Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้

ใบเสนอราคาซ่อมรถยนต์คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร?

การประเมินราคาซ่อมรถยนต์ คืออะไร?

จากข้อมูลของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด ได้กล่าวถึงการประเมินราคาซ่อมรถยนต์ไว้ว่า การประเมินราคาซ่อมรถยนต์นั้นจะเป็นการกำหนดค่าซ่อมรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายมาจากการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจะถูกประเมินราคาโดยเจ้าหน้าที่ของอู่ซ่อมรถและเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันภัย จากนั้นจึงนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกัน เพื่อที่จะได้เช็กว่าข้อมูลนั้นมีราคาที่ใกล้เคียงกันหรือไม่ ซึ่งหลักเกณฑ์ที่จะใช้ในการประเมินนั้นจะมีอยู่ทั้งหมด 9 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ ความเสียหายที่แท้จริง ค่าแรงช่าง ความเสียหายต่อเนื่อง ค่าอะไหล่ ส่วนที่ซ่อมได้โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยน สภาพของรถยนต์ ส่วนที่ต้องเปลี่ยน เนื่องจากซ่อมไม่ได้ วิธีการซ่อม และงานที่ต้องซ่อมบางส่วน

ความเสียหายอะไรบ้าง ที่จะต้องนำมาพิจารณาในการประเมินราคาซ่อมรถยนต์?

  1. การซ่อมความเสียหายหลักและความเสียหายรอง โดยจะเป็นส่วนที่ได้รับความเสียหาย และต้องได้รับการซ่อมแซม
  2. การซ่อมส่วนที่เสียหายร่วม อาจจะมีส่วนที่กระทบกระเทือนไปยังระบบอื่น ๆ
  3. การซ่อมส่วนที่เสียหายต่อเนื่อง จำเป็นที่จะต้องถอดชิ้นส่วนออกมาตรวจสอบก่อน
  4. การเปลี่ยนเป็นบางส่วน จำเป็นที่จะต้องมีขั้นตอนเพิ่มเติม หรือว่าต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการซ่อมแซม

ใบเสนอราคาซ่อมรถยนต์ มีความสำคัญอย่างไร?

  1. ใบเสนอราคาซ่อมรถยนต์หรือใบคุมราคาซ่อมรถ ทำให้เราสามารถตรวจสอบราคาได้ก่อน และสามารถใช้อ้างอิงสำหรับบริการในครั้งต่อไปได้ อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ซื้อเกิดความสะดวกสบาย และสามารถเปรียบเทียบราคาได้ว่าคุ้มค่าหรือไม่กับเงินที่จะเสียไป
  2. ทำให้เกิดความมั่นใจและไว้วางใจในการเลือกซื้อบริการมากยิ่งขึ้น เนื่องจากว่ามีการระบุรายละเอียดอย่างครบถ้วนและชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของผู้ขายหรือบริการที่จะซื้อ
  3. สามารถต่อรองราคาได้ในบางกรณี เนื่องจากว่าการได้รับใบเสนอราคาก่อนที่จะทำการเจรจาซื้อขายนั้น บางทีก็อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินหรือจำนวนสินค้าด้วย จึงทำให้ผู้ขายหรือบริษัทนั้นต้องยื่นใบเสนอราคาใหม่นั่นเอง
  4. สามารถใช้เป็นหลักฐานเพื่อยืนยันว่ามีค่าใช้จ่ายตามที่ใบเสนอราคาซ่อมรถยนต์แจ้งไว้เท่านั้น จึงไม่มีการบวกค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  5. สามารถเก็บเป็นข้อมูลในการเลือกใช้บริการครั้งต่อไปได้ ซึ่งในปัจจุบันจะมีทั้งในรูปแบบของกระดาษและอีเมล ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีที่จะทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายนั้นมีฐานข้อมูลใบเสนอราคาอยู่นั่นเอง

ตัวอย่างใบเสนอราคาซ่อมรถยนต์ หน้าตาเป็นอย่างไร?

ใบเสนอราคาซ่อมรถยนต์

ที่มาของรูปภาพ : https://www.phuket108.com/product-111218

สำหรับใบเสนอราคาซ่อมรถยนต์ หรือบางท่านอาจจะเรียกว่าเป็นใบคุมราคา ใบเสนอราคา หรือใบประเมินราคาค่าซ่อมรถยนต์ เป็นใบที่จะมีรายละเอียดทั้งหมดที่ต้องซ่อมรถระบุเอาไว้ โดยจะมีเป็นรายการค่าอะไหล่และค่าแรงนั่นเอง พร้อมทั้งแนบรูปถ่ายความเสียหายของรถเบื้องต้นเอาไว้ด้วย เพื่อประกอบการเสนอราคาและพิจารณาก่อนทำการจัดซ่อม ซึ่งทางศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถนั้นจะเป็นผู้ประเมินราคาให้ ส่วนทางผู้เอาประกันก็จะนำใบเสนอราคาซ่อมรถยนต์นั้นไปยื่นกับทางบริษัทประกันภัยเพื่อขออนุมัติวงเงินในการจัดซ่อม แต่ถ้าหากว่ามีส่วนต่างในเรื่องของค่าแรงหรือค่าอะไหล่ ผู้เอาประกันจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนต่างนี้เองทั้งหมด และจะต้องสำรองเงินจ่ายค่าซ่อมรถไปก่อนด้วย จากนั้นจึงรวบรวมเอกสารพร้อมทั้งรูปถ่ายในขณะที่ซ่อมรถ และรูปถ่ายรถยนต์หลังจากที่ซ่อมเสร็จแล้ว เพื่อนำมายื่นให้กับบริษัทประกันภัยและตั้งเบิกเงินมาคืนค่าซ่อมรถในลำดับถัดไป

ใบคุมเครื่อง คืออะไร?

“ใบคุมเครื่อง” เป็นใบที่แสดงถึงการรับรองมาตรฐานและคุณภาพของรถยนต์ รวมไปถึงการระบุหมายเลขเครื่องยนต์ การนำเข้า และการเสียภาษีด้วย

การนำรถเข้าซ่อมที่อู่ มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?

  1. ยื่นเอกสารนัดซ่อมให้เรียบร้อย เนื่องจากว่าจะต้องนำรถเข้าอู่ทั้งหมด 2 รอบ โดยรอบแรกจะเป็นการยื่นเอกสารและตรวจสอบสภาพรถ เพื่อให้ทางศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถนั้นทำใบเสนอราคาซ่อมรถยนต์ให้กับทางบริษัทประกันภัย ซึ่งจะใช้เวลาโดยประมาณ 3-5 วัน หลังจากนั้นทางศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถจะโทรมาแจ้งความคืบหน้าและนัดซ่อมจริงในรอบถัดไป และจะต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่ ทะเบียนรถยนต์ กรมธรรม์ประกันภัย และใบเคลม
  2. จัดการเก็บของมีค่าออกจากรถให้หมด เพื่อเคลียร์รถให้โล่งและเพื่อความปลอดภัยของทรัพย์สินมีค่า เนื่องจากว่าทางศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถยนต์มักจะไม่รับผิดชอบในเรื่องนี้ ดังนั้นถ้าหากว่าทรัพย์สินของคุณเกิดการสูญหายขึ้นมา ก็มีโอกาสน้อยมากที่จะยังอยู่ที่เดิมหรือไม่หายไปไหน
  3. ตรวจเช็กร่องรอยเดิมที่มีอยู่แล้วบนตัวรถให้ละเอียด ว่ามีร่องรอยอยู่บริเวณใดบ้าง พร้อมทั้งถ่ายรูปภาพที่เป็นภาพรวมของรถ รวมไปถึงบริเวณที่มีร่องรอยเก็บไว้ด้วยก็ยิ่งดี เพราะถ้าหากว่ามีรอย ตำหนิใหม่เกิดขึ้นบนตัวรถ เราก็จะได้มีหลักฐานเอาไว้ใช้ในการยืนยันความถูกต้อง และสามารถเรียกร้องความรับผิดชอบจากศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถได้นั่นเอง
  4. พยายามไม่เติมน้ำมันไว้เต็มถัง ควรเติมน้ำมันไว้ประมาณหนึ่งก็เพียงพอ เพื่อที่จะได้ให้ช่างใช้ซ่อมรถและทดสอบรถได้
  5. แนะนำว่าให้เลือกศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถที่อยู่ใกล้บ้านและไว้วางใจได้จะดีที่สุด แต่ถ้าหากว่าต้องการบริการที่ได้มาตรฐาน พร้อมทั้งมีการให้บริการที่ชัดเจน ก็ควรเลือกซ่อมที่ศูนย์บริการจะดีที่สุด เนื่องจากว่าตรวจสอบได้ง่าย พบเห็นปัญหาได้น้อยกว่า และมีประกันหลังซ่อมรถด้วย
  6. สอบถามค่าบริการและรายละเอียดต่าง ๆ ให้ชัดเจนก่อนที่จะทำการเข้าซ่อมจริง เนื่องจากว่าจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลังจากที่ซ่อมเสร็จแล้วนั่นเอง
  7. หลังจากที่ได้มีการนำรถเข้าซ่อมแล้ว ทางศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถจะต้องให้ “ใบรับรถ” กลับมาด้วย เพราะถือเป็นหลักฐานสำคัญที่จะใช้ในการยืนยันว่ารถของเรานั้นอยู่ในความดูแลของทางศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถแล้ว เพราะฉะนั้นหากเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ขึ้นมาในระหว่างที่ซ่อมรถ ทางศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด อีกทั้งควรเช็กรายละเอียดต่าง ๆ ในใบรับรถว่าถูกต้องและครบถ้วน เช่น รายการที่ต้องซ่อม เลขไมล์ ปริมาณน้ำมันคงเหลือ รอยตำหนิรอบคัน เป็นต้น และในวันรับรถก็อย่าลืมนำใบรับรถมาด้วยทุกครั้ง

คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย

ควรเลือกทำประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนดี เพื่อรับความคุ้มครองเพิ่มเติม?

อุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งผลที่ตามมาย่อมมีแต่โทษมากมาย เช่น ค่าใช้จ่ายจากการรักษาพยาบาล หรือค่าใช้จ่ายจากการซ่อมแซมรถยนต์ ดังนั้นการทำประกันภัยรถยนต์ติดไว้ก็จะสามารถช่วยผ่อนจากหนักให้กลายเป็นเบาได้ และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหมั่นต่อประกันอยู่เสมอไม่ให้ขาด และสำหรับลูกค้าท่านใดที่ต้องการจะเน้นไปที่ความคุ้มครองของตัวรถและผู้ขับขี่แบบสูงสุด การเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ควรทำมากที่สุด เพราะว่าจะได้รับความคุ้มครองทั้งตัวคู่กรณีและตัวผู้เอาประกันเอง หรือถ้าไม่มีคู่กรณีก็ยังคุ้มครองอีกด้วยสำหรับในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา อีกทั้งยังคุ้มครองค่าเสียหายของรถและค่ารักษาพยาบาลได้อีก เพราะว่ารถยนต์ก็ต้องการการดูแลเอาใจใส่ที่ดีไม่แพ้รถมอเตอร์ไซค์เหมือนกัน โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีราคาแพงนั้นประกันภัยชั้น 1 ก็จะถือว่าตอบโจทย์และครอบคลุมในทุกความต้องการได้มากที่สุดอีกด้วย

ซื้อประกันรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?

อันดับแรกเลยคือลูกค้าจะสามารถมั่นใจได้อย่างเต็มที่ว่าจะได้รับสิทธิพิเศษตั้งแต่เริ่มวางแผนซื้อประกันภัยกับทางแรบบิท แคร์ เพราะว่าแรบบิท แคร์ นั้นมีระบบเปรียบเทียบแผนประกันออนไลน์ที่ใช้งานง่าย รวดเร็วทันใจ ใช้เวลาเพียงแค่ 30 วินาที ก็สามารถที่จะรู้ราคาของประกันภัยรถยนต์ในแต่ละบริษัทประกันภัยมากกว่า 15 บริษัทชั้นนำทั่วประเทศได้เลย ทำให้ลูกค้าได้เลือกสรรแผนประกันภัยที่ตอบโจทย์และได้ตรงตามความต้องการมากที่สุด อีกทั้งยังสามารถเลือกผ่อนชำระค่าเบี้ยประกันเป็นแบบเงินสดได้ทุกชั้นประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นประกันภัยชั้น 1, ประกันภัยชั้น 2+, ประกันภัยชั้น 2, ประกันภัยชั้น 3+ และประกันภัยชั้น 3 ได้สูงสุดถึง 10 งวดด้วยกัน ดังนั้นหากไม่มีบัตรเครดิตก็สามารถเลือกผ่อนได้แบบสบาย ๆ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ แรบบิท แคร์

ความคุ้มครองประกันรถยนต์

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา