ล้อล้นคืออะไร และสามารถล้นได้เท่าไหร่ถึงจะถูกกฎหมาย?
ล้อล้นคืออะไร?
ล้อล้น คือ การที่ล้อรถยนต์นั้นได้มีการยื่นเกินออกมาจากตัวถังของรถยนต์เกินกว่าที่กฎหมายได้กำหนดไว้ โดยอาจจะเป็นการใช้ยางที่มีหน้ากว้างจนเกินไป หรือมีการเปลี่ยนล้อแม็กที่มีค่า offset ลบมากจนเกินไป เป็นต้น
กฎหมายล้อล้นมีอะไรบ้าง?
จาก ระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยหลักเกณฑ์การขออนุญาตให้ใช้รถที่ทำการแก้ไขเพิ่มเติมหรือดัดแปลงตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. 2562 ได้พูดถึงกฎหมายล้อล้น ไว้ดังนี้
- ในส่วนของล้อรถทางด้านท้ายรถนั้นจะสามารถยื่นออกมาจากตัวถังรถได้ไม่เกิน 15 เซนติเมตร ส่วนขอบยางด้านนอกสุดต้องห้ามยื่นออกมาเกินตัวถังรถด้วย เพราะถ้าหากว่ายื่นเกินตัวถังรถก็จะแสดงว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งของรถไปแล้ว อีกทั้งทางกฎหมายได้กำหนดไว้ว่า “ห้ามไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ และมีการใช้รถคันนั้น หากฝ่าฝืนจะมีความผิด โดยจะเป็นโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ในข้อหาดัดแปลงสภาพรถ”
- ในเรื่องของส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ได้ระบุไว้ว่า “บังโคลนที่ล้อรถทุกล้อจะต้องมีความกว้างที่ไม่น้อยกว่าขนาดของยางรถยนต์ ดังนั้นถ้าหากว่าล้อเกิดยื่นออกมานอกบังโคลน ก็จะถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย เพราะว่าใช้รถที่มีส่วนควบหรืออุปกรณ์ที่ไม่ถูกต้อง และจะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท”
- การเปลี่ยนขนาดของยางรถยนต์ให้เพิ่มขึ้นหรือลดลง จะต้องไม่ทำให้ขีดความสามารถในการรับน้ำหนักของยางรถยนต์นั้นน้อยไปกว่าเดิม โดยมาตรวัดความเร็วของรถจะมีความคลาดเคลื่อนได้ไม่เกิน 10% ระบบบังคับเลี้ยวจะต้องทำงานตามปกติ เมื่อบรรทุกเต็มอัตราบรรทุกแล้วจะต้องไม่เกิดการเสียดสีหรือติดขัดกับตัวถังหรืออุปกรณ์ใด ๆ ของรถด้วย และจะต้องไม่ทำให้ระดับความสูงของโคมไฟหน้า โคมไฟท้าย และโคมไฟอื่น ๆ นั้นต่ำกว่าหรือสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้
- การแต่งรถล้อล้นนั้นถือว่าเสี่ยงมีความผิด ในข้อหานำรถที่มีสภาพที่อาจจะเกิดอันตรายแก่ผู้ใช้หรือประชาชนนั้นมาใช้ในทางเดินรถ เนื่องจากในกรณีที่ล้อล้นออกมาจากตัวถังนั้นอาจจะทำให้ผู้ขับขี่เกิดการกะระยะผิด หรือว่าล้อรถเกิดไปเกี่ยวหรือไปชนเข้ากับรถคันอื่นได้ และจะมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท
การดัดแปลงสภาพรถแบบไหนที่จะต้องมีการแจ้งขออนุญาตต่อนายทะเบียนก่อน?
