Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ นโยบายคุกกี้

เปรียบเทียบสินเชื่อ ง่าย ๆ ภายใน 30 วินาที กับ

Rabbit Care

Online selling_MOBILE.png
user profile image
เขียนโดยPaweennuch W.วันที่เผยแพร่: Aug 16, 2023

สำหรับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ที่อยากจะขายออนไลน์ ควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี?

จริง ๆ แล้วการขายออนไลน์นั้นมีมานานหลายปีก่อนหน้านี้แล้ว แต่เพิ่งจะเริ่มมาเติบโตแบบก้าวกระโดดหลังจากที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา จึงทำให้ทั่วโลกมีการปรับตัวและมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในด้านการดำรงชีวิตหลาย ๆ อย่าง เพื่อให้ปลอดภัยและเอาตัวรอดได้ในสังคมปัจจุบัน โดยจะมีอยู่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีการเติบโตสวนกระแสมากกว่าด้านอื่น ๆ นั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่าตลาดอีคอมเมิร์ซ หรือการขายออนไลน์ อันเนื่องมาจากพฤติกรรมการบริโภคของมนุษย์ที่เปลี่ยนไป รวมไปถึงในเรื่องของการทำงานที่ถูกปรับให้มาเป็นการทำงานที่บ้าน หรืออยู่แต่ที่บ้านแทน เพื่อความปลอดภัยในการรับมือกับโรคโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาด จึงทำให้ผู้คนเริ่มปรับตัว และคุ้นชินกับการใช้ชีวิตในโลกออนไลน์มากยิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นเวลาโดยเฉลี่ยต่อวันที่คนไทยหันมาเล่นอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น โดยสูงเป็นอันดับที่ 3 ของโลก(จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2563) ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมด้านความบันเทิง การเล่นโซเชียลมีเดีย เช่น แคปชั่นแม่ค้าสำหรับเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ การชอปปิ้งออนไลน์ การทำธุรกรรมทางการเงิน การศึกษา และการทำงาน ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลทำให้การค้าปลีกในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตที่พุ่งสูงขึ้นมาก เนื่องจากร้านค้าแบบมีหน้าร้านที่ต้องปิดตัวลง บวกกับข้อดีของการซื้อขายออนไลน์ที่ดึงดูดทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้า จึงทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคสินค้าของลูกค้า เช่น ข้อเสนอที่ถูกใจ ส่วนลดที่มากมาย สามารถซื้อขายออนไลน์ได้ 24 ชั่วโมง เปรียบเทียบราคาสินค้าได้ง่าย และยังช่วยให้เราสามารถประหยัดเวลาได้มากขึ้นอีกด้วย อีกทั้งยังทำให้หลายคนหันมาเปิดร้านขายออนไลน์กันเยอะมากขึ้น รับบทเป็นพ่อค้าแม่ค้าจากการที่มีเวลาว่างมากขึ้น เพราะอยู่แต่บ้าน ไม่ได้ออกไปไหน เพื่อความปลอดภัยของตนเองและคนใกล้ชิด เพียงแค่มีช่องทางใดช่องทางหนึ่งก็สามารถขายออนไลน์ได้ทันที ไม่ต้องไปเปิดหน้าร้านให้ยุ่งยาก และเสียเงินเยอะอีก เพราะหลาย ๆ ท่านก็ได้มีการนำเอาเงินเก็บหรือเงินฉุกเฉินออกมาใช้จ่ายในช่วงที่โรคโควิด-19 นั้นแพร่ระบาด ดังนั้นจึงต้องหาหนทางสร้างรายรับเพื่อมาทดแทนในส่วนที่ใช้จ่ายออกไปนั่นเอง ทุกวันนี้อินเทอร์เน็ตจึงกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปโดยปริยาย

อยากจะเริ่มลงทุนขายของออนไลน์ เริ่มยังไงดี?

เบื้องต้นจะต้องเตรียมตัวเป็นพ่อค้าแม่ค้าขายออนไลน์ ดังนี้

  • วางแผนเรื่องงบประมาณหรืองบลงทุน ว่าตอนนี้เรามีงบเท่าไหร่ เพียงพอต่อการลงทุนขายออนไลน์หรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหางบบานปลายในอนาคต
  • วางแผนเลือกสินค้าที่จะขาย ว่าเราอยากขายอะไร หรือมีความชอบในสินค้าแบบไหน รวมไปถึงการศึกษาความต้องการของผู้บริโภคในตลาดด้วย
  • เลือกดูแหล่งซื้อสินค้าที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย ราคาเหมาะสม และมั่นใจได้
  • วางแผนสร้างช่องทางในการขายออนไลน์จากแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Shopee, Lazada, เว็บไซต์, Line Shopping,TikTok เป็นต้น
  • ทำการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้และการเข้าถึงบนช่องทางที่ขายออนไลน์ เป็นการสร้างฐานลูกค้าหน้าใหม่และลูกค้าเดิม
  • บริหารร้านค้าให้มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และปิดการขายได้
  • เตรียมช่องทางการรับเงินที่หลากหลาย เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะสะดวกชำระเงินช่องทางใด ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบริการที่เห็นได้ถึงการดูแลเอาใจใส่ลูกค้า
  • มีบริการหลังการขายที่ดี เช่น มีการรับประกัน เพื่อเป็นการมัดใจลูกค้าให้กลับมาซื้อสินค้ากับเราซ้ำอีก และกลายเป็นลูกค้าประจำในที่สุด

ขายออนไลน์ อะไรดี ที่จะสามารถทำเงินทำกำไรได้?

จริง ๆ แล้วการขายออนไลน์นั้นสามารถขายได้ทุกอย่าง ไม่ได้มีข้อจำกัดอะไรในทางของประเภทสินค้า เพียงแต่ในช่องทางที่จะนำไปขายนั้น อาจจะมีเงื่อนไขระบุไว้จะต้องไม่เป็นสินค้าที่ผิดกฎหมาย หรืออื่น ๆ ตามที่ได้มีการทำข้อตกลงกันไว้ และยิ่งสินค้ามีความแตกต่างจากเจ้าอื่นมากเท่าไหร่ หรือว่ามีความน่าสนใจที่จะทำให้ลูกค้าสามารถเห็นถึงความคุ้มค่า คุ้มราคา จากการซื้อสินค้านั้นได้ ก็จะยิ่งทำให้สินค้าขายดีมากเท่านั้น โดยสามารถแบ่งสินค้าออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้

  • สินค้าประเภทที่จับต้องได้ เช่น เสื้อผ้า ของใช้ต่าง ๆ เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
  • สินค้าประเภทที่จับต้องไม่ได้ เช่น เพลง ภาพยนตร์ ละคร เป็นต้น
  • บริการ เช่น การท่องเที่ยว บริการที่พัก การเสริมสวย เป็นต้น

ขายออนไลน์ ไม่สต๊อกสินค้า ดีกว่าแบบสต๊อกสินค้าจริงไหม?

ทั้ง 2 แบบจะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป โดยจะขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ขายว่าอยากจะขายออนไลน์แบบสต๊อกสินค้าหรือไม่สต๊อกสินค้าดี แต่ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่จะขายออนไลน์แบบไม่สต๊อกสินค้ากัน เพราะจะได้โฟกัสเฉพาะกับการขายสินค้าเท่านั้น ไม่ต้องมาคอยนับสต๊อก หรือมาคอยเติมสต๊อก เพื่อให้สินค้าพร้อมขายอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังไม่ต้องมานั่งแพ็กของและไปส่งของเองอีกต่างหาก เงินก็ไม่ต้องไปจมกับของที่สต๊อกไว้ถ้าเกิดว่ายังขายไม่ได้ มันก็เลยเป็นวิธีการที่เราจะได้ไม่ต้องไปเสี่ยง หรือเอาเงินไปลงทุนกับการสต๊อกสินค้า และจะได้ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าเงินจะจมทุนด้วย จึงทำให้การขายออนไลน์เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นไปอีก แถมยังได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายผู้ขายรายใหญ่และฝ่ายผู้ขายรายย่อยด้วย เพราะฝ่ายผู้ขายรายใหญ่ก็จะเหมือนกับได้ตัวแทนจำหน่ายรายย่อยไปในตัว ส่วนผู้ขายรายย่อยก็จะได้โฟกัสกับการทำตลาดออนไลน์เพื่อขายสินค้าให้ได้เยอะ และตรงตามกลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายของตัวเองอีกด้วย

แต่การขายออนไลน์แบบไม่สต๊อกสินค้านั้นก็จะเหมาะกับสินค้าบางประเภทเท่านั้น ได้แก่

  • สินค้าที่ต้องซื้อซ้ำ เช่น เสื้อผ้า ของใช้ภายในบ้าน เครื่องสำอาง เป็นต้น
  • สินค้าที่หาซื้อได้ยากตามท้องตลาด เช่น อุปกรณ์ไอที สินค้าแม่และเด็ก เป็นต้น
  • สินค้าเพื่องานอดิเรก เช่น ตัวต่อเลโก้ สินค้าทำมือ ของเล่นสำหรับเด็ก เป็นต้น
  • สินค้าเพื่อธุรกิจ เช่น อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เป็นต้น

ข้อดีและข้อเสียของการขายออนไลน์แบบไม่สต๊อกสินค้ามีอะไรบ้าง?

