ความเร็วรถยนต์ที่ถูกกฎหมาย ต้องขับไม่เกินเท่าไหร่?
การใช้รถใช้ถนนถือว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรจะใช้ความระมัดระวังในการขับขี่เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากว่าบนท้องถนนนั้นเราไม่ได้เป็นผู้ขับขี่เพียงคนเดียว แต่ยังมีเพื่อนร่วมทางอีกมากมาย ความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด เพราะฉะนั้นการปฏิบัติตามกฎจราจรหรือตามกฎหมายจราจรจึงเป็นพื้นฐานในการขับขี่ที่ผู้ขับขี่ทุกคนพึงมี อีกทั้งในเรื่องของความรู้ ความเข้าใจ วินัย ความเอาใจใส่ ความไม่ประมาท และต้องมีสติทุกครั้งในการขับขี่ เพราะผู้ขับขี่ทุกท่านจะต้องผ่านการอบรมและสอบทำใบขับขี่กันมาเรียบร้อยแล้ว จึงจะสามารถขับขี่บนท้องถนนได้อย่างถูกต้องตามที่ได้รับใบอนุญาตในการขับขี่มานั่นเอง ดังนั้นถ้าหากว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมายจราจรหรือไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร ก็อาจจะได้รับโทษต่าง ๆ ตามมาเช่นเดียวกัน
กฎหมายความเร็วรถยนต์ล่าสุดคืออะไร?
สำหรับรถยนต์ 4 ล้อนั้นจะสามารถขับโดยใช้อัตราความเร็วที่ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะมีการกำหนดความเร็วขั้นต่ำสำหรับการขับรถในช่องทางเดินรถฝั่งขวาสุดในทางหลวง ที่จัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่ 2 ช่องทางขึ้นไป ซึ่งจะต้องใช้อัตราความเร็วที่ไม่ต่ำกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนการขับขี่ในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา เขตเทศบาลนคร เขตเทศบาลเมือง หรือเขตชุมชนและทางขนาน จะกำหนดให้ใช้อัตราความเร็วที่ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสำหรับการขับขี่นอกเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา เขตเทศบาลนคร เขตเทศบาลเมือง หรือเขตชุมชนและทางขนาน จะกำหนดให้ใช้อัตราความเร็วที่ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสุดท้ายจะเป็นการขับขี่บนทางเดินรถพิเศษ หรือทางเดินรถในระดับพื้นดิน จะกำหนดให้ใช้อัตราความเร็วที่ไม่เกิน 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถ้าอยู่ในเลนขวาสุดจะต้องใช้ความเร็วที่ไม่ต่ำกว่า 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ถนนแบบใดที่กฎหมายกำหนดความเร็วรถยนต์?
จากกฎกระทรวง เรื่อง กำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงชนบทที่กำหนด พ.ศ. 2564 ได้มีการกำหนดว่าให้ใช้บังคับแก่ทางหลวงแผ่นดินและทางหลวงชนบท ที่มีทางเดินรถซึ่งแบ่งได้เป็นช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันตั้งแต่ 2 ช่องทางเดินรถขึ้นไป มีเกาะกลางถนนแบบกำแพง (Barrier Median) และไม่มีจุดกลับรถเสมอระดับถนน เป็นทางหลวงที่ออกแบบเพื่อให้ยานพาหนะต่าง ๆ นั้นสามารถขับเคลื่อนในอัตราความเร็วที่สูงได้ด้วยความปลอดภัย
เส้นทางที่สามารถขับด้วยความเร็วรถยนต์ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีเส้นทางอะไรบ้าง?
เส้นทางที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง (เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564)
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 ช่วงบ่อทอง - มอจะบก จ.นครราชสีมา ระยะทาง 13.5 กิโลเมตร
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ช่วงสนามกีฬาธูปะเตมีย์ - ต่างระดับคลองหลวง จ.ปทุมธานี ระยะทาง 10 กิโลเมตร
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 ช่วงคลองหลวงแพ่ง จ.ฉะเชิงเทรา ระยะทาง 11 กิโลเมตร
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 34 ช่วงบางนา - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ระยะทาง 15 กิโลเมตร
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ช่วงทางน้ำหนองแขม - บ้านหว้า - วังไผ่ จ.นครสวรรค์ ระยะทาง 25.72 กิโลเมตร
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย) ช่วงอ่างทอง - ไชโย - สิงห์ใต้ - สิงห์เหนือ - โพนางดำออก จ.อ่างทอง - สิงห์บุรี ระยะทาง 63 กิโลเมตร
เส้นทางที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบท (พ.ศ. 2565)
- ถนนราชพฤกษ์ (นบ.3021) จ.นนทบุรี ระยะทาง 25.2 กิโลเมตร
- ถนนนครอินทร์ (นบ.1020) จ.นนทบุรี ระยะทาง 12.4 กิโลเมตร
- ถนนชัยพฤกษ์ (นบ.3030) จ.นนทบุรี ระยะทาง 11.18 กิโลเมตร
- ถนนข้าวหลาม (ชบ.1073) จ.ชลบุรี ระยะทาง 4.98 กิโลเมตร
- ถนนบูรพาพัฒน์ บ้านฉาง (รย.1035) จ.ระยอง ระยะทาง 7.41 กิโลเมตร
- ถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี (ชม.3029) จ.เชียงใหม่ ระยะทาง 26.10 กิโลเมตร
การขับขี่ในเขตชุมชนโรงเรียน ควรขับขี่ด้วยความเร็วรถยนต์ที่ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
การขับขี่ในบริเวณชุมชนที่ถนนมีความกว้างไม่เกิน 7 เมตร ควรใช้ความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
การใช้ความเร็วรถยนต์ในชุมชนมีอะไรบ้าง?
- ในเขตชุมชนจะมีลักษณะเป็นพื้นที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น หรือว่ามีการสัญจรของประชาชนเป็นจำนวนมาก
- เป็นพื้นที่ที่มีสถานศึกษา สถานพยาบาล หรือโครงการพัฒนาพื้นที่
- เป็นพื้นที่ที่มีกิจกรรมที่ทำให้ประชาชนนั้นมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก
โทษของการขับรถยนต์เกินความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด?
จากข้อมูล พรบ. จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 ในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้มีการประกาศกฎหมายจราจรอัตราโทษใหม่ในปี พ.ศ. 2565 ไว้ว่า “จากเดิมโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท เปลี่ยนเป็นอัตราโทษปรับไม่เกิน 4,000 บาท”
ความเร็วรถยนต์ที่กฎหมายกำหนดมีอะไรบ้าง?
จากในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้มีประกาศกฎกระทรวง เรื่อง กำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงชนบทที่กำหนด พ.ศ. 2564 ได้มีการกำหนดความเร็วรถยนต์ไว้ดังนี้
- รถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กิโลกรัม หรือรถบรรทุกคนโดยสารที่มีที่นั่งเกิน 15 คน ให้ใช้ความเร็วรถยนต์ที่ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- รถขณะที่ลากจูงรถคันอื่น รถยนต์ 4 ล้อเล็ก หรือรถยนต์ 3 ล้อ ให้ใช้ความเร็วรถยนต์ที่ไม่เกิน 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- รถจักรยานยนต์ ให้ใช้ความเร็วรถยนต์ที่ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- รถจักรยานยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ขึ้นไป หรือมีความจุกระบอกสูบรวมกันตั้งแต่ 400 ลูกบาศก์เซนติเมตรขึ้นไป ให้ใช้ความเร็วรถยนต์ที่ไม่เกิน 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- รถโรงเรียน หรือรถรับส่งนักเรียน ให้ใช้ความเร็วรถยนต์ที่ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- รถบรรทุกคนโดยสาร 7-15 คน ให้ใช้ความเร็วรถยนต์ที่ไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- รถแทรกเตอร์ รถบดถนน หรือรถที่ใช้งานในเกษตรกรรม ให้ใช้ความเร็วรถยนต์ที่ไม่เกิน 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- ส่วนรถประเภทอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากรถทุกประเภทที่กล่าวมาข้างต้น ให้ใช้ความเร็วรถยนต์ที่ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในช่องทางเดินรถฝั่งขวาให้ใช้ความเร็วรถยนต์ที่ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยกเว้นในกรณีที่ช่องเดินรถนั้นมีข้อจำกัดด้านการจราจรหรือด้านทัศนวิสัย มีสิ่งกีดขวาง หรือมีเหตุขัดข้องอื่น ๆ
- ในช่องทางเดินรถที่มีเครื่องหมายจราจรบ่งบอกว่าเป็นเขตอันตราย ให้ลดความเร็วลงและระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น
- หากช่องทางรถมีเครื่องหมายกำหนดอัตราความเร็วรถยนต์ ถึงแม้ว่าจะเป็นความเร็วที่ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ ผู้ขับขี่ก็ควรที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายจราจรที่กำหนดไว้
ความคุ้มครองประกันรถยนต์
คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย
ควรเลือกทำประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนดี เพื่อรับความคุ้มครองเพิ่มเติม?
รถมือหนึ่งที่เพิ่งออกใหม่แบบนี้ จะต้องทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ไว้จะดีที่สุด ให้อุ่นใจตลอดการเดินทาง เพราะอุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นถ้าหากเรามีรถยนต์แล้ว แต่การไม่ประมาทจะดีที่สุด เพียงแค่จ่ายเบี้ยประกันไม่กี่บาทต่อปี จะได้ไม่ต้องเสียเงินก้อนใหญ่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือสามารถปรึกษาได้ที่ Care Center เบอร์ 1438 บริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเลือกและการเช็กประกันรถยนต์ออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง หรือคลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่แรบบิท แคร์
ซื้อประกันรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
เพราะการซื้อประกันรถยนต์กับแรบบิท แคร์ ไม่เพียงแต่จะคุ้มค่าในเรื่องของแผนประกันและการคุ้มครองเท่านั้น แต่ยังให้ความอุ่นใจมากกว่าที่อื่น เพราะความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยคือ 100% มีการรับรองความถูกต้องจาก คปภ. และมีประสบการณ์ในการดูแลและให้บริการลูกค้ามาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีช่องทางในการชำระเบี้ยประกันรถยนต์มากมาย ดังนั้นถ้าหากเรามีรถยนต์แล้วนั้น ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต เป็นเงินสด หรือแม้แต่กระทั่งการผ่อนชำระก็มี ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกได้หลากหลายช่องทาง วางแผนได้ง่ายมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงส่วนลดก็มีให้เหมือนกัน เพราะเราแคร์คุณยิ่งกว่าใคร ทั้งการอำนวยความสะดวกหลังการขาย และการติดตามในเรื่องของงานเคลมให้ผ่านไปได้ด้วยดี เพราะเรามีอู่และศูนย์บริการที่ครอบคลุมทั่วไทย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แรบบิท แคร์