การดัดแปลงสภาพรถที่มีการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงสภาพให้ผิดไปจากรายการที่ได้มีการจดทะเบียนไว้ จำเป็นที่จะต้องมีการแจ้งขออนุญาตต่อนายทะเบียนก่อน โดยที่การแจ้งขออนุญาตจะมีทั้งหมด 2 กรณี คือ การขออนุญาตก่อนแก้ไขดัดแปลงสภาพรถ และการขออนุญาตหลังแก้ไขดัดแปลงสภาพรถ โดยขั้นตอนการแจ้งขออนุญาตจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การตรวจสภาพรถ และในส่วนของงานทะเบียน ซึ่งถ้าหากว่ารถของคุณมีการดัดแปลงไปตามลักษณะดังต่อไปนี้ จะต้องมีการขออนุญาตและแจ้งดัดแปลงสภาพรถยนต์ต่อนายทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกด้วย ดังนี้
- เปลี่ยนสีของรถใหม่
- เปลี่ยนชนิดของเชื้อเพลิงใหม่
- ดัดแปลงระบบรองรับน้ำหนัก หรือระบบกันสะเทือน เช่น ยกสูง เสริมแหนบ โหลดเตี้ย เปลี่ยนถุงลมเป็นสปริง หรือเปลี่ยนสปริงเป็นถุงลม เป็นต้น
- ดัดแปลงตัวถังรถใหม่
- ดัดแปลงระบบบังคับเลี้ยว หรือระบบการขับเคลื่อน
- ติดตั้งโครงหลังคา หรือโครงเหล็กด้านข้างรถใหม่
- ฝาปิดด้านท้ายมีการติดตั้งอุปกรณ์ทุ่นแรงเพื่อยกสิ่งของ
- เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่
เจอรถยนต์ล้อล้นแจ้งขนส่งได้ไหม?
จากมาตรการของกรมการขนส่งทางบกที่ได้เปิดช่องทางในการแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดตามกฎหมายของรถยนต์ เมื่อเจอรถล้อล้นเราสามารถแจ้งขนส่งเองได้ อีกทั้งยังจะได้รับส่วนแบ่งค่าปรับ 50% อีกด้วย เพื่อร่วมด้วยช่วยกันดูแลความปลอดภัยบนท้องถนน และร่วมกันสร้างวินัยในการใช้รถใช้ถนนที่มากขึ้น
วิธีการแจ้งรถล้อล้น มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?
วิธีการแจ้งเบาะแสตัวผู้กระทำความผิด มีดังนี้
ถ่ายรูปหรือวิดีโอรถที่กระทำความผิดเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ระบุวันที่ เวลา สถานที่ที่พบเจอ รายละเอียดของรถที่กระทำความผิด และป้ายทะเบียนรถ
แจ้งไปยังช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ดังนี้
- (1) เบอร์โทร 1584
- (2) Line ID : @1584DLT หรือ Facebook : 1584 ร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะ
- (3) เว็บไซต์ www.dlt.go.th หรือ https://ins.dlt.go.th/cmpweb/
- (4) อีเมล [email protected]
- (5) ติดต่อด้วยตนเองที่กรมการขนส่งทางบก
หลังจากนั้นรอรับ SMS ยืนยัน เพื่อรับส่วนแบ่งค่าปรับ 50% ภายใน 15 วัน เมื่อผู้ถูกร้องเรียนมารายงานตัวและสอบสวนจนได้ข้อยุติ
ข้อเสียของการแต่งรถล้อล้นมีอะไรบ้าง?
เราจะเห็นได้ว่าข้อเสียของการแต่งรถล้อล้นนั้นมีมากมาย ทั้งในเรื่องของความอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น และการทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 ดังนั้นถ้าหากว่าจะมีการเปลี่ยนยางรถหรือล้อรถใหม่ที่แตกต่างไปจากมาตรฐานโรงงานผู้ผลิต ก็ควรที่จะต้องศึกษาและพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบก่อนเสมอ เพื่อป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะตามมาจากการแต่งรถล้อล้น อาทิเช่น
- ทำให้ช่วงล่างของรถยนต์มีการทำงานที่หนักขึ้น ทั้งบูซลูกหมากต่าง ๆ รวมไปถึงแร็กพวงมาลัย ที่จะรับภาระแรงกระแทกหนักมากกว่าเดิมหลายเท่า
- วงเลี้ยวของรถจะกว้างขึ้น จึงทำให้ต้องมีการตีวงเผื่อไว้ เพื่อไม่ให้ล้อรถเบียดกับขอบทางถนน ซึ่งก็จะทำให้การขับขี่นั้นลำบากมากยิ่งขึ้น
- ยางรถที่ใหญ่ขึ้นนั้นจะไปดีดเศษกรวด เศษดิน หรือเศษหินให้เข้าไปในตัวรถ ดังนั้นนอกจากจะทำให้รถเลอะเทอะสกปรกแล้ว ก็ยังจะทำให้รถเกิดความเสียหายขึ้นมาได้อีกด้วย
- เมื่อเกิดการจั๊มคอสะพานแรง หรือการหักเลี้ยวมาก ๆ ก็จะไปทำให้ยางนั้นเบียดกับซุ้มล้อรถจนเกิดเป็นความเสียหายขึ้นมาได้ และกลายเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่จะทำให้เกิดยางระเบิดขึ้นมาได้นั่นเอง
- มีความผิดทางกฎหมาย และอาจจะถูกปรับมากถึง 2,000 บาท ตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 ที่สำคัญในมาตราที่ 12 ซึ่งได้ระบุข้อความไว้ว่า “รถที่จดทะเบียนแล้ว หากภายหลังมีส่วนควบหรือมีอุปกรณ์ที่ไม่ถูกต้องตามกฎกระทรวง ก็ห้ามใช้รถคันนั้น”
หากรถยนต์เกิดอุบัติเหตุจากล้อล้น แบบนี้ประกันภัยจะรับเคลมไหม?
ถ้าหากว่ารถยนต์ของคุณไม่ได้เข้าข่ายทำผิดกฎหมายในเรื่องล้อล้น และมีสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุมาจากการสึกหรอ หรือการเสื่อมสภาพไปตามธรรมชาติ หรือว่าเกิดปัญหาโดยที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุ ในส่วนนี้ทางบริษัทประกันภัยจะไม่ได้ให้ความคุ้มครองหรือจะไม่ได้รับเคลมให้ แต่ถ้าเกิดว่ามีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุหรือว่าภัยธรรมชาติ และไม่ได้ผิดกฎหมายในเรื่องล้อล้น ในกรณีนี้ทางบริษัทประกันภัยก็จะมีการรับเคลมให้ตามปกติ เนื่องจากว่าอยู่ในความคุ้มครองของแผนกรมธรรม์ นั่นก็คือจะคุ้มครองในส่วนที่เกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุหรือจากภัยธรรมชาติเท่านั้น จึงแนะนำสำหรับใครที่ต้องการอยากจะได้รับความคุ้มครองแบบครอบคลุมมากที่สุด ว่าให้เลือกทำเป็นประกันภัยรถยนต์ที่เป็นแผนกรมธรรม์ชั้น 1 ไปเลย เพราะไม่ว่าปัญหานั้นจะเกิดจากสาเหตุอะไร ทางบริษัทประกันภัยก็จะให้ความคุ้มครองคุณได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้อีกด้วย
ความคุ้มครองประกันรถยนต์
คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย
ควรเลือกทำประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนดี เพื่อความคุ้มครองสูงสุด?
แนะนำสำหรับท่านที่ต้องการจะได้รับความคุ้มครองแบบครอบคลุมที่สุดว่าให้เลือกทำเป็น ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ถึงแม้ว่าราคาจะแพงเป็นอันดับต้น ๆ ในบรรดาประกันภัยทุกชั้น แต่ในเรื่องของความคุ้มครองที่จะได้รับนั้นก็ถือว่าครอบคลุมมากที่สุด อีกทั้งยังคุ้มค่า คุ้มราคา ไม่ว่าจะเป็นกรณีรถหาย รถไฟไหม้ หรือรถน้ำท่วม ทางบริษัทประกันภัยก็รับเคลมทั้งสิ้น
ซื้อประกันรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
อันดับแรกคือลูกค้าจะสามารถมั่นใจได้อย่างเต็มที่ว่าจะได้รับสิทธิพิเศษตั้งแต่เริ่มวางแผนซื้อประกันภัยกับทางแรบบิท แคร์ เพราะว่าแรบบิท แคร์ นั้นมีระบบเปรียบเทียบแผนประกันออนไลน์ที่ใช้งานง่าย รวดเร็วทันใจ ใช้เวลาเพียงแค่ 30 วินาที ก็สามารถที่จะรู้ราคาของประกันภัยรถยนต์ในแต่ละบริษัทประกันภัยชั้นนำทั่วประเทศได้เลย ทำให้ลูกค้าได้เลือกสรรแผนประกันภัยที่ตอบโจทย์และได้ตรงตามความต้องการมากที่สุด สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ แรบบิท แคร์