Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้

🎵 เดือน 10 นี้!! Rabbit Care แจกลำโพง Marshall Emberton 2 และ Rabbit Voucher มูลค่ารวม 13,490 บาท แค่สมัครบัตรฯ UOB ผ่าน Rabbit Care คลิก! 💳

กระจังหน้ารถยนต์อยู่ตรงไหน และมีความสำคัญอย่างไรกับรถยนต์?

เมื่อพูดถึงรถยนต์หรือมองไปที่ทางด้านหนาของรถยนต์ แน่นอนว่าเราจะสังเกตเห็นได้ถึงดีไซน์และรูปลักษณ์ของรถยนต์ในแต่ละค่ายที่สวยงามแตกต่างกันไป ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราสามารถมองแล้วรู้ได้ทันทีว่าเป็นรถของค่ายอะไรนั่นก็คือโลโก้ของค่ายนั่นเอง เพราะมักจะถูกติดไว้อยู่ที่กระจังหน้ารถอย่างโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ดังนั้นเมื่อพูดถึงกระจังหน้ารถแล้วเราก็จะนึกถึงรูปทรงและดีไซน์ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละค่ายรถยนต์ แต่ถ้าจะพูดถึงหน้าที่ของกระจังหน้ารถนั้นก็จะพบว่ามีความสำคัญไม่แพ้อุปกรณ์ชิ้นอื่น ๆ ในรถยนต์เลย และสำหรับในปัจจุบันนี้เราอาจจะสังเกตเห็นได้ว่ารถยนต์นั้นไม่มีกระจังหน้าเพิ่มมากขึ้น อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและยุคสมัยที่ผู้คนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม บวกกับการช่วยกันลดมลพิษทางท้องถนนที่มากขึ้น จึงได้มีการปรับเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้นทุกปี ดังนั้นจากที่รถยนต์เคยมีกระจังหน้าเอาไว้เพื่อระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์และหม้อน้ำ ก็ได้มีการถูกปรับเปลี่ยนรูปแบบของกระจังหน้าใหม่ จากที่เคยเป็นกระจังหน้าโครเมี่ยมก็เปลี่ยนมาเป็นกระจังหน้าแบบทึบในรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแทนนั่นเอง

กระจังหน้ารถ คืออะไร?

จากเว็บไซต์ brandinside ได้พูดถึงความหมายของกระจังหน้ารถไว้ว่า สำหรับกระจังหน้ารถยนต์ (Grille) นั้นถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างของรถยนต์ ที่จะสามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่พบเห็นได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นรถยนต์ในแต่ละค่ายจึงมีการออกแบบและดีไซน์ตัวกระจังหน้ารถยนต์ให้มีเอกลักษณ์ที่สวยงามแบบเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น อีกทั้งทางวิศวกรก็จะต้องมีการออกแบบเพื่อให้เข้าถึงประโยชน์ใช้สอยได้อีกด้วย และในปัจจุบันนี้เราอาจจะพบเห็นรถยนต์ที่มีกระจังหน้าได้น้อยลง อันเนื่องมาจากกระแสนิยมของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ที่กลับกลายเป็นว่ากระจังหน้ารถนั้นไม่ได้มีความจำเป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป เพราะรถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้นไม่จำเป็นที่จะต้องมีกระจังหน้ารถแล้วนั่นเอง และที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้นไม่ได้มีการติดตั้งหม้อน้ำหรือติดตั้งเครื่องยนต์ที่จะอยู่ทางด้านหน้าของรถยนต์แล้ว ไม่เหมือนกับรถยนต์แบบเดิมที่จะมีเครื่องยนต์แบบสันดาปภายในที่จะต้องมีกระจังหน้ารถเอาไว้คอยรับอากาศเพื่อให้เข้าไปสู่หม้อน้ำรังผึ้งที่อยู่ทางด้านหน้าของรถยนต์ และจะคอยระบายความร้อนให้กับห้องเครื่องยนต์ เพื่อป้องกันการเกิด Overheat นั่นเอง

กระจังหน้ารถยนต์มีความสำคัญอย่างไร?

นอกจากกระจังหน้ารถยนต์จะมีบทบาทสำคัญในการเชื้อเชิญและดึงดูดผู้ซื้อจากดีไซน์ที่สวยงามแล้ว บทบาทสำคัญหรือหน้าที่หลักของกระจังหน้ารถคือจะช่วยระบายอากาศให้กับหม้อน้ำรถยนต์นั่นเอง ดังนั้นในเรื่องรูปลักษณ์ของกระจังหน้ารถจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยงให้เข้ากับประวัติความเป็นมาของผู้ผลิตรถยนต์ในแต่ละค่ายด้วย เพื่อทำให้รถยนต์น่าดึงดูดและน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันนี้ตัวกระจังหน้ารถจึงเปรียบเสมือนเป็นเครื่องประดับอยู่หน้ารถยนต์ อันเนื่องมาจากความโดดเด่นของการจัดองค์ประกอบกระจังหน้ารถ ทางค่ายรถยนต์ต่าง ๆ จึงมักจะออกแบบและดีไซน์ให้กระจังหน้านั้นเป็นพื้นที่ในการใส่โลโก้ของทางค่ายรถยนต์เองหลักนั่นเอง

กระจังหน้าทำมาจากวัสดุอะไร?

โดยปกติแล้วกระจังหน้าจะถูกผลิตมาจากพลาสติก ABS (Acrylonitrile-Butadiene-Styrene) ซึ่งเป็นเทอร์โมพลาสติกชนิดหนึ่งที่มักจะถูกนำมาใช้งานและผลิตขึ้นรูปเป็นส่วนประกอบในข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ อันเนื่องมาจากคุณสมบัติของพลาสติก ABS ที่มีทั้งความแข็งแรง มีความเหนียว ยืดหยุ่นกว่าไฟเบอร์ มีน้ำหนักเบา ผิวเรียบเนียน สามารถคงสภาพของรูปร่างได้ดีในทุกสภาพอากาศ ราคาถูก ทำสีได้ง่าย ทนทานต่อแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ทนทานต่อแรงเสียดสี ทนต่อความร้อน และทนต่อสารเคมีอีกด้วย ดังนั้นจึงได้รับความนิยมมากกว่าการเลือกใช้วัสดุเป็นพลาสติกธรรมดาทั่วไป

รูปแบบของกระจังหน้ารถมีอะไรบ้าง?

  • 1. แบบที่มาโรงงาน OEM จะเป็นสไตล์ของกระจังหน้าที่ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากไลน์ผลิตของค่ายรถยนต์ต่าง ๆ
  • 2. แบบที่กำหนดเอง ซึ่งกระจังหน้าในรูปแบบนี้จะสามารถกำหนดและดีไซน์รูปแบบได้ตามความต้องการ แต่จะผลิตได้ในจำนวนที่น้อยกว่าและก็จะเลือกผลิตจากวัสดุที่หลากหลายประเภทได้มากกว่านั่นเองแบบที่มาจากโรงงาน OEM นั่นเอง

วิธีดูแลรักษากระจังหน้ารถยนต์มีอะไรบ้าง?

อันดับแรกคือพยายามไม่จอดรถตากแดดหรือที่ที่มีอุณหภูมิสูงจนเกินไปเป็นระยะเวลานาน ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้กระจังหน้าเกิดการเสื่อมสภาพก่อนที่จะหมดอายุการใช้งานจริง ถึงแม้ว่าคุณสมบัติของกระจังหน้านั้นจะทนทานต่อสภาพแวดล้อมภายนอกมากเพียงใด การดูแลรักษาเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานก็เป็นเรื่องที่ดีที่เจ้าของรถควรปฏิบัติไว้ และนอกจากนี้ควรหมั่นตรวจเช็กสภาพหรือรูปทรงของกระจังหน้าว่ายังปกติดีอยู่ไหม เพราะถ้าเป็นกระจังหน้าโครเมียมอาจจะเกิดคราบสนิมขึ้นมาได้ เมื่อเวลาผ่านไปในระยะหนึ่งนั่นเอง

หากกระจังหน้ารถเกิดความเสียหายขึ้นมา แบบนี้ทางบริษัทประกันภัยจะรับเคลมไหม?

ทางบริษัทประกันภัยจะรับเคลมให้ก็ต่อเมื่อเป็นกรณีที่กระจังหน้ารถนั้นเกิดความเสียหายขึ้นมาจากภัยธรรมชาติหรือจากอุบัติเหตุ เพราะถ้าหากว่าความเสียหายนั้นเกิดขึ้นมาจากการเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนที่จะต้องเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาอยู่แล้วแบบนี้ก็จะไม่สามารถเคลมได้ เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าท่านใดที่มีความต้องการจะทำประกันอะไหล่รถยนต์ไว้โดยเฉพาะ ก็สามารถที่จะเลือกทำควบคู่ไปกับการทำประกันภัยรถยนต์แบบนี้ก็ได้เช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการอยากจะรับความคุ้มครองในชิ้นส่วนของอะไหล่รถยนต์โดยเฉพาะ ซึ่งถ้าเกิดว่ารถยนต์นั้นเกิดความเสียหายอะไรขึ้นมาก็จะได้อุ่นใจและหมดกังวลเพราะในส่วนนี้สามารถที่จะแจ้งเคลมได้เลย

จำเป็นไหมที่จะต้องมีประกันภัยภาคบังคับ?

คำตอบคือจำเป็นที่รถทุกคันนั้นจะต้องมีประกันภัยภาคบังคับ เพราะว่ารถทุกประเภทจะต้องมีการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เป็นต้น ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะได้เป็นสวัสดิการสงเคราะห์เบื้องต้นที่ทางรัฐบาลได้มอบให้กับประชาชน อีกทั้งยังใช้ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถได้ด้วย และนอกจากนี้ยังใช้เป็นหลักประกันให้กับสถานพยาบาลว่าจะได้รับค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่ผู้ประสบภัยนั้นมีการเข้ารับการรักษากับทางสถานพยาบาลด้วยนั่นเอง

และสำหรับประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) นั้นจะให้ความคุ้มครองทั้งหมด 2 กรณีด้วยกัน ได้แก่

ผู้ขับขี่เป็นฝ่ายผิด (ไม่มีใครต้องเป็นผู้รับผิด)

  • กรณีได้รับบาดเจ็บ จ่ายตามจริงไม่เกิน 30,000 บาท
  • กรณีเสียชีวิตหรือสูญเสียอวัยวะ จ่ายตามจริงไม่เกิน 35,000 บาท

ผู้ขับขี่เป็นฝ่ายถูก

  • กรณีได้รับบาดเจ็บ จ่ายตามจริงไม่เกิน 80,000 บาท
  • กรณีเสียชีวิตหรือสูญเสียอวัยวะ จ่ายสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
  • กรณีนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ได้รับวันละ 200 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 วัน

ความคุ้มครองประกันรถยนต์

ความคุ้มครองรถผู้ทำประกัน
ประเภทประกันภัย
ชั้น 1
ชั้น 2+
ชั้น 2
ชั้น 3+
ชั้น 3
ชนแบบมีคู่กรณีชนแบบมีคู่กรณี
x
x
ชนแบบไม่มีคู่กรณีชนแบบไม่มีคู่กรณี
x
x
x
x
ไฟไหม้ไฟไหม้
x
x
รถหายรถหาย
x
x
ภัยธรรมชาติภัยธรรมชาติ
x
x
ช่วยเหลือ 24 ชม. ช่วยเหลือ 24 ชม.
x
x
x
ซื้อประกันรถยนต์   
คลิก
คลิก
คลิก
คลิก
คลิก
ความคุ้มครองอื่นๆ ครอบคลุมทุกชั้นประกัน
คุ้มครองคู่กรณี และทรัพย์สินคู่กรณี
อุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาลบุคคลที่สาม
คุ้มครองชิวิตบุคคลที่สาม
คุ้มครองชีวิตผู้ขับขี่
ค่ารักษาพยาบาลตัวผู้ขับขี่
การประกันตัวผู้ขับขี่

คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย

ควรเลือกทำประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนดี เพื่อรับความคุ้มครองเพิ่มเติม?

สำหรับรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่งหรือมือสองก็ดี แนะนำอย่างยิ่งที่จะเลือกทำเป็น ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เพราะนอกจากแผนกรมธรรม์จะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมแบบสูงสุดแล้ว ก็ยังให้คุ้มค่ามากที่สุดอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติธรรมชาติ จากการชนแบบรถชนรถ หรือรถชนคน เพราะฉะนั้นเพื่อความสบายใจมากที่สุดและเพื่อที่ตัวเราเองจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลทุกครั้งที่ขับรถ การเลือกทำประกันภัยชั้น 1 จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ดังนั้นจึงหมั่นต่อประกันไว้อย่างสม่ำเสมอไม่ให้ขาด เพียงเท่านี้เราก็สามารถอุ่นใจได้ทุกครั้งในการขับขี่

ซื้อประกันรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?

นอกจากแรบบิท แคร์ จะมีบริการหลังการขายแบบ Exclusive ตลอด 24 ชั่วโมงให้กับลูกค้าทุกท่านแล้ว ทางแรบบิท แคร์ ก็ยังมีระบบเปรียบเทียบเบี้ยประกันภัยรถยนต์จากบริษัทชั้นนำของประเทศให้ได้เลือกสรรมากมายตามความต้องการของแต่ละบุคคล เพื่อให้เหมาะสมและตอบโจทย์ผู้ขับขี่ได้มากที่สุดและพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างคุณทุกเมื่อ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รับการดูแลหลังการขาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ แรบบิท แคร์ หรือโทรขอคำปรึกษาได้ที่ Care Center เบอร์ 1438 แรบบิท แคร์ เพราะเราแคร์คุณยิ่งกว่าใคร ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา