สเกิร์ตรถยนต์คืออะไร และมีความสำคัญต่อรถยนต์อย่างไรบ้าง?

สำหรับสเกิร์ตรถยนต์ (Skirt) ถือว่าเป็นของตกแต่งรถยนต์รูปแบบหนึ่ง ที่จะใช้เพื่อความสวยงามตามความชอบของเจ้าของรถในแต่ละคน โดยจะติดอยู่ด้านข้างของรถยนต์และจะมีลักษณะคล้ายกันกับกระโปรงรถยนต์ ซึ่งจะมีทั้งสเกิร์ตรอบคัน สเกิร์ตหน้า และสเกิร์ตข้าง ซึ่งการติดตั้งสเกิร์ตรถนั้นเริ่มต้นขึ้นมาจากวงการรถแข่ง ที่มีการติดสเกิร์ตต่อลงมาจากกันชนหน้าหลังที่มีความหนาตั้งแต่ 2-3 นิ้วขึ้นไป และนอกจากนี้รถที่ติดสเกิร์ตนั้นจะมีคุณสมบัติในการเกาะถนนได้ดีเยี่ยม อีกทั้งยังช่วยให้มีการทรงตัวที่ดีในสภาวะที่รถวิ่งด้วยความเร็วสูงทั้งทางตรงและทางโค้ง เนื่องจากว่าการติดสเกิร์ตนั้นจะช่วยลดแรงดันอากาศที่ลอดใต้ท้องรถในขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังส่งผลทำให้เกิดแรงยกกับตัวรถได้ด้วย และอาจจะเกิดอันตรายสำหรับรถที่ขับขี่ด้วยความเร็วสูงด้วยนั่นเอง ดังนั้นวัตถุประสงค์ของการติดสเกิร์ตจึงใช้เพื่อความสวยงามเป็นหลัก

จากที่กล่าวไปข้างต้นก็จะพบได้ว่าสเกิร์ตนั้นมีส่วนสำคัญที่มากกว่าแค่เรื่องความสวยงาม นั่นก็คือการเพิ่มแรงกดให้กับรถยนต์ของเรา และทำให้รถยนต์ของเรานั้นเกิดการทรงที่ดีมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นไปตามหลักการพลศาสตร์ที่ลมผ่านใต้ท้องรถได้น้อยลงในขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่ และนอกจากนี้ยังช่วยให้รถยนต์มีการเกาะถนนที่ดีมากยิ่งขึ้น ทำให้มั่นใจได้ในทุกการเข้าโค้งหรือจะเป็นทางตรงก็เอาอยู่เช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามเพื่อประสิทธิภาพที่ดี ก็จะต้องเป็นการวิ่งด้วยอัตราความเร็วตั้งแต่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไปจึงจะเห็นผลนั่นเอง แต่ถ้าหากเป็นการขับขี่แบบปกติก็จะไม่มีผลแต่อย่างใด นอกเสียจากความสวยงามเท่านั้น อีกทั้งสเกิร์ตรถยังช่วยป้องกันไม่ให้ชิ้นส่วนของรถเสียหายจนเป็นรอยขึ้นมา เวลาที่ต้องขับรถขึ้นลงทางลาดชัน หรือเวลาตกหลุมแล้วกระแทกแรง ๆ เพราะว่าสเกิร์ตจะโดนก่อนเป็นด่านแรก จึงสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นมาต่อรถยนต์ได้นั่นเอง

จากข้อมูลในบทความ “สเกิร์ตแต่งรอบคัน จริง ๆ แล้วมันมีไว้ทำไม?” ในเว็บไซต์ chobrod ได้พูดถึงส่วนประกอบของสเกิร์ตรอบคันไว้ว่า สเกิร์ตรอบคันจะมีทั้งหมด 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่

• ส่วนหน้า (Front Lip) เป็นส่วนที่ต่อยื่นลงมาจากกันชนหน้า จึงมักจะนิยมเรียกกันว่า “ลิ้นหน้า”
• สเกิร์ตข้างซ้ายและข้างขวา (Side Skirt) เป็นส่วนที่ต่อยื่นลงมาที่ด้านข้างของตัวรถ คือด้านซ้ายและด้านขวา หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “ลิ้นข้าง”
• ส่วนหลัง (Rear Lip) เป็นส่วนที่ต่อยื่นลงมาจากกันชนหลัง หรือเรียกกันอีกชื่อว่า “ลิ้นหลัง”

ในปัจจุบันนี้ทางศูนย์บริการรถยนต์มักจะมีเสนอเกี่ยวกับชุดแต่งรถหรือสเกิร์ตรอบคันมาให้ลูกค้าได้เลือกกันอยู่แล้ว และสำหรับสเกิร์ตรอบคันก็จะมีให้เลือกจากหลากหลายวัสดุ ไม่ว่าจะเป็นวัสดุที่ทำมาจากพลาสติก ซึ่งก็จะมีข้อดีตรงที่สามารถทนแรงบิดงอได้มากกว่าแบบอื่น แต่ถ้าเป็นตามร้านข้างนอกก็มักจะใช้วัสดุที่ผลิตมาจากไฟเบอร์ ซึ่งก็จะใช้เป็นไฟเบอร์ทั่วไปที่มีข้อเสียหลัก ๆ นั่นก็คือจะแตกหักได้ง่ายเมื่อเจอกับแรงกระแทก แต่ข้อดีก็คือจะสามารถซ่อมแซมได้ตามปกติ ส่วนวัสดุอีกหนึ่งอย่างที่มักจะนิยมใช้กันในหมู่ขาซิ่งนั่นก็คือคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งถึงแม้ว่าวัสดุประเภทนี้จะเด่นในเรื่องของน้ำหนักที่เบามาก แต่ก็จะเน้นไปที่ความสวยงามมากกว่าการใช้งานอยู่ดี เพราะว่ามักจะนำมาใช้กับรถบ้านกันในส่วนใหญ่ และราคาก็จะสูงมากกว่าไฟเบอร์ธรรมดาอยู่หลายเท่าเลยทีเดียว

สำหรับสเกิร์ตหน้าจะอยู่ที่บริเวณข้างหน้ารถ ซึ่งจะคอยช่วยเพิ่มแรงกดไปยังส่วนหน้าของรถยนต์ ส่งผลทำให้มีการยึดเกาะถนนได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเลี้ยวเข้าโค้งในขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่ในอัตราความเร็วที่สูง
ส่วนสเกิร์ตข้างก็เช่นเดียวกัน โดยจะมีการติดตั้งที่ด้านข้างของรถยนต์ทั้ง 2 ข้าง ทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา เพื่อให้เกิดแรงกดทั้ง 2 ข้างของรถยนต์ และเกิดความสมดุลของรถยนต์ในขณะที่กำลังขับขี่ อีกทั้งยังช่วยลดแรงดันอากาศที่ลอดใต้ท้องรถในขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
และในส่วนของสเกิร์ตหลังก็เช่นเดียวกัน เพื่อให้เกิดความสมดุลกับข้างหน้า จึงมีการติดสเกิร์ตที่ด้านท้ายของรถยนต์ เพื่อเพิ่มแรงกดบริเวณท้ายรถยนต์ ช่วยให้รถยนต์นิ่งขึ้น ไม่เกิดอาการแกว่งไปแกว่งมาในขณะที่กำลังขับขี่ด้วยความเร็วสูงนั่นเอง

อันดับแรกจะต้องมาดูกันก่อนว่ารถยนต์ของคุณเข้าข่ายทำผิดกฎหมายในเรื่องของการแต่งสเกิร์ตรถหรือไม่ เพราะทางบริษัทประกันภัยจะมีการพิจารณาว่าเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากการทำผิดกฎหมายนั่นเอง เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นจะสามารถยื่นเคลมได้เฉพาะในกรณีที่เป็นความเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุหรือภัยธรรมชาติเท่านั้น แต่ถ้าหากว่าความเสียหายนั้นเกิดขึ้นมาจากการเสื่อมสภาพของการใช้งาน ทางบริษัทประกันภัยก็จะไม่สามารถรับเคลมให้ได้ แต่ก็จะมีอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการอยากจะได้รับความคุ้มครองในส่วนของอะไหล่รถยนต์โดยเฉพาะ คือการทำประกันอะไหล่รถยนต์ควบคู่กันไปกับการทำ ประกันภัยรถยนต์ เพราะถ้าหากเกิดความเสียหายกับอะไหล่รถยนต์ขึ้นมา เราก็สามารถที่จะแจ้งเคลมได้เลย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้อีกด้วย