควรค่า และคุ้มค่าแก่การลงทุนหรือไม่ เพราะการปรับพอร์ตนี้บางส่วนอาจเป็นการขายสินทรัพย์ที่กำลังทำกำไรให้กับเรา เพื่อนำไปซื้อสินทรัพย์ที่มีผลประกอบการที่น้อยกว่าก็เป็นได้ อย่าลืมประเมินความเสี่ยง และศึกษาตลาดอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาให้มั่นใจก่อนการปรับพอร์ต หรือการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุน เพิ่มโอกาสการได้กำไรให้กับตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ
ประกันชีวิตที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