Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ นโยบายคุกกี้

ขับรถตกน้ำ ขับรถตกเขา ควรรับมืออย่างไร?

ในการขับรถในชีวิตประจำวัน อุบัติเหตุและสิ่งที่ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาโดยที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ หนึ่งความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้คือการขับรถตกน้ำ หรือขับรถตกเขา โดยเฉพาะหลายคนที่เปิด Map และให้นำทางไป หลายครั้งถ้าเป็นทางหรือพื้นที่ต่างจังหวัด อาจทำให้ขับรถตกเขา ตกเหว หรือตกน้ำได้ แล้วถ้าเกิดเรื่องราวแบบนี้ จะมีวิธีขั้นตอนการเอาตัวรอดอย่างไร มีวิธีการรับมืออย่างไร ต้องตรวจเช็กอะไรบ้าง และสามารถเคลมประกันได้หรือไม่ แรบบิท แคร์​ รวบรวมมาให้คุณแล้ว ไปดูกันเลย!!

ขับรถตกน้ำ มีแบบไหนบ้าง?

การขับรถตกน้ำ ส่วนใหญ่แล้วจะพบได้ทั่วไปโดยเฉพาะช่วงฤดูฝน เพราะมักจะมีเหตุการณ์น้ำท่วมขังตามมาได้ ซึ่งรถจมน้ำสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งหมด 3 กรณีที่แรบบิท แคร์ รวบรวมมาให้ มีดังต่อไปนี้

1. รถตกน้ำจากอุบัติเหตุ

หลายคนคงอาจพบเห็นรถจมน้ำจากอุบัติเหตุได้อยู่บ่อยครั้ง โดยสามารถที่ทำให้ขับรถตกน้ำ อาจเกิดจากการควบคุมทิศทางและความเร็วของรถไม่ได้ รวมถึงสาเหตุการไม่คุ้นชินเส้นทาง ทำให้ผู้ขับขี่อาจขับออกนอกเส้นทางแล้วเผลอตกน้ำได้

2. รถตกน้ำจากน้ำท่วมระหว่างการเดินทาง

ในช่วงฤดูฝน หลายคนอาจประสบปัญหานี้ได้อยู่บ่อยครั้ง เมื่อเส้นทางที่เรากำลังจะไป กลับมีน้ำท่วมขังอย่างฉับพลัน ทำให้ไม่รู้ร่วงหน้าและไม่ได้เตรียมหาเส้นทางสำรอง หรือที่เรียกกันว่า ภัยพิบัติจากธรรมชาติ หากรถคันเล็กก็อาจจะทำให้รถเกิดการจมน้ำได้ ทำให้การจราจรติดขัด แต่สำหรับรถบางคันก็เลือกที่จะขับรถลุยน้ำ ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่มีผลเสียตามมาทั้งนั้น

3. รถจมน้ำจากน้ำท่วมบ้าน

เกิดจากการที่น้ำท่วมฉับพลัน แต่รถยังจอดอยู่ที่บ้าน ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายรถได้ทัน ซึ่งในกรณีนี้เครื่องยนต์ก็มักจะได้รับความเสียหาย อาจทำให้เครื่องเปิดไม่ติด เป็นต้น

รถตกน้ำ มีขั้นตอนการเอาตัวรอดอย่างไร?

หากขับรถตกน้ำ แล้วรถเพิ่งจมน้ำ เพื่อให้รถเสียหายน้อยที่สุด และผู้ขับขี่หรือคนที่นั่งมาด้วยปลอดภัยจากอุบัติเหตุครั้งนี้ มีขั้นตอนการรับมือดังต่อไปนี้

  • 1. ตั้งสติ สิ่งแรกที่ควรทำเลยเมื่อขับรถตกน้ำคือการตั้งสติ ใจเย็น ๆ อย่าล่กและอย่าตกใจ ให้พยายามประเมินว่ารถจมน้ำไปเยอะไหม มีใครได้รับบาดเจ็บอะไรหรือไม่
  • 2. ปลดเข็มขัดนิรภัยออก เพื่อที่จะสามารถขยับร่างกายได้อย่างสะดวก ควรปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว มิเช่นนั้นจะทำให้คุณไม่สามารถขยับตัวและเอาตัวรอดได้
  • 3. ปลดล็อกประตูรถ เป็นเรื่องปกติที่เวลาขับรถคุณจะล็อกประตูเพื่อความปลอดภัย แต่เมื่อขับรถตกน้ำ ควรปลดล็อกและหาทางออกให้เร็วที่สุด ในกรณีนี้เครื่องยนต์อาจไม่สามารถทำงานได้ ให้คุณพยายามปลดล็อกโดยใช้มือของตนเอง หลังจากนั้นแล้วให้พยายามทุบกระจก เพราะรถอยู่ใต้น้ำมักจะมีแรงดันสูง ทำให้เปิดประตูไม่ออก แนะนำให้ใช้เท้าถีบ หรือหาของแข็งมาทุบกระจกด้านข้างให้แตก แรบบิท แคร์​แนะนำให้คุณพกอุปกรณ์สำหรับทุกกระจกไว้บนรถจะดีที่สุด
  • 4. พยายามออกจากรถ หลังจากที่ทุกกระจกเสร็จแล้ว พยายามสูดหายใจลึก ๆ ให้เต็มปอดหลังจากนั้นให้พยายามดันตัวออกจากรถผ่านกระจกข้าง เพราะอยู่ในรถใต้น้ำ ระดับอากาศและออกซิเจนจะลดต่ำลง อาจทำให้คุณเกิดอาการปวดหัวและหมดสติได้

ถ้ารถจมน้ำทั้งคัน รับมืออย่างไร?

หากขับรถตกน้ำและเกิดจมน้ำทั้งคัน ทำให้ไม่สามารถเปิดประตูออกมาได้ วิธีการรับมือคือตั้งสติ ปล่อยให้น้ำเข้ามาในรถแต่ให้พยายามยกตัวสูงกว่าระดับน้ำตลอดเวลา เมื่อน้ำมาจนเกือบเต็มรถ จะสามารถเปิดประตูได้ง่ายขึ้น เนื่องจากระดับแรงดันน้ำภายในและภายนอกจะเท่ากัน ทำให้สามารถเปิดประตูรถได้ หลังจากออกจากตัวรถได้แล้ว ให้ปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำ ไม่แนะนำให้ว่ายน้ำเพราะอาจจะทำให้หลงทิศทางได้

สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อขับรถตกน้ำ คืออะไร?

สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง คือการอยู่ในรถนานจนเกินไป เพราะอากาศและออกซิเจนภายในรถจะลดน้อยลงเรื่อย ๆ อาจทำให้เกิดอาการหมดสติและเสียชีวิตภายในรถได้ หลายคนเข้าใจผิดว่า การอยู่ในรถจะทำให้รอด แต่แท้จริงแล้วหากหน้ารถค่อย ๆ จมลงเรื่อย ๆ ทำให้รถดิ่งลงเรื่อย ๆ ทำให้คุณไม่มีสติในการหนีออกจากรถจนทำให้เสียชีวิตในที่สุด

ดังนั้นการมีสติและปฏิบัติตามขั้นตอนและวิธีที่แรบบิท แคร์ รวบรวมมาให้เป็นเรื่องที่สำคัญ และควรทำด้วยความรวดเร็ว เนื่องจากคุณไม่สามารถทราบได้เลยว่าน้ำจะลึกแค่ไหน และใต้น้ำจะมีลักษณะเป็นอย่างไร ดังนั้นการมีสติและการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจะทำให้คุณสามารถเอาตัวรอดจากเหตุการณ์นี้ไปได้

รถจมน้ำในระดับสูงท่วมเครื่องยนต์ รับมืออย่างไร?

หากขับรถตกน้ำ แล้วนำสูงกว่าระดับเครื่องยนต์ ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

  • 1. หลีกเลี่ยงการสตาร์ทรถ
    สิ่งที่ควรไม่ควรทำเลยคือการสตาร์ทรถหรือการบิดกุญแจไปยังตำแหน่งเปิด (ON) เพราะในรถยนต์มีอุปกรณ์อีเลคทรอนิค ระบบไฟฟ้า ที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของรถยนต์ อาจทำให้เกิดการลัดวงจร และเสียหายได้
  • 2. นำรถเข้าศูนย์
    หลังจากที่นำรถพ้นออกจากน้ำได้แล้ว สิ่งต่อไปที่ควรทำคือการถอดขั้วแบตเตอรี่ออกทันที เพื่อเป็นการตัดระบบการจ่ายไฟ หลังจากนั้นให้รีบติดต่อรถยกเพื่อนำรถเข้าอู่หรือศูนย์ซ่อมให้เร็วที่สุด เพื่อรับบริการเปลี่ยนถ่ายของเหลวทั้งหมด ประกอบไปด้วย น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ น้ำมันเฟืองท้าย น้ำหล่อเย็น เป็นต้น
    นอกจากนี้แล้วระบบช่วงล่างของรถยนต์ ควรให้ช่างอัดจาระบีที่ลูกหมากใหม่ และตรวจสอบเครื่องยนต์ในส่วนต่าง ๆ ให้เรียบร้อย เช่นระบบเกียร์ ระบบเบรก เพราะน้ำอาจจะเข้าไปได้ ควรถอดออกมาเช็ดทำความสะอาด

หลังขับรถลุยน้ำ ต้องตรวจเช็กอะไรบ้าง?

เมื่อขับรถตกน้ำ หรือขับรถลุยน้ำท่วม สิ่งต่อมาเมื่อควบคุมสถานการณ์ได้แล้วคือการนำรถยนต์เข้าอู่หรือศูนย์​ เพราะอาจทำให้ระบบการทำงานของรถยนต์ผิดแปลกไป หากระดับน้ำสูงเกินครึ่งล้อ จะมีสิ่งที่ต้องตรวจเช็กอยู่เพื่อที่จะให้รถสามารถขับขี่ต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีดังต่อไปนี้

  • เหยียบเบรกซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เพื่อรีดน้ำออกจากจานเบรก
  • ฉีดน้ำล้างช่วงล่าง เพราะอาจมีคราบหรือสิ่งสกปรกติดมาจากน้ำ
  • ตรวจสอบเครื่องยนต์ที่ฝากระโปรง และเป่าลมเพื่อไล่น้ำออก
  • ตรวจสอบดูระดับน้ำมันเครื่องว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ เพราะบางครั้งอาจมีน้ำเข้าไปผสมได้
  • ตรวจสอบของเหลว เช่น น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ ว่ามีน้ำเข้ามาผสมอยู่หรือไม่
  • ตรวจสอบขั้วสายไฟ และแบตเตอรี่และเป่าให้แห้งเพราะอาจเกิดการช็อตได้
  • ตรวจสอบกล่องฟิวส์ของรถยนต์
  • แกะผ้ายางวางเท้าออกมาตากแดดให้แห้ง เพื่อลดการอับชื้นและโอกาสที่จะเกิดเชื้อรา

ขับรถตกน้ำ เคลมประกันได้ไหม?

การที่ขับรถตกน้ำ แล้วประกันจะคุ้มครองหรือไม่ เป็นคำถามที่เกิดขึ้นกับหลาย ๆ คนที่รถมีประกัน แล้วต้องการเคลมจากบริษัทประกัน โดยเงื่อนไขการเคลมก็จะแตกต่างกันออกไป ดังต่อไปนี้

  • หากเป็นกรณีที่รถตกน้ำจากอุบัติเหตุ คือรถวิ่งออกนอกเส้นทาง ไม่สามารถควบคุมทิศทางรถได้แล้วเกิดรถตกน้ำ ในกรณีนี้ประกันให้ความคุ้มครองตามเงื่อนไขตามกรมธรรม์ของบริษัทนั้น ๆ หากมีประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็หมดกังวลได้เลย ซึ่งประกันก็จะมาประเมินความเสียหายและมาดูรายละเอียดต่าง ๆ เช่น วงเงินทุนของประกันสำหรับการซ่อมแซม
  • หากเป็นกรณีที่รถจมน้ำในระหว่างการเดินทางอันเนื่องมาจากน้ำท่วมฉับพลัน ในกรณีนี้จะขึ้นอยู่กับประเภทความคุ้มครองที่คุณเลือกในกรมธรรม์ หากเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1 ประกันก็จะให้ความคุ้มครอง แต่ต้องพิสูจน์ว่าไม่ตั้งใจพาตัวเองไปยังพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขับเอง เพราะหากตั้งใจประกันจะถือว่าคุณประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้รถตกน้ำ ในกรณีนี้ประกันจะไม่คุ้มครอง

ขับรถตกเขา รับมืออย่างไร?

ปัจจุบันมีหลายคนประสบอุบัติเหตุขับรถตกเขา หรือรถตกเหวเป็นจำนวนมาก เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ ปี ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะภัยพิบัติจากธรรมชาติ แต่สาเหตุอื่น ๆ มาจากความประมาทเลินเล่อของตัวผู้ขับขี่เอง ซึ่งหลายคนอาจขับรถตกเขาได้โดยเฉพาะในภาคเหนือที่มีเขาและเหวลึก และด้วยความที่คุณอาจจะไม่ใช่คนพื้นที่แถวนั้นเลยทำให้ไม่คุ้นชินเส้นทาง บางคนขับตาม GPS บางคนเมาแล้วขับ หลับใน ดังนั้น ทางที่ดีผู้ขับขี่ควรมีสติทุกครั้งในระหว่างการขับขี่เพื่อความปลอดภัยของทั้งชีวิตและทรัพย์สิน แล้วถ้าขับรถตกเขา จะมีวิธีการรับมืออย่างไร ไปดูกันเลย!

1. ตรวจสอบสภาพรถยนต์

วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด เพราะผู้ขับขี่ทุกคนหากมีแพลนจะใช้รถไปต่างจังหวัด ก็ควรเช็กสภาพรถยนต์ของตัวเองก่อนเพื่อป้องกันการขับรถตกเขา และเพื่อให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์และระบบเครื่องยนต์ต่าง ๆ สามารถทำงานได้อย่างปกติ ถือเป็นการกันไว้ดีกว่าแก้ สิ่งที่ควรตรวจเช็ก ได้แก่ ระบบเบรก ที่ปัดน้ำฝน ระบบเกียร์ เป็นต้น หลายคนคงคิดว่าเปลืองเงิน แต่หารู้ไหมว่า หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ค่าใช้จ่ายในการซ่อมและรักษาตัวแพงกว่าค่าตรวจสภาพเครื่องยนต์ด้วยซ้ำ

2. เตรียมความพร้อมของผู้ขับขี่

ก่อนเดินทางทุกครั้ง ผู้ขับขี่ควรดีสติทุกครั้งก่อนขับรถ หรือเรียกว่า การตั้งสติก่อนสตาร์ท นอกจากนี้ยังควรรัดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งเมื่อขับรถ นอกจากจะเป็นกฎหมายบังคับ มันยังช่วยลดความรุนแรงลงได้ เมื่อขับรถตกเขา รถจะเสียหลักพุ่งลงไปบริเวณต้นไม้ ซอกหินใหญ่ ดังนั้นถุงลมนิรภัยหรือ AIR BAG ก็จะช่วยได้แค่ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าหากคุณรัดเข็มขัด เมื่อขับรถตกเขา จะทำให้ร่างกายไม่พุ่ง กระแทก หรือกระเด็นไปจุดอื่น ทำให้ร่างกายคุณได้รับบาดเจ็บน้อยลง

3. พยายามออกมาจากตัวรถ

เมื่อขับรถตกเขา แล้วรถยนต์ของคุณจอดสนิทหยุดนิ่ง ให้คุณพยายามปลดล็อกเข็มขัดและเคลื่อนตัวออกมาจากรถให้เร็วที่สุด ให้ระวังเศษกระจกหากมีอะไรแตก หากมีผู้ที่นั่งมาด้วยให้พยายามเรียกสติเขา และเดินไปดูว่าสามารถเปิดประตูรถได้ไหม และดูว่ามีใครได้รับบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด หากบาดเจ็บหนักและไม่สามารถลุกออกมาได้ ให้โทร 1669 หรือติดต่อเจ้าหน้าที่โดยด่วนเพื่อขอรับการช่วยเหลือ

4. แจ้งรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่

เมื่อขับรถตกเขา สิ่งที่ต้องทำคือการแจ้งเจ้าหน้าที่ และเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง ควรมีสติให้มากที่สุด ให้คนที่บาดเจ็บน้อยที่สุดแจ้งรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ เช่น เดินทางมาแบบไหน กำลังจะไปที่ไหน เกิดอะไรขึ้นบ้าง ตกมาสูงขนาดไหน สามารถบอกตามความจริงได้เลยว่าขับรถตกเขาอย่างไร เช่น ฝนตกถนนลื่น มองทางไม่ชัด เล่นมือถือขณะขับรถ เป็นต้น แนะนำให้บอกความจริงเพราะถ้าโกหกคุณอาจจะโดนข้อหาแจ้งความเท็จได้ หลังจากนั้นตำรวจก็จะประสานงานเพื่อนำรถของคุณขึ้นมา

ขับรถตกเขา เคลมประกันได้ไหม?

หากขับรถตาม GPS แล้วเกิดเหตุการณ์ขับรถตกเขา ในกรณีนี้หากเกิดความเสียหายอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ สามารถเคลมกับประกันรถยนต์ชั้น 1 ได้เลยตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ โดยอุบัติเหตุนั้นอาจมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณีก็ตาม ประกันจะทำการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามจริง แต่อาจมีการหักค่าเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ในรถยนต์ เช่น ยางรถยนต์ เนื่องจากอาจมีการสึกหรอหรือมีการเสื่อมสภาพจากการใช้งานมาก่อนแล้ว

หากรถเสียหายจนซ่อมไม่ได้ เคลมประกันได้ไหม?

หากขับรถตกน้ำ หรือขับรถตกเขา แล้วรถยนต์เกิดความเสียหายโดยสิ้นเชิง นั่นแปลว่าไม่สามารถซ่อมได้ อ้างอิงจากข้อสรุป คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2499 ระบุว่าทางบริษัทประกันจะคุ้มครองความเสียหายโดยประเมินจากมูลค่าความเสียหาย มีจำนวนที่สูงกว่า 70% ของทุนประกัน โดยบริษัทประกันสามารถรับซากรถไว้เป็นประโยชน์ได้ แต่ถ้าประเมินแล้วต่ำกว่า 70% ทางบริษัทประกันจะถือว่าเสียหายน้อยและสามารถซ่อมแซมได้ โดยส่วนมากบริษัทประกันจะเสนอตัวเลือกมาให้ 3 แบบดังต่อไปนี้

  • เลือกซ่อมรถกับอู่ซ่อม หรือศูนย์บริการ
  • เปลี่ยนรถยนต์ที่มีสภาพเดียวกับก่อนเกิดเหตุมาทดแทน ในกรณีนี้เป็นรถมือสอง
  • ชดเชยให้เป็นเงินสด

อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ในกรณีขับรถตกน้ำ หรือขับรถตกเขา การมีประกันรถยนต์ชั้น 1 ของ แรบบิท แคร์ ติดรถไว้ก็จะทำให้คุณสบายใจตลอดการเดินทาง หมดห่วงเรื่องค่าซ่อมรถ เพราะเรามีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเกิดเหตุวันและเวลาไหนก็สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา และถ้าหากปีหน้ามีการระบุชื่อผู้ขับขี่และขับดีไม่มีเคลมรับไปเลยส่วนลดเบี้ยประกันรถยนต์สูงสุด 70% แถมยังมีรถใช้ทดแทนระหว่างซ่อมอีกด้วย สนใจโทรเลย 1438

ความคุ้มครองประกันรถยนต์

ความคุ้มครองรถผู้ทำประกัน
ประเภทประกันภัย
ชั้น 1
ชั้น 2+
ชั้น 2
ชั้น 3+
ชั้น 3
ชนแบบมีคู่กรณีชนแบบมีคู่กรณี
x
x
ชนแบบไม่มีคู่กรณีชนแบบไม่มีคู่กรณี
x
x
x
x
ไฟไหม้ไฟไหม้
x
x
รถหายรถหาย
x
x
ภัยธรรมชาติภัยธรรมชาติ
x
x
ช่วยเหลือ 24 ชม. ช่วยเหลือ 24 ชม.
x
x
x
ซื้อประกันรถยนต์   
คลิก
คลิก
คลิก
คลิก
คลิก
ความคุ้มครองอื่นๆ ครอบคลุมทุกชั้นประกัน
คุ้มครองคู่กรณี และทรัพย์สินคู่กรณี
อุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาลบุคคลที่สาม
คุ้มครองชิวิตบุคคลที่สาม
คุ้มครองชีวิตผู้ขับขี่
ค่ารักษาพยาบาลตัวผู้ขับขี่
การประกันตัวผู้ขับขี่

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา