ไฟตัดหมอก จำเป็นแค่ไหน? และควรเปิดใช้ในเวลาใด?
ในการขับรถยนต์เพื่อเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ นั้น ย่อมต้องมีช่วงเวลาที่จะพบเจอกับสถานการณ์ของความมืด, ฟ้าฝนไม่เป็นใจอยู่บ้าน ซึ่งนั่นก็ทำให้รถยนต์จำเป็นที่จะต้องมีตัวช่วยเพื่อสร้างความปลอดภัย และมั่นใจในการขับขี่มากยิ่งขึ้น โดยหนึ่งในนั้นก็คือไฟตัดหมอกนั่นเอง
ไฟประเภทนี้เป็นหนึ่งในไฟที่มีความสำคัญต่อการขับขี่เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นไฟที่จะช่วยให้มองเห็นทัศนวิสัยได้ดียิ่งขึ้นช่วงเวลาที่มองไม่เห็นทาง หรือมีสิ่งบดบังสายตาซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าไฟชนิดนี้มีความสำคัญมากขนาดไหน และไฟตัดหมอกมีสัญลักษณ์แบบใด, การใช้งานไฟตัดหมอกเปิดยังไง วันนี้เรามีคำตอบมาฝากผู้ใช้รถใช้ถนนมือใหม่ให้ได้ทราบกัน
ไฟตัดหมอก คืออะไร?
ไฟตัดหมอกคือไฟขนาดเล็กที่รองลงมาจากไฟหน้ารถ โดยส่วนมากแล้วไฟชนิดนี้เปรียบเสมือนกับออปชันที่เป็นส่วนเสริมของรถยนต์ แต่ก็จะเป็นออปชันเสริมที่มีการติดตั้งมาให้แล้วตั้งแต่ซื้อรถยนต์ โดยบางคนก็จะนำมาติดตั้งเพิ่มเติมภายหลังซึ่งอาจจะเลือกใช้เป็นไฟสำหรับตัดหมอกในการใช้งานได้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามคุณสมบัติของไฟตัดหมอกก็คือให้แสงสว่างที่ชัดเจนและหลอดไฟที่ใช้จะเป็นหลอดขนาด H3 ซึ่งหลอดไฟประเภทนี้จะเป็นชนิดเดียวกันกับที่ใช้ในสปอตไลต์ด้วย โดยที่กำลังไฟแม้ว่าจะน้อยกว่าแต่ประสิทธิภาพในการให้แสงสว่างของไฟที่ใช้ตัดหมอกต้องบอกเลยว่ามีมากกว่า และเมื่อใช้งานก็จะช่วยสร้างทัศนวิสัยที่เห็นเด่นชัดให้เพิ่มมากขึ้นได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นการเปิดใช้ไฟชนิดนี้ ยังคงมีผู้คนบางกลุ่มที่มองว่าไม่ควรเปิดใช้งาน นั่นก็เพราะไฟสำหรับตัดหมอกหากเปิดผิดที่ผิดเวลา ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการของผู้ใช้งานที่อาจจะเปิดผิดเวลาทำให้การเปิดใช้หลอดไฟสำหรับตัดหมอกส่องแสงไปรบกวนสายตาผู้ใช้งานบนท้องถนน ซึ่งปัจจุบันในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ นอกจากจะมีไฟตัดหมอก led ที่หน้าแล้วยังมีการติดตั้งไฟชนิดนี้ที่บริเวณด้านหลังของรถยนต์ให้อีกด้วย
ไฟตัดหมอกมีความสำคัญหรือไม่?
สำหรับไฟชนิดนี้ต้องบอกเลยว่ามีความสำคัญมากทีเดียว เพราะเป็นอุปกรณ์ที่มีความปลอดภัยมากสำหรับการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดใช้งานในขณะขับขี่ที่มีฝนตกหนัก หรือทัศนวิสัยแย่อย่างเห็นได้ชัดอย่างเช่น หมอกลงหนาการเปิดไฟตัดหมอกจะช่วยเพิ่มแสงสว่างและการกระจายแสงให้เกิดแนวระนาบที่กว้างขึ้น ช่วยให้มองเห็นเส้นทางและผู้ขับขี่บนท้องถนนเองก็จะมีความปลอดภัยร่วมกันด้วย
การใช้งานไฟตัดหมอก
หลายคนที่ใช้รถยนต์มานานก็จะเข้าใจว่าไฟชนิดนี้ใช้งานได้ไม่ยาก แต่ก็ยังมีหลายคนที่ยังงงอยู่การใช้งาน ไฟสำหรับตัดหมอกจะต้องเปิดใช้งานอย่างไร หรือไฟตัดหมอกมีสัญลักษณ์แบบไหน ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าการใช้งานไฟประเภทนี้ไม่ใช่เรื่องยากเปิดใช้งานได้ง่าย เพราะหากลองสังเกตดูจะเห็นว่าไฟตัดหมอกมีสัญลักษณ์คล้ายกันกับไฟสูง แต่จะมีเส้นโค้งตัดที่บริเวณขีดด้านหลัง ซึ่งสำหรับคนที่ไม่เข้าใจว่าไฟตัดหมอกเปิดยังไง ก็เพียงแค่บิดตัวก้านเปิดไฟหน้ารถไปที่สัญลักษณ์ดังกล่าว ก็จะเป็นการเปิดใช้งานไฟสำหรับตัดหมอกได้แล้ว ทั้งนี้สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ นั้นการเปิดไฟที่ช่วยตัดหมอกนั้นจะมีจุดสังเกตเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อยคือกรณีที่ไฟแสดงสัญลักษณ์มีเส้นหยักที่ด้านซ้าย แสดงว่าเป็นไฟที่บริเวณด้านหน้า แต่กรณีที่ไฟตัดหมอกแสดงสัญลักษณ์เส้นหยักอยู่ทางฝั่งขวาแสดงว่าเป็นไฟสำหรับตัดหมอกที่หลังรถ
ลักษณะการทำงานของไฟตัดหมอก
สำหรับการทำงานนั้นไม่ว่าจะเป็นไฟตัดหมอก led ที่เพิ่งทำการติดตั้งใหม่ หรือเป็นไฟที่ติดตั้งมาตั้งแต่ซื้อรถก็ตาม การทำงานของไฟชนิดนี้ก็จะไม่ได้แตกต่างกันแต่อย่างใด โดยจะเป็นการส่องสว่างราวกับสปอตไลต์ที่ให้แสงชัดเจน แต่จะเป็นการส่องระนาบกับพื้น หรือส่องตกพื้นที่อยู่ในระยะไกลซึ่งก็สามารถส่องไกลได้ในบริเวณที่มีฝนตกหนักมาก หรือหมอกลงหนาเป็นจำนวนมาก โดยถ้าเปิดในกรณีที่มีหมอกหนาไฟตัดหมอก led จะทำให้เกิดมุมเอียงลงต่ำเพื่อให้เกิดการสะท้อนเข้าสู่สายตาผู้ขับขี่ ซึ่งผู้ขับขี่จะมองเห็นได้ชัดขึ้นแต่จะอยู่ในพื้นที่ประมาณ 10-15 เมตร เท่านั้น
สำหรับไฟตัดหมอก led ที่ส่องขนานพื้น จะไม่มีการสะท้อนกลับมาในมุมผู้ขับขี่ แต่จะมองเห็นในระยะที่ไกลกว่าคือประมาณ 30-80 เมตร และยังส่องสว่างทะลุทะลวงได้ดีกว่าด้วย ฉะนั้นแล้วการเปิดในช่วงเวลาที่ฝนตกหนักหรือหมอกลงหนักจึงช่วยให้ความปลอดภัยที่มากขึ้น อย่างไรก็ตามหากเป็นสถานการณ์ที่วิสัยทัศน์ไม่ได้ย้ำแย่มากนัก เมื่อมีรถยนต์สวนทางมาก็ควรจะปิดไฟตัดหมอก led ลงก่อน เพื่อที่ไม่ทำให้แสงสว่างนั้นเข้าไปรบกวนสายตาในการขับขี่ของรถยนต์ที่ขับสวนทางนั่นเอง
เวลาใดบ้างที่ควรเปิดไฟตัดหมอก?
มาถึงตรงนี้เชื่อว่าส่วนใหญ่ทราบกันแล้วว่า ไฟตัดหมอกมีสัญลักษณ์หน้าตาแบบไหน และหลายๆ คนคงจะเข้าไปดูสัญลักษณ์ของไฟตัดหมอก led ที่รถยนต์ของตัวเองกันมาแล้ว ซึ่งเราก็ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า ไฟตัดหมอกเปิดยังไง และไฟตัดหมอกคืออะไร แต่ก่อนที่จะไปถึงการใช้งานจริงๆ ของไฟชนิดนี้ลองมาทำความเข้าใจกันอีกสักหน่อยดีกว่าว่า ช่วงเวลาใดที่ควรเปิดไฟสำหรับตัดหมอกบ้าง เพราะถึงแม้ว่าจะชื่อไฟที่เปิดเพื่อตัดหมอก แต่มันก็ไม่ได้มีความสำคัญแค่ในช่วงเวลาของการขับขี่ผ่านหมอกหนาเท่านั้น แต่ยังสามารถเปิดใช้งานได้กรณีที่จำเป็นต่อไปนี้สำหรับการเปิดไฟตัดหมอก คือ
1. ในกรณีที่ต้องขับขี่ขึ้นภูเขาหรือยอดเขาสูง
โดยปกติแล้วการขับขี่ขึ้นยอดเขายอดดอยนั้นก็ต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษอยู่แล้ว และยิ่งในกรณีที่ต้องขับขี่ขึ้นเขาสูงในช่วงฤดูหนาวสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือหมอกหนามากกว่าปกติ นั่นทำให้ต้องใช้การเปิดไฟสำหรับตัดหมอกเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
2. ช่วงกลางดึกที่ผ่านฝนตกหนักได้ไม่นาน
ไฟตัดหมอกคือสิ่งที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่มากขึ้นในเวลาค่ำคืนหลังจากมีฝนตกหนัก เพราะไฟตัดหมอก led นั้นจะไม่เกิดปฏิกิริยาของการสะท้อนจากน้ำที่อยู่บนพื้นถนน ต่างจากไฟหน้าปกติที่มักจะมีการสะท้อนน้ำเกิดขึ้นจะทำให้มองเห็นพื้นถนนได้ไม่ชัดเจน
3. กรณีที่มองเห็นทัศนวิสัยได้น้อยกว่า 50 เมตร
สำหรับกรณีนี้เมื่อมองเห็นทัศนวิสัยได้น้อยกว่า 50 เมตร ไม่ว่าจะมีหมอกหรือควันไฟก็ตาม ควรจะต้องเปิดใช้งานไฟตัดหมอกทันที ทั้งนี้ก็มีข้อควรระวังอยู่ว่า หากมองเห็นรถยนต์สวนทางมาให้รีบปิดไฟทันทีเพื่อป้องกันอันตรายของรถยนต์ที่ขับส่วนทางมา
ข้อกำหนดของ ไฟตัดหมอก ตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการใช้งานไฟประเภทนี้จะสามารถเปิดใช้งานได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเปิดเมื่อไรก็ได้ตามใจ เพราะมีกฎหมายระบุเอาไว้อย่างชัดเจนตาม พ.ร.บ จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 11 ว่าไฟประเภทนี้จะใช้งานได้ต่อเมื่อรถวิ่งอยู่ในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยเช่น ควัน ฝุ่น หมอก และฝนตกหนัก รวมทั้งสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการเดินทาง ซึ่งหากมีการใช้งานไฟตัดหมอกในกรณีที่นอกเหนือจากนี้แล้วมีเจ้าหน้าที่พบเห็นก็จะต้องเสียค่าปรับในทันที
เรียกได้ว่าเรื่องของ ไฟตัดหมอกคือส่วนประกอบที่สำคัญของรถยนต์เป็นอย่างมากที่มองข้ามไปไม่ได้เลยทีเดียว นอกจากนี้แล้ว การทำความเข้าใจให้เรียบร้อยก่อนสตาร์ทว่าสัญลักษณ์ของไฟประเภทนี้เป็นอย่างไร และไฟตัดหมอกเปิดยังไง ก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับทุกการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น
ความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์