ข้อดี

ข้อเสีย

ไม่ต้องลงทุน

การแข่งขันสูง

ไม่ต้องแพ็กของส่งเอง

ต้องดูสินค้าให้ดี เพราะอาจจะได้สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานมาขาย

ไม่ต้องมีหน้าร้าน

หากสินค้าไม่มีความแตกต่าง ก็อาจจะทำให้ขายได้ยากมากขึ้น

ทำเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมก็ได้

ผู้ขายรายย่อยอาจจะเติบโตช้ากว่าผู้ขายรายใหญ่

ไม่ต้องถ่ายรูปสินค้าเอง

สินค้าบางชนิดมีต้นทุนที่สูง

ขายออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา

ต้องเลือกดูผู้ขายรายใหญ่ที่มั่นใจได้ ปลอดภัย ไม่โกง

เทคนิคการขายของออนไลน์ ให้ขายง่าย ได้กำไรเยอะ?

  • เลือกขายออนไลน์เป็นสินค้าประเภทที่มีความแตกต่าง แปลกใหม่และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
  • เน้นสินค้าที่ให้ความคุ้มค่า คุ้มราคา ไม่ต้องแพงจนเกินไป
  • เน้นให้บริการลูกค้าแบบทั่วถึง จะได้ดูแลดูค้าได้สะดวก ส่งผลทำให้ลูกค้าอยากกลับมาซื้อสินค้ากับเราอีก เป็นการสร้างฐานลูกค้าสำหรับการขายออนไลน์ แบบเดียวกับการขายที่หน้าร้านเลย
  • เน้นขายสินค้าที่คู่แข่งน้อย
  • เลือกขายสินค้าที่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้ เช่น การรับประกันสินค้า เป็นต้น
  • ควรศึกษากระแสของตลาดสินค้าที่ขายดี ที่จะสามารถขายได้นานกว่าสินค้าแบบแฟชั่น

ข้อดีและข้อเสียของการขายออนไลน์มีอะไรบ้าง?

ข้อดี

  • ใช้ต้นทุนต่ำ เพราะการขายออนไลน์ไม่จำเป็นที่จะต้องมีหน้าร้าน และไม่จำเป็นที่จะต้องจ้างลูกจ้าง จึงทำให้ประหยัดเงินค่าเดินทาง ค่าจ้างพนักงานขาย และค่าสถานที่
  • สามารถขายออนไลน์ได้ 24 ชั่วโมง
  • เพิ่มโอกาสในการขาย เพราะสินค้าสามารถขายได้ทั่วโลก ไร้พรมแดน
  • แค่มีเครื่องมือเป็นโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ก็สามารถขายออนไลน์ได้ทันที
  • สามารถทำการตลาดได้ง่ายขึ้น เพราะจะมีตัวช่วยคอยวัดผลและจัดเก็บฐานข้อมูลของลูกค้า เพื่อที่จะได้กลับมาซื้อสินค้ากับเราอีกในอนาคต
  • สามารถขายออนไลน์เป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมก็ได้
  • ไม่จำเป็นจะต้องสต๊อกสินค้าก็สามารถขายออนไลน์ได้

ข้อเสีย

  • การแข่งขันสูงมาก โดนขายตัดราคาได้ง่าย เพราะใคร ๆ ก็สามารถขายออนไลน์ได้
  • ความเชื่อมั่นในสินค้าที่อาจจะยังไม่เท่ากับการไปซื้อสินค้าที่หน้าร้าน เพราะยังมองไม่เห็นสินค้า หรือสั่งมาแล้วอาจจะเป็นของปลอม หรืออาจถูกโกงได้ง่าย
  • อาจจะต้องมีการเสียค่าธรรมเนียมขายของ ค่าโฆษณา เพื่อสร้างการรับรู้ การเข้าถึง และทำให้คนอื่นรู้จักร้านเรามากขึ้น
  • ต้องใช้เวลาในการจัดส่ง
  • การขายออนไลน์ต้องมีความรู้เรื่องอินเทอร์เน็ต

ขายออนไลน์ ภาษีคิดอย่างไร?

ปกติแล้วคนในวัยทำงานจะต้องมีหน้าที่เสียภาษีในแต่ละปีอยู่แล้ว ซึ่งการขายออนไลน์ก็เช่นเดียวกัน เพราะว่าการมีรายได้จะเท่ากับต้องยื่นข้อมูลภาษีด้วย คือ ภ.ง.ด. 94 และ ภ.ง.ด. 90 ดังนี้

  • ยื่นภาษีรอบแรก จะเป็นการยื่นภาษีครึ่งปี ในช่วงเดือนกรกฎาคม-เดือนกันยายน โดยจะเป็นการนำเงินได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน มาแสดงในการยื่นภาษี ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม - 30 กันยายน ของทุกปี
  • ยื่นภาษีรอบที่สอง จะเป็นการยื่นภาษีปลายปี ในช่วงเดือนมกราคม-เดือนมีนาคมของทุกปี โดยจะเป็นการนำเงินได้ของทั้งปี มาแสดงในการยื่นภาษี ภายในวันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม ของปีถัดไป

สินเชื่อที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ

UOB Xpress สินเชื่อส่วนบุคคลUOB Xpress

สินเชื่อส่วนบุคคล

  • ดอกเบี้ย 9.99% ตลอดอายุสัญญา
  • วงเงินสูงสุด 2 ล้านบาท
  • รวมภาระหนี้ ผ่อนสบาย 60 เดือน
  • รายได้ 30,000 บาท อายุงาน 4 เดือน
  • เจ้าของกิจการ 30,000 บาท อายุ 3 ปี
  • อายุ 20 ปีขึ้นไป รวมอายุผ่อน 60 ปี
สินเชื่อส่วนบุคคลกรุงศรีสินเชื่อส่วนบุคคลกรุงศรี

สินเชื่อส่วนบุคคล

  • ดอกเบี้ย 14.99% ปี, 6-12 เดือน พนักงาน 5 ปี+
  • ดอกเบี้ย 17.99% ปี, 6-12 เดือน ธุรกิจ 10 ปี+
  • ผ่อน 60 เดือน แสนละ 2,2XX บาท
  • วงเงินสูงสุด 2 ล้าน บาท หรือ 5 เท่าของรายได้
  • สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองจากบริษัท
  • พนักงาน 20,000 บาท/เดือน, เจ้าของกิจการ 200,000 บาท
LINE BKLINE BK

สินเชื่อเงินสด

  • ยืมได้ง่าย รายได้ 5,000 บาท
  • ใช้วงเงินได้หลังอนุมัติ
  • ใช้จ่ายจำเป็น วงเงินสูงสุด 800,000 บาท
  • ดอกเบี้ยสูงสุด 33% สำหรับธุรกิจ
  • อนุมัติสูงสุด 5 เท่าของรายได้
  • มีบัญชี LINE BK สมัครผ่าน LINE
สินเชื่อเงินสดนาโนฟินนิกซ์นาโนฟินนิกซ์

สินเชื่อเงินสด

  • ยืมหมื่น ดอกเบี้ยวันละ 9 บาท ลดต้นลดดอก
  • อนุมัติทันที แจ้งผล 5 นาที
  • กู้ได้ รายได้ขั้นต่ำ 8,000 บาท
  • วงเงินสูง 100,000 บาท ไม่ต้องค้ำประกัน
  • สมัครง่าย รายได้ไม่แน่นอน ไม่มีสลิป
  • ใช้บัตรประชาชนและสเตทเม้นท์ 6 เดือน

คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย

อยากจะเริ่มต้นทำธุรกิจ ควรขอสินเชื่อแบบไหนดี?

แนะนำว่าให้ขอเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล เพราะนอกจากจะเป็นสินเชื่อแบบหมุนเวียนส่วนบุคคลที่เป็นเงินพร้อมใช้แล้ว ก็ยังสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายแบบ เช่น สินเชื่อเพื่อการลงทุน เงินก้อนเพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน เป็นต้น เราจะได้มีเงินสดพร้อมใช้ทันที เพื่อที่จะให้คุณใช้จ่ายได้ตามความต้องการ

เลือกสมัครสินเชื่อผ่านแรบบิท แคร์ จะได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?

นอกจากแรบบิท แคร์ จะมีเครื่องมือช่วยเปรียบเทียบสินเชื่อส่วนบุคคลที่ใช้งานง่ายแล้ว ก็ยังมีข้อเสนอสุดพิเศษกับสถาบันทางการเงินที่มีให้เลือกหลากหลาย ดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติเร็วทันใจ และยังมีสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าที่สุดมากกว่าเจ้าไหน ๆ ที่รับรองได้ว่าคุณจะพึงพอใจและประทับใจอย่างสูงสุดแน่นอน เมื่อเลือกขอสินเชื่อกับแรบบิท แคร์

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา