Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ นโยบายคุกกี้

รถโฟวิลคืออะไร และมีประโยชน์แตกต่างจากรถยนต์ประเภทอื่นอย่างไร?

รถโฟวิล คืออะไร?

จากเว็บไซต์ ToyotaSure ได้พูดถึงความหมายของรถโฟวิลไว้ว่า รถโฟวิลจัดอยู่ในรถยนต์ประเภท 4WD หรือรถยนต์ที่มีระบบการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ (4 Wheel Drive) ที่มีความเสถียรสูง และมักจะถูกนิยมใช้ในรถยนต์ SUV ขนาดใหญ่ที่เหมาะกับการขับขี่แบบออฟโรด ขับขี่บนทางลาดชัน ขับขี่ในเมือง และขับขี่บนถนนที่ลื่นกว่าปกติ และนอกจากนี้ยังมีระบบการขับเคลื่อนอีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกกันว่า AWD (All Wheel Drive) อยู่ในรถยนต์ประเภทที่มีระบบการขับเคลื่อนเป็นแบบ Full Time หรือขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อตลอดเวลานั่นเอง โดยจะถือว่าเป็นระบบการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพสูง มีคุณสมบัติในการยึดเกาะถนนได้ดีมากกว่าระบบการขับเคลื่อนประเภทอื่น ๆ จึงเหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองหรือการขับขี่บนทางปกติ ดังนั้นใครที่สนใจรถโฟวิลก็สามารถสอบถามข้อมูลของเครื่องยนต์และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้อีกครั้งกับทางค่ายรถยนต์หรือผู้ผลิต ส่วนรถโฟวิลราคาก็มีหลายระดับให้ได้เลือก หากชื่นชอบรุ่นใดแนะนำให้สอบถามโดยตรงกับทางตัวแทนจำหน่ายได้เลย

รถโฟวิล (4WD) มีระบบการขับเคลื่อนกี่โหมด?

ในปัจจุบันจะมีทั้งหมด 3 โหมดหลัก ได้แก่

  • โหมดการขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติ
    โดยที่ในระบบนี้ ทางผู้ขับขี่จะสามารถกดปุ่มเปิด-ปิดระบบได้อย่างเดียว แต่ว่าไม่สามารถเลือกโหมดการใช้งานได้ ดังนั้นจากการขับเคลื่อนของรถโฟวิลแบบ 2 ล้อ ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นระบบการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ก็ต่อเมื่อมีการส่งพลังการขับเคลื่อนไปยัง 4 ล้อแบบอัตโนมัติ ซึ่งข้อเสียของระบบการขับเคลื่อนแบบอัตโนมัตินี้คือจะมีล้อข้างใดข้างหนึ่งที่หมุนฟรีหรือล้อลื่นนั่นเอง
  • โหมดการขับเคลื่อนแบบฟูลไทม์ (Full-time 4WD)
    สำหรับระบบการขับเคลื่อนแบบนี้ จะเป็นระบบของเครื่องยนต์ที่จะคอยส่งกำลังไปยังล้อรถอยู่ตลอดเวลา และจะกระจายไปยังล้อรถทั้ง 4 ล้อเลย ดังนั้นจึงมีชุดกระจายกำลังที่คอยทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแบ่งถ่ายกำลังขับเคลื่อนให้มีความสมดุลกันระหว่างเพลาล้อข้างหน้าและเพลาล้อข้างหลัง เพราะฉะนั้นระบบการขับเคลื่อนแบบฟูลไทม์นี้จึงมีคุณสมบัติช่วยให้ผู้ขับขี่นั้นควบคุมรถได้ดีมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพถนนแบบใดก็เอาอยู่
  • โหมดการขับเคลื่อนแบบพาร์ทไทม์ (Part-time 4WD)
    ในระบบการขับเคลื่อนแบบนี้ ทางผู้ขับขี่จะสามารถเปลี่ยนโหมดการใช้งานได้ตามความชอบและตามสภาพของถนน ซึ่งจะสามารถเลือกได้ว่าจะใช้เป็นโหมด 2WD หรือ 4WD ดังนั้นระบบการขับเคลื่อนแบบพาร์ทไทม์นี้จึงจะเหมาะสำหรับสภาพถนนที่ขรุขระ หรือเป็นการขับขี่แบบออฟโรดนั่นเอง

ระบบขับเคลื่อนของรถยนต์มีทั้งหมดกี่ประเภท?

ในปัจจุบันจะมีทั้งหมด 4 ประเภท ดังนี้

1. ระบบขับเคลื่อนแบบล้อหน้า (Front Wheel Drive : FWD)
จะพบเห็นได้ทั่วไปในรถยนต์เกือบทุกประเภท เนื่องจากว่าระบบขับเคลื่อนแบบล้อหน้านั้นจะให้อัตราเร่งที่ค่อนข้างดี แต่ประสิทธิภาพในการขับขี่ก็อาจจะไม่ค่อยดีเท่าระบบอื่น อันเนื่องมาจากภาระของรถที่จะตกไปอยู่ทางด้านหน้าของรถยนต์เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนัก การบังคับเลี้ยว หรือภาระของล้อหน้าที่มากกว่าระบบการขับเคลื่อนอื่น ๆ เป็นต้น และด้วยภาระของล้อหน้าที่ทำหน้าที่หนักนั้น จึงมักจะทำให้การควบคุมรถในกรณีที่มีการหักเลี้ยวฉุกเฉินนั้นเกิดการเสียหลักได้โดยง่าย แต่ถ้าหากว่าเป็นการใช้ขับขี่ในชีวิตประจำวันก็จะไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ซึ่งส่วนใหญ่ระบบการขับเคลื่อนแบบนี้มักจะพบในรถญี่ปุ่นเกือบทุกแบรนด์

2. ระบบขับเคลื่อนแบบล้อหลัง (Rear Wheel Drive : RWD)
หลักการทำงานในระบบการขับเคลื่อนแบบล้อหลังนี้ จะเป็นการส่งกำลังของเครื่องยนต์โดยผ่านเพลาไปยังล้อหลังเท่านั้น ซึ่งจะพบได้มากในรถสัญชาติยุโรปและรถญี่ปุ่นบางแบรนด์ ดังนั้นข้อดีของระบบการขับเคลื่อนแบบนี้คือจะช่วยให้มีการออกตัวของรถยนต์ที่ทำได้ดี เข้าโค้งได้แม่นยำ มีอัตราเร่งดี ขับสนุก กระฉับกระเฉง และจะกระจายน้ำหนักได้ดีกว่าระบบการขับเคลื่อนในรูปแบบอื่น ๆ

3. ระบบขับเคลื่อนแบบ All Wheel Drive (AWD)
จะแตกต่างไปจากระบบขับเคลื่อนแบบ 4WD เนื่องจาก AWD จะเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์ หรือขับเคลื่อนทั้ง 4 ล้อตลอดการขับขี่นั่นเอง ดังนั้นจึงจะมีข้อดีตรงที่มีให้กำลังในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ใช้งานได้อย่างครอบคลุม มีสมดุลรถที่ดี และสามารถยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยมเช่นเดียวกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะมีข้อเสียในเรื่องของอัตราเร่ง และน้ำหนักของรถยนต์ที่มากขึ้นจากส่วนประกอบของระบบขับเคลื่อน โดยเรามักจะพบเห็นได้ในรถยนต์ประเภท SUV

4. ระบบขับเคลื่อนแบบ Four Wheel Drive (4WD)
เป็นระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์ นั่นก็คือจะไม่ได้ขับเคลื่อนด้วย 4 ล้อตลอดเวลานั่นเอง ซึ่งในรถยนต์ประเภทนี้จะสามารถเลือกโหมดการใช้งานได้ด้วยตนเอง ดังนั้นจึงมีข้อดีตรงที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับใช้โหมดการขับขี่ที่หลากหลายตามการใช้งานได้เลย ไม่ว่าจะขับในเมือง บนทางลาดชัน หรือบนถนนขรุขระก็เอาอยู่ โดยส่วนมากเรามักจะพบเห็นระบบขับเคลื่อนประเภทนี้ในรถสปอร์ต รถ PPV หรือรถ Pickup เป็นต้น

วิธีการขับรถโฟวิลให้ปลอดภัย มีอะไรบ้าง?

อันดับแรกให้เราประเมินสถานการณ์ก่อนว่ากำลังจะขับขี่บนพื้นผิวถนนแบบใด แล้วจึงค่อยปรับการขับขี่ให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ดังนี้

  • ขับรถโฟวิลบนทางลาดชัน
    อันดับแรกปรับเบาะให้สามารถมองเห็นทัศนวิสัยได้ดีขึ้น จากนั้นคาดเข็มขัดนิรภัยพร้อมปรับกระจกข้างลง และใช้ Walking Speed ในการขับขี่โดยไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์
  • ขับรถโฟวิลข้ามน้ำ
    ในกรณีนี้จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาได้ ดังนั้นไม่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย ปิดแอร์ ปรับกระจกข้างลงให้สุด เพื่อที่จะได้ใช้เป็นทางออกฉุกเฉินในการออกมาได้ จากนั้นให้ประเมินว่าระดับน้ำลึกมากน้อยเพียงใดต่อการที่จะขับรถข้ามไป เพราะระดับน้ำลึกที่สามารถขับลุยไปได้คือจะต้องมิดยางรถยนต์พอดี หากลึกกว่านี้ควรหลีกเลี่ยงที่จะขับลุยไป
  • ขับรถโฟวิลบนพื้นทราย
    พยายามรักษารอบเครื่องให้คงที่มากที่สุดโดยใช้ Walking Speed ในการขับขี่ เพราะถ้าเหยียบคันเร่งมากจนเกินไป มันจะไปทำให้ล้อรถเกิดการขุดทรายแล้วฝังล้อรถไปในตัวทันที
  • ขับรถโฟวิลบนพื้นหินขรุขระ
    เวลาขับขี่ควรให้ยางสัมผัสกับหินแบบเต็มหน้ายาง และพยายามไม่ให้แก้มยางเบียดกับหินจนเกินไป รวมไปถึงกับปรับโช้กอัพให้อ่อนลงถ้าหากว่าใช้โช้กอัพได้

ประกันภัยสำหรับรถโฟวิลจะแตกต่างไปจากประกันภัยสำหรับรถยนต์ธรรมดาหรือไม่?

สำหรับ ประกันภัยรถยนต์ ระหว่างรถธรรมดาและรถโฟวิลนั้นจะไม่ได้มีความแตกต่างกันเลย ในแผนกรมธรรม์ยังมีให้เลือกทั้งแบบชั้น 1, ชั้น 2+, ชั้น 3+, ชั้น 2 และชั้น 3 เช่นเดิม ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าประกันภัยรถโฟวิลนั้นจะมีความยุ่งยากมากกว่าประกันภัยรถยนต์ธรรมดา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะแนะนำว่าให้เลือกทำเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ไปเลยสำหรับรถโฟวิล เพราะด้วยความที่เป็นรถสำหรับการผจญภัย ลุยป่า ลุยน้ำ ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดปัญหาจากอุบัติเหตุก็จะมีมากกว่ารถธรรมดาทั่วไป ดังนั้นเพื่อความสบายใจว่าเราจะสามารถส่งเคลมกับทางบริษัทประกันภัยได้ ประกันภัยชั้นนี้จึงเหมาะสมมากที่สุดทั้งในเรื่องของความคุ้มครองและความคุ้มค่าของเบี้ยประกันภัย

ความคุ้มครองประกันรถยนต์

ความคุ้มครองรถผู้ทำประกัน
ประเภทประกันภัย
ชั้น 1
ชั้น 2+
ชั้น 2
ชั้น 3+
ชั้น 3
ชนแบบมีคู่กรณีชนแบบมีคู่กรณี
x
x
ชนแบบไม่มีคู่กรณีชนแบบไม่มีคู่กรณี
x
x
x
x
ไฟไหม้ไฟไหม้
x
x
รถหายรถหาย
x
x
ภัยธรรมชาติภัยธรรมชาติ
x
x
ช่วยเหลือ 24 ชม. ช่วยเหลือ 24 ชม.
x
x
x
ซื้อประกันรถยนต์   
คลิก
คลิก
คลิก
คลิก
คลิก
ความคุ้มครองอื่นๆ ครอบคลุมทุกชั้นประกัน
คุ้มครองคู่กรณี และทรัพย์สินคู่กรณี
อุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาลบุคคลที่สาม
คุ้มครองชิวิตบุคคลที่สาม
คุ้มครองชีวิตผู้ขับขี่
ค่ารักษาพยาบาลตัวผู้ขับขี่
การประกันตัวผู้ขับขี่

คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย

รถโฟวิลควรเลือกทำเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนดี?

ถ้าหากว่าเป็นรถโฟวิล 4 ประตูที่จะต้องมีการใช้งานแบบสมบุกสมบันแบบนี้ ความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับรถยนต์นั้นก็จะมีตามมามากเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นการตัดสินใจเลือกทำเป็น ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นั้นก็จะถือว่าเป็นการซื้อความคุ้มครองที่จะทำให้ผู้ขับขี่สบายใจมากที่สุด เพราะว่านอกจากจะได้รับความคุ้มครองแบบสูงสุดทั้งในแบบที่มีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณีก็ตาม รวมไปถึงในกรณีที่รถยนต์สูญหาย รถยนต์ไฟไหม้ รถยนต์น้ำท่วม ก็ล้วนแล้วแต่จะได้รับความคุ้มครองในทุกกรณี ดังนั้นจึงเป็นการช่วยเพิ่มความมั่นใจและความสบายใจให้กับผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี

ซื้อประกันรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?

นอกจากคุณจะได้รับแผนประกันภัยที่ตอบโจทย์ตามความต้องการของคุณแล้ว ในเรื่องของราคาก็คุ้มค่ามากเช่นเดียวกัน เพราะแรบบิท แคร์ เรามีข้อเสนอจากบริษัทชั้นนำที่จะให้คุณได้เลือกสรรแบบหลากหลาย อีกทั้งยังมีสิทธิประโยชน์เฉพาะที่แรบบิท แคร์ มาให้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความอุ่นใจในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น สามารถคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมกับรับข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่เว็บไซต์ แรบบิท แคร์

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา