รถไม่มีประกันแต่เป็นฝ่ายถูก โดนชนทำอย่างไรดี เรียกค่าเสียหายได้ไหม
รถไม่มีประกันแต่เป็นฝ่ายถูก โดนชนทำอย่างไรดี? เมื่อเกิดเหตุการณ์รถชนไม่มีประกัน คงจะทำให้ใครหลายคนกังวลใจไม่น้อย เพราะเมื่อไม่มีประกัน นั่นหมายความว่าเจ้าของรถจะต้องดูแลรับผิดชอบความเสียหายทั้งหมดด้วยตัวเองโดยไม่มีประกันช่วยดูแลทั้งความเสียหายของตัวรถ และค่ารักษาพยาบาล ซึ่งเมื่อรถชนไม่มีประกัน จะแบ่งการเคลมได้เป็น 2 กรณี คือ รถไม่มีประกันแต่เป็นฝ่ายถูก กับ รถไม่มีประกันและเป็นฝ่ายผิด มาดูกันว่าทั้ง 2 กรณี มีความแตกต่างกันอย่างไร
รถเราไม่มีประกัน แต่โดนชน ทำอย่างไรได้บ้าง
หากรถไม่มีประกันแต่เป็นฝ่ายถูก แล้วคู่กรณีมีประกัน ก็สามารถให้คู่กรณีเรียกประกันมายังที่เกิดเหตุและประเมินความเสียหายได้ เพราะไม่ว่าจะทำประกันชั้นไหน ก็จะดูแลการซ่อมให้คู่กรณีที่เป็นฝ่ายถูกอยู่แล้ว โดยหลังจากที่ได้รับใบเคลมแล้ว สามารถติดต่ออู่เพื่อนำรถเข้าซ่อมได้เลย ซึ่งใบเคลมจะมีอายุ 1 ปี
แต่หากรถชนไม่มีประกัน แล้วเราเป็นฝ่ายผิด หากคู่กรณีมีประกันจะต้องรอให้ประกันของคู่กรณีมาตรวจสอบที่เกิดเหตุก่อน และหากประกันของคู่กรณีเป็นประกันชั้น 1 เราอาจขอความช่วยเหลือจากคู่กรณีได้ แต่หากคู่กรณีไม่ยอมให้ความช่วยเหลือ เราจะต้องเป็นฝ่ายออกค่าเสียหายเองทั้งหมด ซึ่งหากไม่สามารถจ่ายค่าเสียหายได้ทั้งหมด สามารถขอประนอมหนี้ได้ โดยบริษัทประกันของคู่กรณีจะเป็นผู้ติดตามค่าเสียหายกับเราแทนคู่กรณี จะเห็นได้ว่า ข้อเสียของรถไม่มีประกันก็คือ ภาระค่าใช้จ่ายมากมายที่เราจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเองทั้งหมด หากรถไม่มีประกันแต่เป็นฝ่ายถูก ก็ยังได้รับความคุ้มครองจากประกันของอีกฝ่าย แต่หากเราเป็นฝ่ายผิด ก็จะต้องรับภาระในส่วนนี้เองทั้งหมด
รถโดนชนท้าย คู่กรณีมีประกัน เรียกร้องอะไรได้บ้าง
รถโดนชนท้าย เกิดได้หลายกรณี ทั้งกรณีที่ผู้ถูกชนเป็นฝ่ายถูก และผู้ถูกชนเป็นฝ่ายผิด หากรถเราถูกชน โดยที่เราเป็นฝ่ายถูก ประกันของคู่กรณีจะต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด เราสามารถนำรถไปซ่อมที่อู่ได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายใด ๆ
แต่หากเราเป็นฝ่ายผิด อาจจะด้วยเหตุผลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเหยียบเบรค หรือเปลี่ยนเลนกะทันหัน หากไม่มีประกัน เราจะต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด แต่หากมีประกัน ประกันก็จะเป็นฝ่ายรับผิดชอบค่าเสียหายให้ตามความคุ้มครองในกรมธรรม์
รถโดนชนท้าย เรียกร้องอะไรได้บ้าง ไม่มีประกัน จะได้ค่าเสียหายไหม
รถไม่มีประกันแต่เป็นฝ่ายถูก จะได้รับการชดเชยค่าเสียหายอย่างแน่นอนหากคู่กรณีมีประกัน เพราะหากรถโดนชนท้ายแล้วเราเป็นฝ่ายถูก ไม่ว่าเราจะมีประกันหรือไม่ ก็จะได้รับการชดเชยค่าเสียหายจากบริษัทประกันของคู่กรณี โดยเป็นไปตามความคุ้มครองในกรมธรรม์ นอกจากนี้ ยังสามารถเรียกค่าเสียเวลา หรือที่เรียกกันว่า ค่าขาดประโยชน์ จากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิดได้ เพื่อเป็นค่าชดเชยในระหว่างที่รถของเรากำลังซ่อมอยู่ ซึ่งนับเป็นข้อดีของเหตุการณ์รถชนไม่มีประกัน ที่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีที่มีประกันได้
คู่กรณีไม่มีประกัน ทำอย่างไรได้บ้าง ต้องจ่ายค่าซ่อมเองไหม
หากเกิดเหตุรถชน เราเป็นฝ่ายถูก และคู่กรณีไม่มีประกัน จะต้องเรียกร้องค่าเสียหายกับตัวคู่กรณีโดยตรง โดยให้บริษัทประกันของเราเป็นฝ่ายดำเนินการไกล่เกลี่ย และเรียกค่าเสียหายจากคู่กรณีแทนเรา หากคู่กรณีไม่ยอมจ่ายค่าสินไหม หรือค่าเสียหายต่าง ๆ บริษัทประกันจะต้องดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อไป โดยอาจให้ผ่อนชำระเป็นงวด ๆ ส่วนรถของเราที่ได้รับความเสียหายก็จะได้รับใบเคลม เพื่อนัดวันเข้าซ่อมในอู่หรือศูนย์บริการต่อไป
ค่าขาดประโยชน์ เรียกร้องได้ในกรณีไหนบ้าง
เมื่อเกิดเหตุรถชนไม่มีประกัน แล้วเราซึ่งเป็นผู้ถูกชนเป็นฝ่ายถูก จะสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทประกันของคู่กรณีได้ ทั้งยังสามารถเรียกค่าเสียเวลา หรือที่เรียกกันว่า ค่าขาดประโยชน์ จากคู่กรณีได้ด้วย เพื่อเป็นเงินชดเชยในระหว่างที่รถกำลังซ่อม ซึ่งหากคู่กรณีมีประกัน การเรียกร้องค่าเสียหายในส่วนนี้ บริษัทประกันของคู่กรณีก็จะต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบชดเชยค่าสินไหมทดแทน แต่หากคู่กรณีไม่มีประกัน ก็ยังสามารถเรียกค่าขาดประโยชน์ได้อยู่ โดยจะต้องเรียกร้องโดยตรงกับตัวคู่กรณีเอง ซึ่งควรมีเอกสารรองรับเป็นลายลักษณ์อักษร โดยระบุจำนวนเงิน และระยะเวลาที่ต้องจ่ายค่าเสียหาย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในกรณีที่คู่กรณีไม่จ่ายเงินค่าชดเชยให้ตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรถไม่มีประกันแต่เป็นฝ่ายถูก หรือมีประกันแล้วเป็นฝ่ายถูกก็ตาม สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้เหมือนกัน เพราะการเรียกร้องค่าเสียหาย จะไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าผู้ที่เป็นฝ่ายถูกมีประกันหรือไม่
แต่การเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ จะเรียกร้องได้ก็ต่อเมื่อเป็นอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณีเท่านั้น หากเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณีจะไม่สามารถเรียกร้องได้ ซึ่งหากรถของเรามีประกันชั้น 1 ก็หมดกังวลเรื่องค่าเสียหายไปได้เลย เพราะประกันประเภทนี้จะให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี แต่หากเป็นประกันชั้นอื่น ๆ อาจไม่ได้มีความคุ้มครองในส่วนนี้
ประกันรถยนต์ หมดอายุ ต่อยังไง
เมื่อรถชนไม่มีประกัน เนื่องจากประกันหมดอายุ ก็ได้เวลาของการต่อประกันรถยนต์ เพื่อประโยชน์ในการรับความคุ้มครองที่ครอบคลุม ซึ่งหากไม่ต้องการให้เกิดเหตุรถชนไม่มีประกันแล้วละก็ สามารถต่อประกันล่วงหน้าได้อย่างน้อย 3-6 เดือนก่อนที่ประกันฉบับปัจจุบันจะสิ้นสุดระยะเวลาคุ้มครอง โดยเอกสารที่ใช้ในการต่อประกัน ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถหรือผู้ถือครองรถ สำเนาใบขับขี่ของผู้ดำเนินการต่อประกันรถยนต์ สำเนาหนังสือจดทะเบียนรถยนต์ และสำเนากรมธรรม์รถยนต์ฉบับปัจจุบันที่กำลังจะหมดอายุ หรือจะใช้ใบเตือนการต่ออายุที่ทางบริษัทประกันส่งให้ก็ได้เช่นกัน
สำหรับขั้นตอนการต่อประกันรถยนต์ ทำได้ดังนี้
- ติดต่อบริษัทประกันผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่สะดวก
- แจ้งข้อมูลและสอบถามเรื่องประกันรถยนต์ที่ต้องการต่อ
- ยื่นเอกสารต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการต่อประกันให้กับบริษัทประกัน
- ชำระเงิน
- รอรับกรมธรรม์ ซึ่งเมื่อได้รับแล้วควรตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารให้เรียบร้อย
ซึ่งข้อดีของการต่อประกันล่วงหน้า ก็เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเหตุรถชนไม่มีประกัน รถไม่มีประกันแต่เป็นฝ่ายถูก ไปจนถึงเหตุที่ร้ายแรงที่สุด นั่นก็คือ รถชนแล้วไม่มีประกันโดยที่เราเป็นฝ่ายผิด เพราะนั่นหมายความว่าเราจะต้องเป็นฝ่ายชดใช้ค่าเสียให้กับคู่กรณีเองทั้งหมดโดยไม่มีประกันเข้ามาช่วย
ประกันรถยนต์ชั้นไหน คุ้มครองอะไรบ้าง
- ประกันชั้น 1 จะคุ้มครองครอบคลุมอุบัติเหตุทุกกรณี ทั้งแบบมีและไม่มีคู่กรณี คุ้มครองกรณีรถชน รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม ฯลฯ คุ้มครองทั้งความเสียหายต่อร่างกาย ชีวิตและทรัพย์สินของคู่กรณีและผู้เอาประกัน ทั้งยังคุ้มครองเงินค่าประกันตัวของผู้ขับขี่ในคดีอาญา
- ประกันชั้น 2+ คุ้มครองกรณีรถชน รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม ฯลฯ คุ้มครองความเสียหายต่อร่างกาย ชีวิตและทรัพย์สินของผู้เอาประกันและคู่กรณี คล้ายกับประกันชั้น 1 ทั้งยังคุ้มครองเงินค่าประกันตัวของผู้ขับขี่ในคดีอาญา แต่จะไม่คุ้มครองความเสียหายของรถเราเมื่อเกิดรถชนแบบไม่มีคู่กรณี
- ประกันชั้น 2 คุ้มครองกรณีรถชน รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม ฯลฯ คุ้มครองความเสียหายต่อร่างกาย ชีวิตและทรัพย์สินของผู้เอาประกันและคู่กรณี เมื่อผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด รวมทั้งคุ้มครองเงินค่าประกันตัวของผู้ขับขี่ในคดีอาญา แต่หากเป็นอุบัติเหตุที่เราเป็นฝ่ายผิด เช่น ขับรถชนฟุตบาท ชนต้นไม้ หรือชนกับรถคันอื่นประกันจะไม่คุ้มครองความเสียหายรถของเรา แต่จะคุ้มครองรถของคู่กรณีแทน
- ประกันชั้น 3+ คุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์ของผู้เอาประกันจากการชนกับรถยนต์คันอื่นที่สามารถระบุตัวตนได้ ตลอดจนทรัพย์สิน การบาดเจ็บ และเสียชีวิตของบุคคลภายนอกเมื่อผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด ทั้งยังคุ้มครองเงินค่าประกันตัวของผู้ขับขี่ในคดีอาญาด้วย
- ประกันชั้น 3 จะคุ้มครองเฉพาะการบาดเจ็บ เสียชีวิต และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก รวมถึงเงินค่าประกันตัวของผู้ขับขี่ในคดีอาญาเท่านั้น แต่จะไม่คุ้มครองความเสียหายของรถผู้เอาประกัน ความเสียหายจากภัยพิบัติ หรืออุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี
ซึ่งการเลือกทำประกันรถยนต์ ควรเลือกทำกับบริษัทที่น่าเชื่อถือ มีแผนประกันให้เลือกหลากหลายในราคาคุ้มค่า เช่นเดียวกับ ประกันรถยนต์ จาก แรบบิท แคร์ โบรกเกอร์ประกันภัยที่พร้อมให้คุณเปรียบเทียบแผนประกันที่ใช่ได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์ พร้อมแผนประกันจาก 15 บริษัทชั้นนำให้เลือกสรรในราคาสุดคุ้ม
ความคุ้มครองประกันรถยนต์