Home Bias กับผลตอบแทนที่หายไป
“Home Bias” หรือ “ติดดอย” ภาษาของนักลงทุนที่จะสื่อถึงการที่เราเข้าลงทุนในจุดที่สูงกว่าปัจจุบันมากๆ เปรียบเสมือนการอยู่บนยอดดอยที่อากาศค่อนข้างน้อย อึดอัด และสูญเสียความมั่นใจ ได้แต่เฝ้ารอวันที่กราฟจะพุ่งขึ้นไปเหนือเรา “จะไปต่อหรือพอแค่นี้?” จดจ่ออยู่กับหุ้นกลุ่มเดียว ไม่กระจายความเสี่ยง หรือไม่เปิดใจที่จะศึกษา หรือสนใจตลาดโลก ความอคติในการลงทุนแต่หุ้นภายในประเทศ บ้านเราคือดีที่สุด หรือที่เรียกกันว่า “Home Bias” ร้ายแรงแค่ไหน ส่งผลอย่างไร มีอย่างอื่นอีกที่ควรรู้หรือไม่ วันนี้จะมาเล่าให้ฟัง
Home Bias คืออะไร?
Home Bias คือ ความเป็นชาตินิยม หรือความเคยชินจากการติดตามข่าวสาร หรือรู้เรื่องแต่ภายในประเทศ ปักหลักปักฐานจะลงแต่หุ้นในประเทศเท่านั้น ไม่กระจายไปยังหุ้นทางเลือกจากที่อื่นๆ เช่น เราเป็นคนไทย เลือกติดตามข่าวสาร และลงทุนแต่ในหุ้นไทยเท่านั้น เนื่องจากไม่อยากติดตามข่าวสารจากต่างประเทศ หรือมีอติกับประเทศอื่นๆ อย่างจีนแผ่นดินใหญ่ หรือสหรัฐอเมริกา เป็นต้น เรียกกันด้วยศัพท์ง่ายๆ ว่า Home Bias
การมี Home Bias ส่งผลอย่างไร?
เมื่อเรารู้จัก Home Bias คืออะไรไปแล้ว ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า Home Bias ส่งผลกระทบอย่างไร ด้วยความที่มีอคติในการลงทุนในหุ้นของต่างประเทศ ส่งผลให้เรา “มองข้าม” และเสีย “จังหวะ” ในการลงทุน บางทีการที่เศรษฐกิจในประเทศไทยชะลอตัว ทำให้ติดดอยกันเป็นแถบ ประเทศอื่นๆ อาจจะกำลังมีบางอย่างที่พัฒนา และสร้างเม็ดเงินได้อยู่ก็เป็นได้ แต่อคติมันบังตา ทำให้เราพลาดโอกาสทองหลายๆ อย่างไป นอกจากนี้บางประเทศอาจมีธุรกิจ หรืออุตสหกรรมที่ในไทยไม่มีก็เป็นได้
ภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลกชี้ชัดว่า “หุ้นของต่างประเทศให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าหุ้นของประเทศไทยเป็นอย่างมาก” ซึ่งข้อเท็จริงตรงนี้ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย เหล่านักลงทุนทุกคนน่าจะรู้กันดี โดยเฉพาะโซนยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา ที่เม็ดเงินไหลเข้าออกกันเป็นจำนวนมากอย่างเห็นได้ชัดกว่าโซนเอเชียบ้านเรา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าลงทุนไปจะการันตีกำไรเม็ดงามได้เลย เรายังคงต้องศึกษา และดูจังหวะก่อนที่จะลงทุนอยู่เสมอ เพียงแต่ต้องลดอคติในใจให้น้อยลง เปิดใจให้กับอย่างอื่นบ้าง เผื่อมีจังหวะงามๆ ที่ดีกว่านี้มาเกยตื้นให้เราได้เชยชมกัน รวมถึงการดูสถานการณ์ Home Bias ก็เป็นอีกปัจจัยที่เราต้องศึกษาเช่นกัน
อคติต่างๆ ที่นอกเหนือจาก Home Bias คืออะไรบ้าง?
การอคติในทุกๆ อย่าง มักจะมีผลที่ไม่ดีตามมา คนเราไม่ควรมีอคติซึ่งกันและกัน และฉากหลังม่านอาจจะดีกว่าที่เราคิดก็เป็นได้ นอกเหนือจากอคติในการลงทุนในหุ้นของต่างประเทศ หรือ Home Bias แล้ว ยังมี
• Recency Bias
หรือพวกเกาะกระแส กลัวตกเทรนด์ หรือ ที่เรียกกันว่า FOMO (Fear Of Missing Out) หุ้นนี้เค้าว่าดี ก็ซื้อ โดยที่ยังไม่ทันศึกษาให้ดีก่อน นอกจากจะมีความเชื่อผิดๆ และยังประมาทอีกต่างหาก คนพวกนี้มักพบปัญหา “Home Bias” รอคอยความหวังนั่งน้ำตาริน
• Overconfidence Bias
หรือพวกมั่นหน้า มั่นใจ ลงทุนเหมือนการพนัน คิดว่าใช่ก็ใส่เต็มสูบ คนพวกนี้อาจหมดตัวได้ง่ายๆ
• Blind Spot Bias
หรือพวกที่คิดว่าตัวเองดีที่สุด มองไม่เห็นข้อผิดพลาดของตัวเอง อาจทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรงได้แบบเดียวกับ Overconfidence Bias ทางที่ดีควรเปิดใจและรับฟังคนที่มีประสบการณ์มากกว่าบ้าง เพื่อป้องกัน Home Bias
• Anchoring Bias
หรือพวกยึดติด อะไรที่เคยลงทุนแล้วว่าดี ก็จะลงทุนแต่ตัวเดิมไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ไม่คิดว่าอนาคต ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ทางที่ดีควรศึกษาความเปลี่ยนแปลงของตลาดโลกอยู่สม่ำเสมอ จะได้เลือกถูกว่าควรไปต่อ หรือพอแค่นี้
จริงๆ แล้วสำหรับ Home Bias อาจจะไม่ได้มีผลลัพธ์ หรือผลกระทบที่ร้ายแรงถึงขั้นต้องหมดสิ้นเนื้อประดาตัว เพียงแต่จะพลาดโอกาส ที่จะสร้างกำไร หรือพลาดอะไรดีๆ บางอย่างไปเท่านั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้นจากประเทศไหน ทุกที่มีทั้งขึ้นและลง มีทั้งแดงและเขียว อยู่ที่ว่าเราจะสามารถศึกษา และจับจุดที่เหมาะสม และจุดที่ควรอยู่ รวมไปถึงจับจังหวะการเข้าออกที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามที่คาดการณ์ไว้ บ้านที่มีประตูหลายบาน เข้าออกได้หลายทาง หลบหลีกได้ง่ายกว่าบ้านที่มีประตูบานเดียว หากประตูนั้นถูกล็อค เราอาจจะโดนขังไว้อยู่ บนดอย รับลมหนาวยาวๆ ก็เป็นได้ จงวางอคติที่มีอยู่ แล้วเปิดใจให้กับสิ่งใหม่ๆ และข่าวสารต่างๆ รอบตัวมากขึ้น จะทำให้เราสามารถลงทุน และจัดการกับพอร์ทของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอย่าลืมศึกษาเรื่อง Home Bias เอาไว้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาการลงทุน
สินเชื่อที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