Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้
info

💙 แจก Starbuck Voucher มูลค่า 800 บาทฟรี! เพียงเปิดบัญชี Webull ผ่านช่องทางของ Rabbit Care สนใจ คลิก! 💙

ค่าเสื่อมราคาคืออะไร วิธีคิดคำนวณ

ค่าเสื่อมราคารถยนต์ อาจเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนกำลังสับสนและถกเถียงกัน ซึ่งค่าเสื่อมราคารถยนต์เป็นปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้ที่ครอบครองรถยนต์ ยิ่งคุณขับรถและเป็นเจ้าของรถนานขึ้น มูลค่ารถของคุณก็จะยิ่งสูญเสียไปตามกาลเวลา โดยค่าเสื่อมราคารถยนต์มีมูลค่ามากกว่าค่าน้ำมัน ค่าบริการ ภาษี หรือแม้แต่ค่าประกันภัยรวมกันเสียอีก และในบทความนี้จะพาไปศึกษาว่าค่าเสื่อมราคารถยนต์คืออะไร มีอะไรบ้าง การคำนวนค่าเสื่อมราคารถยนต์ มีกี่วิธี คิดอย่างไร และค่าเสื่อมราคารถยนต์ ส่งผลต่อการทำประกันไหม ไปดูกันเลย

ค่าเสื่อมราคารถยนต์ คือ

ค่าเสื่อมราคา คือ ความแตกต่างระหว่างมูลค่าของรถยนต์เมื่อคุณซื้อและขาย ซึ่งมูลค่าที่ลดลงนี้จะแตกต่างกันไปตามรุ่น ยี่ห้อของรถยนต์ ระยะเวลา และการสึกหรอจากการใช้งานในชีวิตประจำวัน ยิ่งคุณขับรถมากเท่าไหร่ มูลค่ารถของคุณก็จะยิ่งลดลง (หรือเสื่อมค่าลง) เร็วขึ้นเท่านั้น โดยทั่วไปค่าเสื่อมราคานี้จะอยู่ระหว่าง 15-35% สำหรับปีแรก และอาจมีมูลค่าสูงถึง 50% หรือมากกว่านั้นในช่วงสามปีหลัง โดยเปอร์เซ็นต์ของค่าเสื่อมราคารถยนต์จะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ราคา ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและคุณภาพ ซึ่งการเลือกรถยนต์ที่สามารถคงมูลค่าไว้ได้นานจะช่วยคุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้นเมื่อระยะเวลาผ่านไป ซึ่งเป็นผลดีกว่าการเลือกซื้อในส่วนของประสิทธิของรถยนต์

ค่าเสื่อมราคา มีอะไรบ้าง

ค่าเสือมราคารถยนต์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ

1. ค่าเสื่อมราคารถยนต์ทางบัญชี

ค่าเสื่อมราคารถยนต์เป็นการรับรู้ค่าใช้จ่ายบัญชีในงบกำไรขาดทุน การคำนวณค่าเสื่อมราคาต้องคำนึงถึงปัจจัยหลัก 3 องค์ประกอบ คือ

  • ราคาทุน หรือ ราคาตั้งต้น
  • อายุการใช้งาน
  • ราคาคงเหลือ หรือ ราคาซาก

2. ค่าเสื่อมราคารถยนต์ทางภาษี

สำหรับค่าเสื่อมราคารถยนต์ทางภาษีจะเป็นเรื่องของกฏหมายที่กำหนดไว้ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยหักค่าสึกหรอ โดยพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527 ได้กล่าวไว้ว่าค่าเสื่อมของราคารถยนต์ทางภาษี ประเภทรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบที่นั่ง ต้องใช้ราคาทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท เพื่อมาคำนวณค่าเสื่อมราคาในแต่ละปี

แต่สำหรับรถทั้ง 2 ประเภทนี้ คือ รถยนต์ที่มีไว้ใช้เพื่อดำเนินกิจการในกรณีที่เป็นธุรกิจให้เช่ารถ และรถยนต์ต้นแบบที่ใช้เพื่อการวิจัย พัฒนา หรือทดสอบสมรรถนะ ให้หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคารถยนต์จากมูลค่าต้นทุนทั้งหมด

ค่าเสื่อมราคารถยนต์ กี่ปี

สำหรับสินทรัพย์ที่มีค่าเสื่อมสภาพ จะเป็นสินทรัพย์ที่มีอายุการใช้งานหลายปีและสามารถใช้งานได้ในระยะยาว ซึ่งอาจมีมูลค่าที่ค่อนข้างสูง ยกตัวอย่างเช่น ตึก อาคาร รถยนต์ เครื่องจักร อุปกรณ์ และคอมพิวเตอร์ เป็นต้น

ซึ่งในบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรกำหนด ราคาค่าเสื่อมรถยนต์ไว้ ดังนี้

  • ค่าเสื่อมราคาของตึกและอาคาร จะอยู่ที่ 20 ปี
  • ราคาค่าเสื่อมรถยนต์ และเครื่องจักร จะอยู่ที่ 5 ปี
  • ค่าเสื่อมราคาของอุปกรณ์ และคอมพิวเตอร์ จะอยู่ที่ 3 ปี

ค่าเสื่อมราคารถยนต์ กี่เปอร์เซ็นต์

ค่าเสื่อมราคารถยนต์ คือ การคำนวณหาต้นทุนว่ามีมูลค่าที่แท้จริงของรถคันนั้นเป็นจำนวนเท่าไหร่ ณ เวลาปัจจุบัน หากคุณต้องการที่จะประกาศขาย คุณก็สามารถพิจารณาได้โดยใช้ค่าเสื่อมราคารถยนต์มาคำนวณเพื่อตั้งราคาขายให้สมเหตุสมผล

ในส่วนของมาตรา 65 ทวิ ก็ได้กำหนดราคาค่าเสื่อมรถยนต์ไว้ ดังนี้

  • ค่าเสื่อมราคาของตึกและอาคาร จะอยู่ที่ปีละ 50 เปอร์เซ็นต์
  • ราคาค่าเสื่อมรถยนต์ และเครื่องจักร จะอยู่ที่ปีละ 20 เปอร์เซ็นต์
  • ค่าเสื่อมราคาของอุปกรณ์ และคอมพิวเตอร์ จะอยู่ที่ปีละ 33.33 เปอร์เซ็นต์

ค่าเสื่อมราคารถยนต์ มีกี่วิธี

ค่าเสื่อมราคารถยนต์ นิยมใช้ในการคำนวนรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 1 ปี ซึ่งการคำนวนค่าเสื่อมราคารถยนต์นี้ก็มีหลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ตามความเหมาะสมไม่ได้กำหนดตายตัว และแต่ละวิธีก็จะมีหลักการในการทำให้กำไรเพิ่มขึ้นแตกต่างกันไป

ซึ่งวิธีการคำนวณค่าเสื่อมราคารถยนต์จะประกอบไปด้วย 4 วิธี ดังนี้

1. วิธีการคำนวนค่าเสื่อมราคารถยนต์แบบเส้นตรง

การคำนวณค่าเสื่อมราคารถยนต์แบบเส้นตรง เป็นวิธีการคำนวณค่าเสื่อมราคารถยนต์ที่ได้รับความนิยมที่สุดเพราะเป็นวิธีที่ง่าย และเป็นวิธีการคำนวณที่จะทำให้ค่าเสื่อมราคาในแต่ละปีนั้นเท่า ๆ กันตามเส้นตรง ยกเว้นปีแรกกับปีสุดท้าย ที่จะไม่เต็มปี

2. วิธีการคำนวนค่าเสื่อมราคารถยนต์แบบลดลงทวีคูณ

เป็นวิธีที่การคำนวณค่าเสื่อมราคาในช่วงปีแรก ๆ จะมีจำนวนค่าเสื่อมราคามาก แล้วค่าเสื่อมราคาก็จะทยอยลดน้อยถอยลงไปตามจำนวนปีที่มากขึ้น และวิธีนี้จะไม่นำราคาซากมาคำนวณ

3. วิธีการคำนวนค่าเสื่อมราคารถยนต์แบบผลรวมจำนวนปี

เป็นวิธีการคำนวณค่าเสื่อมราคาที่มีหลักการคล้ายกับการคำนวนแบบลดลงทวีคูณ คือในปีแรก ๆ จะมีการคิดค่าเสื่อมราคารถยนต์มากและค่าเสื่อมราคารถยนต์จะทยอยลดลงในปีท้าย ๆ

4. วิธีการคำนวนค่าเสื่อมราคารถยนต์แบบจำนวนผลผลิต

เป็นวิธีการคำนวณค่าเสื่อมราคาที่ขึ้นอยู่กับผลผลิตในแต่ละปี ปีไหนที่มีผลผลิตได้มากก็จะมีค่าเสื่อมราคารถยนต์มาก หากปีไหนที่ได้ผลิตน้อยก็จะมีค่าเสื่อมราคารถยนต์น้อยลงตามไปด้วย วิธีนี้เหมาะสำหรับรถยนต์ที่เสื่อมค่าลงไปตามการใช้งาน

ค่าเสื่อมราคารถยนต์ คิดยังไง

หากคุณทำการเลือกวิธีคำนวณค่าเสื่อมราคารถยนต์วิธีใดวิธีหนึ่งแล้ว ก็ควรจะต้องใช้วิธีนั้นตลอดไปนอกจากจะได้รับการอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรจึงจะสามารถเปลี่ยนวิธีในการคำนวนค่าเสื่อมราคารถยนต์ได้อีกครั้ง สำหรับค่าเสื่อมราคารถยนต์ มีสูตร ดังนี้

1. สูตรในการคำนวณค่าเสื่อมราคารถยนต์แบบเส้นตรง

ค่าเสื่อมราคา = (ราคาต้นทุน – มูลค่าคงเหลือ) ÷ อายุการใช้งาน

  • ราคาต้นทุน คือ ราคาที่ซื้อมาของสินทรัพย์ถาวร มูลค่าในส่วนนี้จะรวมถึงต้นทุนในการทำให้สินทรัพย์ดังกล่าวมีสภาพพร้อมใช้งานด้วย เช่น ค่าขนส่ง ค่าติดตั้งเครื่องจักร เป็นต้น
  • มูลค่าคงเหลือ คือ ราคาที่คาดว่าจะขายได้ หากสินทรัพย์ดังกล่าวหมดอายุการใช้งานแล้ว หลาย ๆ คนมักเรียกว่า ราคาซาก
  • อายุการใช้งาน คือ อายุในการใช้ประโยชน์ของสินทรัพย์

2. สูตรในการคำนวณค่าเสื่อมราคารถยนต์แบบลดลงทวีคูณ

ค่าเสื่อมราคา = มูลค่าทางบัญชี x อัตราค่าเสื่อมราคา x 2

  • มูลค่าทางบัญชี = ราคาทุน – ค่าเสื่อมราคาสะสม
  • อัตราค่าเสื่อมราคา = 100 ÷ อายุการใช้งานของสินทรัพย์

3. สูตรในการคำนวณค่าเสื่อมราคารถยนต์แบบผลรวมจำนวนปี

ค่าเสื่อมราคา = (ราคาต้นทุน – มูลค่าคงเหลือ) x จำนวนปีที่เหลือ ÷ ผลรวมจำนวนปี

  • ราคาต้นทุน คือ ราคาที่ซื้อมาของสินทรัพย์ถาวร มูลค่าในส่วนนี้จะรวมถึงต้นทุนในการทำให้สินทรัพย์ดังกล่าวมีสภาพพร้อมใช้งานด้วย เช่น ค่าขนส่ง ค่าติดตั้งเครื่องจักร เป็นต้น
  • มูลค่าคงเหลือ คือ ราคาที่คาดว่าจะขายได้ หากสินทรัพย์ดังกล่าวหมดอายุการใช้งานแล้ว หลาย ๆ คนมักเรียกว่า ราคาซาก

4. สูตรในการคำนวณค่าเสื่อมราคารถยนต์ตามผลผลิต

ค่าเสื่อมราคา = (ราคาต้นทุน – มูลค่าคงเหลือ) ÷ ปริมาณผลผลิตทั้งหมด x จำนวนที่ผลิตได้ในแต่ละปี

  • ราคาทุน คือ ราคาที่ซื้อมาของสินทรัพย์ถาวร มูลค่าในส่วนนี้จะรวมถึงต้นทุนในการทำให้สินทรัพย์ดังกล่าวมีสภาพพร้อมใช้งานด้วย เช่น ค่าขนส่ง ค่าติดตั้งเครื่องจักร เป็นต้น
  • มูลค่าคงเหลือ คือ ราคาที่คาดว่าจะขายได้ หากสินทรัพย์ดังกล่าวหมดอายุการใช้งานแล้ว หลาย ๆ คนมักเรียกว่า ราคาซาก
  • ปริมาณผลิตทั้งหมด คือ จำนวนคาดการณ์ว่าสินทรัพย์จะสามารถผลิตได้ทั้งหมดเท่าไหร่ตลอดอายุการใช้งาน
  • จำนวนที่ผลิตได้ในแต่ละปี คือ จำนวนที่สินทรัพย์ดังกล่าวผลิตออกมาได้ในปีนั้น ๆ

ค่าเสื่อมราคารถยนต์ส่งผลต่อการทำประกันไหม

อายุของรถจะบ่งบอกถึงทุนประกัน และทุนประกันนั้นมีผลต่อเบี้ยประกันโดยตรง ซึ่งปกติแล้วทุนประกันนั้นจะมีจำนวนที่ลดลงทุกปี ปีละ 10% เป็นค่าเสื่อม แต่รถก็ต้องมีอายุไม่เกิน 10 ปี ซึ่งการนับอายุของรถจะเริ่มนับตั้งแต่ปีที่ซื้อโดยทันที ไม่ได้ว่าจะออกรถในช่วงต้นปี กลางปี หรือปลายปี และโดยปกติแล้วรถที่สามารถทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ได้ จะต้องมีอายุไม่เกิน 5 ปี แต่ประกันบางบริษัทอาจขยายให้ถึง 7 - 10 ปี และมีเพียงประกันไม่กี่บริษัทที่รับรถอายุถึง 20 ปี เลยทีเดียว

รถอายุเกิน 10 ปีทำประกันแบบไหนดี

สำหรับรถที่มีอายุเกิน 10 ปีสามารถทำประกันแบบไหนก้ได้ หรือจะไม่ทำก็ได้เช่นกันซึ่งจะจัดอยู่ในประเภทประกันภาคสมัครใจ แต่การจะขับรถแบบไม่มีประกันก็คงจะเสี่ยงจนเกินไป แล้วรถที่มีอายุเกิน 10 ปีควรทำแบบไหนดี

  • สำหรับการทำประกันชั้น 1 ที่ถือว่าเป็นประกัยที่ดีที่สุดนั้นอาจมีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่ทั้งนี้ก็สามารถเปรียบเทียประกันรถยนต์ก่อนตัดสินใจได้เช่นกัน
  • ส่วนประกันชั้น 2+ ก็จะมีราคาที่ถูกกว่า แต่ก็แลกมาด้วยความคุ้มครองที่น้อยกว่า เหมาะสำหรับคนที่ขับรถคล่องระดับหนึ่งแล้ว และมั่นใจว่าจะไม่เกิดการชนแบบไร้คู่กรณี อย่างการชนเสา กำแพง หรือการขับรถชนเสาไฟฟ้า
  • ประกันชั้น 3+ ก็จะมีราคาที่ถูกลง เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่มั่นใจในการขับรถของตัวเองในระดับหนึ่ง และจอดรถของเราปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการถูกลัก ขโมย
  • และประกันชั้น 3 แบบธรรมดาจะมีราคาที่ถูกที่สุด และจะคุ้มครองเพียงคู่กรณีเท่านั้น เหมาะกับคนใช้รถน้อยและไม่อยากเสียเงินค่าประกันจำนวนมาก

อ่านจนมาถึงตอนนี้ทุกคนคงรู้กันแล้วว่าค่าเสื่อมราคารถยนต์ มีความสำคัญมากแค่ไหนและเมื่อใช้วิธีการคำนวนที่แรบบิท แคร์ให้ไปก็จะช่วยให้คุณมองเห็นผลประโยชน์และโอกาสที่จะขายรถได้มากขึ้น ซึ่งมีผลต่อกำไรที่คุณจะได้รับอีกด้วย และสำหรับรถที่มีอายุมากก็ควรจะต้องทำประกันไว้เพราะว่าอุบัติเหตุบนท้องถนนสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และหากเกิดอุบัติเหตุขั้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมต้องมีค่าใช้จ่ายตามมา การซื้อประกันรถติดไว้จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา เพราะคุณจะได้ความคุ้มครองมากมายทั้ง เงินชดเชยความเสียหายต่อทรัพย์สินคู่กรณี ค่าซ่อมรถยนต์ของคุณ ค่ารักษาพยาบาลส่วนเกินจาก พ.ร.บ. ซึ่งการที่คุณยอมจ่ายเบี้ยประกันรถยนต์เพียงไม่กี่บาทต่อปี ย่อมคุ้มค่ากว่าเสียเงินก้อนใหญ่เมื่อเกิดอุบัติเหตุอย่างแน่นอน ดังนั้นประกันภัยรถยนต์จึงเป็นสิ่งจำเป็นและต้องหมั่นต่อประกันอยู่เสมอ

คุณสามารถเช็คราคาประกันภัยรถและเปรียบเทียบประกันรถยนต์ได้ง่าย ๆ เสร็จภายในไม่กี่นาทีกับเราแรบบิท แคร์ โบรกเกอร์ประกันรถออนไลน์ที่ให้แคร์คุณที่สุด รับรองว่าคุณจะได้เบี้ยประกันรถที่ถูกใจ บนความคุ้มครองที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน

ความคุ้มครองประกันรถยนต์

ตารางความคุ้มครอง    
 
ผลประโยชน์ 
ประกันรถยนต์ ชั้น 1ประกันรถยนต์ ชั้น 2+ประกันรถยนต์ ชั้น 2ประกันรถยนต์ ชั้น 3+ประกันรถยนต์ ชั้น 3
คู่กรณี
บุคคล ✔️✔️✔️✔️✔️
ทรัพย์สินของคู่กรณี✔️✔️✔️✔️✔️
รถของผู้เอาประกันภัย
การชนแบบมีคู่กรณี✔️✔️✔️
การชนแบบไม่มีคู่กรณี✔️
ไฟไหม้✔️✔️✔️
รถหาย✔️✔️✔️
ภัยธรรมชาติ✔️✔️✔️
ช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง✔️✔️
ความคุ้มครองชีวิตจากอุบัติเหตุส่วนบุคคล
อุบัติเหตุส่วนบุคคล✔️✔️✔️✔️✔️
การรักษาพยาบาล✔️✔️✔️✔️✔️
การประกันตัวผู้ขับขี่✔️✔️✔️✔️✔️

หมายเหตุ

  • ความคุ้มครองจากภัยธรรมชาติ สำหรับประกันรถยนต์ชั้น 2+ และ 3+ ขึ้นอยู่กับแพคเกจประกันรถยนต์ของบริษัทนั้นๆ
  • ให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง จำกัดเฉพาะรถยนต์ส่วนบุคคล อายุรถไม่เกิน 15 ปี เท่านั้น

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา