Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้
info

💙 แจก Starbuck Voucher มูลค่า 800 บาทฟรี! เพียงเปิดบัญชี Webull ผ่านช่องทางของ Rabbit Care สนใจ คลิก! 💙

user profile image
เขียนโดยTawan A.วันที่เผยแพร่: Mar 10, 2023

เผลอขับรถฝ่าไฟแดง จะต้องเสียค่าปรับเท่าไหร่?

การที่มนุษย์เราจะอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แน่นอนว่าจะต้องมีกฎระเบียบหรือกฎกติกาที่เป็นอีกรูปแบบหนึ่งในการจัดระเบียบทางสังคม เรื่องของการจราจรก็เช่นกัน ซึ่งเราจะเห็นได้จากกฎหมายจราจรหลาย ๆ ข้อ เพราะก่อนที่เราจะได้ใบขับขี่มา เราก็จะต้องมีการสอบใบขับขี่มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการสอบภาคปฏิบัติหรือภาคทฤษฎี บวกกับการอบรมข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเรื่องกฎหมายจราจรต่าง ๆ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการคัดกรองและจัดระเบียบให้กับคนในสังคมได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งในที่นี้จะหมายถึงกฎหมายจราจร และสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากนั่นก็คือความไม่ประมาท เพราะการที่เราจะใช้รถใช้ถนนนั้นไม่ได้แปลว่าเราจะใช้อยู่แค่คนเดียว แต่ก็จะมีเพื่อนร่วมเดินทางหรือเพื่อนร่วมท้องถนนอื่น ๆ อีกมากมายเช่นกัน หากเราประมาทเพียงแค่เสี้ยววินาที ก็อาจจะก่อให้เกิดโทษร้ายแรงตามมามากมายก็ได้

ขับรถฝ่าไฟแดง ค่าปรับจะต้องเสียเท่าไหร่?

หากขับรถฝ่าไฟแดงจะมีโทษปรับไม่เกิน 4,000 บาท(จากเดิมที่เป็นโทษปรับปรับไม่เกิน 1,000 บาท) ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก ฉบับที่ 13 พ.ศ.2565 ซึ่งจะเห็นได้ว่าโทษปรับมีจำนวนมากกว่าเดิมถึง 4 เท่า หากในครั้งนั้นไม่ได้เกิดอุบัติเหตุหรือไม่ได้ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน แต่ถ้าหากในครั้งนั้นเกิดมีคู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บ เสียทรัพย์สินใด ๆ หรือเกิดการเสียชีวิต ผู้กระทำจะถือว่ามีความผิดฐานขับรถโดยประมาท อาจจะมีการพิจารณาทั้งโทษจำและโทษปรับ อีกทั้งยังต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นให้กับทางฝ่ายคู่กรณีอีกด้วย

ขับรถฝ่าไฟแดง โทษมีอะไรบ้าง?

โทษของการขับรถฝ่าไฟแดงจะมีทั้งโทษจำคุกและโทษปรับฐานขับรถโดยประมาทหรือการขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ หรือมีความเสียหายทางทรัพย์สิน หรือรุนแรงจนถึงแก่ความตาย ซึ่งการขับรถฝ่าไฟแดงนั้นถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 ทั้งหมด 2 มาตราด้วยกัน ได้แก่

  • มาตราที่ 22 มีใจความว่า “ผู้ขับขี่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจรหรือเครื่องหมายจราจรที่ปรากฏอยู่ด้านหน้า หากสัญญาณไฟจราจรมีสีแดงหรือเครื่องหมายจราจรด้านหน้ามีสีแดงและมีคำว่าหยุดอยู่ ผู้ขับขี่จะต้องหยุดรถหลังเส้นสัญลักษณ์ที่ให้รถหยุด”
  • มาตราที่ 152 มีใจความว่า “ผู้ใดที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจร จนเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายจากการกระทำโดยประมาท จะต้องมีโทษปรับไม่เกิน 4,000 บาท

จะเสียค่าปรับ ฝ่าไฟแดง ที่ไหนได้บ้าง?

ในปัจจุบันนั้นมีช่องทางในการรับชำระค่าปรับที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น จากการที่กองบังคับการตำรวจจราจรนั้นได้ร่วมมือกับทางกรมการขนส่งทางบก เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ลดปัญหาจำนวนผู้ที่จะไม่จ่ายค่าปรับ เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปยังสถานีตำรวจเพียงอย่างเดียว รวมทั้งจะได้ใช้กฎหมายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นั่นก็คือการรับชำระค่าปรับทางออนไลน์ ซึ่งจะใช้ได้เฉพาะในกรณีที่ได้รับใบสั่งจราจรอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น(เป็นใบสั่งจราจรจากการกระทำผิดกฎหมายจราจร ที่จะถูกบันทึกภาพโดยกล้องวงจรปิดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) โดยใบสั่งนี้จะถูกส่งไปยังบ้านของท่าน ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียม 20 บาทต่อ 1 รายการ และหลังจากที่เราชำระค่าปรับเรียบร้อยแล้ว ก็จะได้รับ SMS แจ้งยืนยันการทำรายการภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งถ้าหากไม่ได้รับ SMS จะต้องติดต่อที่ Call Center ที่เบอร์ 1220 โดยที่ช่องทางการรับชำระค่าปรับออนไลน์จะมีหลายช่องทางด้วยกัน ได้แก่

  • ธนาคารกรุงไทย ได้ทั้งตู้ ATM และเคาน์เตอร์ของธนาคารทุกสาขา
  • แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT
  • เคาน์เตอร์เซอร์วิส หรือ 7-11 ทุกสาขา
  • ตู้บุญเติม
  • CenPay ในเครือของ CENTRAL Group เช่น แฟมิลี่มาร์ท, เซ็นทรัล, ไทวัสดุ, โรบินสัน, B2S, Tops, Power Buy, Super Sports, HomeWork เป็นต้น
  • ที่ทำการไปรษณีย์ทุกสาขา

โดยที่ใบสั่งทุกใบจะอยู่ในระบบฐานข้อมูลใบสั่งที่เรียกว่า PTM(Police Yicket Management) ที่จะมีการระบุค่าปรับให้ไปตามเกณฑ์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดไว้ทุกใบ เพราะฉะนั้นค่าปรับจึงเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ

สิ่งร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น หากมีการขับรถฝ่าไฟแดง?

จากความประมาทเพียงชั่วครู่ อาจจะทำให้เกิดความเสียหายที่รุนแรงทั้งตนเองและผู้อื่นได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นควรใช้รถใช้ถนนอย่างระมัดระวังและมีสติ จะได้ไม่เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่นด้วย เพราะโทษที่ตามมามันมีหลายอย่าง อาทิเช่น

  • อาจเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ร้ายแรงมากที่สุด
  • ทำให้เสียอนาคต เพราะว่ามีประวัติในการกระทำความผิดทางกฎหมาย
  • เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่นทั้งทางร่างกายและทรัพย์สิน
  • ทำให้เสียโอกาสและเสียเวลาในการไปทำประโยชน์อย่างอื่นโดยใช่เหตุ

และนอกจากนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังได้มีการร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบก บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ และธนาคารกรุงไทย ร่วมกันจัดทำและพัฒนาแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า KHUB DEE เพื่อใช้เป็นระบบฐานข้อมูลในการบันทึกคะแนนความประพฤติของการขับขี่ และจะใช้เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการรับชำระค่าปรับออนไลน์อีกด้วย โดยมีการเริ่มบังคับใช้พร้อมกับพ.ร.บ. จราจรทางบกฯ เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566 เป็นต้นมา ซึ่งผู้ขับขี่ทุกคนจะมีคะแนนอยู่คนละ 12 คะแนน หากทำผิดกฎจราจรหรือไม่ยอมชำระค่าปรับเมื่อไหร่ ก็จะถูกตัดคะแนนความประพฤติทันที และถ้าหากถูกตัดจนเหลือ 0 คะแนนเมื่อไหร่ ก็จะถูกสั่งให้พักใบอนุญาตขับขี่ 90 วัน หากฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน และปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และนอกจากนี้หากมีการถูกสั่งพักใบอนุญาตขับขี่เป็นครั้งที่ 3 ภายในระยะเวลา 3 ปี อาจจะมีคำสั่งให้ถูกพักใบอนุญาตมากกว่า 90 วัน และถ้าหากถูกสั่งพักเป็นครั้งที่ 4 อาจจะมีการพิจารณาให้เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ทุกประเภททันที โดยระบบตัดคะแนนนี้จะแบ่งเกณฑ์ในการตัดคะแนนออกเป็น 4 ระดับ คือ

1. เมื่อกระทำความผิด 20 รายการ ดังนี้

ตัด 2 คะแนน

  • ไม่สวมหมวกนิรภัย
  • ไม่คาดเข็มขัด
  • ขับรถด้วยความเร็วที่เกินกำหนด
  • ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ
  • ขับรถบนทางเท้า
  • ขับรถโดยประมาทและน่าหวาดเสียว
  • ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย
  • ไม่หลบให้รถฉุกเฉิน
  • ไม่ติดป้ายภาษี
  • ไม่ติดป้ายทะเบียนหรือปิดบังเปลี่ยนแปลง

ตัด 3 คะแนน

  • ขับรถย้อนศร
  • ขับรถฝ่าไฟแดง
  • ขับรถในระหว่างการถูกเพิกถอนหรือพักใช้ใบขับขี่

ตัด 4 คะแนน

  • ขับรถในขณะเสพยาเสพติด
  • เมาแล้วขับ
  • ขับรถโดยประมาทและไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น
  • แข่งรถกันในทาง โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต

2. กลุ่มความผิดอื่น ๆ ตามกฎหมายจราจรทางบกอีก 42 รายการ โดยจะโดนตัด 1 คะแนน เช่น

  • ขับรถไม่ชิดซ้าย
  • ฝ่าฝืนเครื่องหมายในทาง
  • ค้างชำระ 1 ใบสั่ง
  • ไม่ชำระค่าปรับตามในใบสั่ง
  • ไม่แสดงใบอนุญาตขับขี่
  • จอดรถในที่ห้ามจอด

หากเกิดอุบัติเหตุรถชนจากการขับรถฝ่าไฟแดง จะสามารถเคลมประกันได้ไหม?

ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถชนจากการขับรถฝ่าไฟแดง ทางประกันภัยจะยังให้คุ้มครองอยู่ถึงแม้ว่าจะเป็นฝ่ายผิดก็ตาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะต้องดูรายละเอียดจากในกรมธรรม์อีกครั้งว่าให้ความคุ้มครองในเรื่องใดบ้าง และจะยังคุ้มครองอยู่ไหมหากเกิดจากการขับรถโดยประมาทและนำไปสู่การทำผิดทางกฎหมายจราจร แต่ถ้าหากพบว่าผู้ขับเมาแล้วขับรถฝ่าไฟแดง แน่นอนว่าจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายและทางบริษัทประกันภัยก็อาจจะไม่ได้รับผิดชอบในส่วนของผู้เอาประกันภัย แต่ในส่วนของคู่กรณีก็จะยังได้รับความรับผิดชอบจากทางบริษัทประกันภัยอยู่เหมือนเดิม

หากเกิดอุบัติเหตุรถชนจากการขับรถฝ่าไฟแดง ประกันรถยนต์คุ้มครองหรือไม่

หากเกิดอุบัติเหตุจากการขับรถฝ่าไฟแดง การคุ้มครองของประกันรถยนต์จะขึ้นอยู่กับประเภทของประกันที่คุณทำไว้

  1. ประกันชั้น 1 : ประกันชั้น 1 มักจะคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุทุกกรณี รวมถึงกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิด เช่น การขับรถฝ่าไฟแดง ประกันจะครอบคลุมค่าซ่อมรถของคุณและรถคู่กรณี แต่คุณอาจต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก ซึ่งบริษัทประกันอาจเรียกเก็บเนื่องจากคุณเป็นฝ่ายทำผิดกฎหมายจราจร
  2. ประกันชั้น 2+ และ 3+ : ในกรณีที่ขับรถฝ่าไฟแดงแล้วเกิดอุบัติเหตุ ประกันชั้น 2+ และ 3+ จะคุ้มครองเฉพาะความเสียหายที่เกิดกับรถคู่กรณีเท่านั้น แต่จะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับรถของคุณเอง
  3. ประกันชั้น 2 และชั้น 3: ประกันชั้น 2 และประกันชั้น 3 จะคุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลที่ 3 เท่านั้น เช่น รถคู่กรณี แต่จะไม่คุ้มครองความเสียหายต่อรถของคุณเอง

อย่างไรก็ตาม ควรทราบว่าการฝ่าไฟแดงเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และนอกจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อรถ คุณอาจต้องรับผิดชอบต่อค่าปรับหรือการดำเนินคดีทางกฎหมายจากการกระทำผิดกฎจราจร

ความคุ้มครองประกันรถยนต์

คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย

เมื่อซื้อรถยนต์มาแล้ว ควรจะเลือกทำประกันภัยชั้นไหนดี?

เพื่อความอุ่นใจและสร้างความมั่นใจในการใช้รถใช้ถนนมากขึ้น การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ไว้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะนอกจากจะให้ความคุ้มครองแบบครอบคลุมทั้งหมด ทั้งในกรณีรถชนรถ รถชนคน รถชนแบบไม่มีคู่กรณี รถไฟไหม้ รถน้ำท่วม หรือรถหาย ก็จะให้ความคุ้มครองทั้งตัวผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมไปถึงคู่กรณีและบุคคลภายนอกอีกด้วย โดยจะได้รับค่าสินไหมทดแทนให้เป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าความเสียหายของรถยนต์และทรัพย์สิน รวมไปถึงค่าชดเชยการเสียประโยชน์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย ดังนั้นจึงอุ่นใจได้เลยว่าคุณจะได้รับความคุ้มครองที่สูงที่สุดและคุ้มค่ามากที่สุดด้วย

ซื้อประกันรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?

นอกจากคุณจะได้รับสิทธิพิเศษอื่น ๆ มากมายแล้ว ทางแรบบิท แคร์ ยังมีบริการ Roadside Assistance ที่จะคอยให้คำปรึกษาทางเทคนิค ในกรณีที่รถเกิดเสียหรือเกิดอุบัติเหตุตลอด 24 ชั่วโมง รวมไปถึงการเปลี่ยนแบตเตอรี่ เปลี่ยนยางรถยนต์ การเรียกรถยกฉุกเฉิน การเติมน้ำมันฉุกเฉิน กุญแจสำรองฉุกเฉิน และบริการเคลื่อนย้ายผู้ที่ได้รับบาดเจ็บฉุกเฉินอีกด้วย และนี่ก็เป็นสิทธิประโยชน์เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์แรบบิท แคร์

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา