รถสตาร์ทไม่ติด หรือ รถสตาร์ทติดยาก เกิดจากอะไรบ้าง แล้วควรแก้ไขอย่างไร?
รถสตาร์ทไม่ติด หรือ รถสตาร์ทติดยาก ถือเป็นปัญหาใหญ่ของเหล่าคนใช้รถ ซึ่งปัญหานี้ทำให้คุณเดือดเนื้อร้อนใจ ยิ่งวันที่ต้องรีบออกจากบ้าน รถสตาร์ทไม่ติดซะงั้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้เกิดจากสาเหตุอะไร แล้ววิธีแก้ไขรถสตาร์ทไม่ติดต้องทำอย่างไรบ้าง ?
6 สาเหตุที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด หรือ สตาร์ทติดยาก มีอะไรบ้าง?
ปัญหารถสตาร์ทไม่ติด และ รถสตาร์ทติดยาก เกิดได้จากหลายๆ สาเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากสาเหตุเหล่านี้
1. แบตเตอรี่เสื่อม
สาเหตุแรกและเป็นสาเหตุยอดนิยมของปัญหารถสตาร์ทไม่ติด หรือรถสตาร์ทติดยาก เกิดจากแบตเตอรี่เสื่อม ด้วยอายุการใช้งานของแบตเตอรี่อยู่ที่ประมาณ 2 ปี อาจมีบ้างที่เราเลอะเลือนและอาจลืมตรวจเช็ค หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ส่งผลให้แบตเตอรี่ไม่มีกำลังไฟพอในการจ่ายพลังงานให้กับรถยนต์ หรือแบตเตอรี่เกิดการรั่วซึ่ม ทำให้ไม่สามารถสตาร์ทรถ และเกิดอันตรายได้ เบื้องต้นสามารถตรวจสอบสัญญาณเตือนอาการแบตเตอรี่เสื่อมได้จากหน้าปัดบนรถ หากทำการสตาร์ทเครื่องแล้วไฟแสดงสถานะพลังงานไม่ขึ้น นั่นหมายความว่าแบตเตอรี่มีอาการเสื่อมเรียบร้อย ซึ่งเป็นสาเหตุให้รถสตาร์ทไม่ติด ควรนำรถเข้าศูนย์เพื่อแก้ไขทันที
วิธีการแก้ คือการทำแบตเตอรี่สำรองมาพ่วงเติมพลังงานแบต หรือพ่วงกับรถคันอื่นๆ เพื่อให้แบตเตอรี่ถูกโอนถ่ายจากรถที่ไม่มีปัญหานำไปให้กับรถที่มีปัญหา ดังนั้นอย่าลืมพก “สายพ่วงแบตเตอรี่” ไว้ภายในรถยนต์ตลอด เพื่อช่วยแก้ปัญหารถสตาร์ทไม่ติดที่ไม่คาดฝันนี้ได้
2. มอเตอร์สตาร์ทเสื่อม
กรณีที่รถสตาร์ทไม่ติดนี้อาจะเกิดจากดารที่ฟิวส์ภายในมอเตอร์ขาด หรือสายไฟชำรุด เป็นต้น ส่งผลให้มอเตอร์สตาร์ทเสื่อม และ รถสตาร์ทไม่ติด สังเกตุง่ายๆ จากการที่สตาร์ทรถแล้วมีเสียง “แชะๆ”
วิธีการแก้ ในส่วนตรงนี้จะต้องเป็นการรีบนำส่งศูนย์ ที่ใกล้ที่สุด เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของภายในตัวเครื่องยนต์
3. ไดชาร์จเสื่อม
หากคุณมีการเปลี่ยนเบตเตอรี่เรียบร้อยแล้วจากข้อที่1 แล้วยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่ดีนั่นอาจหมายความว่าไดชาร์จของคุณอาจเสื่อมและลามไปถึงการรถสตาร์ทไม่ติด ทำให้ประสิทธิภาพในการจ่ายไฟของเบตเตอร์รี่ลดลง ดังนั้นอาการของไดชาร์จเสื่อม และแบตเตอรี่เสื่อมจึงมีลักษณะเดียวกัน นั่นก็คือไม่สามารถจ่ายไฟไปยังส่วนต่างๆได้ ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด เช่นเดียวกัน
วิธีการแก้ ในส่วนตรงนี้จะต้องเป็นการรีบนำส่งศูนย์ ที่ใกล้ที่สุด เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของภายในตัวเครื่องยนต์
4. ปั๊มติ๊กเสีย
อุปกรณ์ ปั๊มติ๊ก หรืออุปกรณ์ทำหน้าที่ในการดึงน้ำมันภายในตัวถังไปกระตุ้นให้เกิดพลังงานของเครื่องยนต์ด้วยการจุดระเบิดพลังงาน ดังนั้นหากอุปกรณ์ตัวนี้เสียหาย อาการที่จะเกิดขึ้นนั่นก็คือรถสตาร์ทไม่ติดอย่างแน่นอนนั่นเอง
วิธีการแก้ และหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะทำให้ปั๊มติ๊กเสียหาย นั่นคือ การขับรถในขณะที่น้ำมันเหลือน้อย จนไฟเตือนการเติมน้ำมัน เพราะว่าปั๊มติ๊กจะทำการดึงอากาศเข้ามาด้านในตัวรถแทนน้ำมันส่งผลทำให้รถสตาร์ทไม่ติด
5. ระบบไฟฟ้ามีปัญหา
รถสตาร์ทไม่ติด หรือ รถสตาร์ทติดยากเกิดจากการปล่อยรถทิ้งไว้โดยไม่ผ่านการใช้งานเป็นระยะเวลายาวนาน หรือเกิดจากสัตว์ตัวเล็กๆเข้าไปทำลายสายไฟ ปัญหานี้ส่งผลทำให้รถสตาร์ทไม่ติด สังเกตุได้ง่ายๆ จากการสตาร์ทรถแล้วไฟต่างๆ ภายในรถไม่ทำงานอย่างที่ควรจะเป็นนั่นเอง
วิธีการแก้ คือการนำรถไปตรวจสอบเป็นประจำตามนัด เพื่อให้ช่างภายในศูนย์ตรวจสอบระบบไฟภายในรถ และการไม่จอดรถไว้ในที่ ที่เป็นแหล่งสัตว์สกปรกเช่น หนู หรือแมลงสาบ เป็นต้น
6. ขั้วแบตเตอรี่สกปรก
นอกจากแบตเตอรี่เสื่อม ขั้วแบตสกปรกก็ทำให้รถสตาร์ทติดยากเช่นกัน ลองสังเกตตามขั้วแบตว่ามีคราบเกลือสีเขียวอมฟ้าติดอยู่หรือไม่ ถ้ามีให้ทำความสะอาดคราบเหล่านั้นออก เพราะมันทำให้กระแสไฟไม่สามารถส่งไปยังส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ได้
วิธีการแก้ คือ ใช้น้ำร้อนราดบริเวณขั้วแบตเตอรี่ เอาแปรงสีฟันมาขัดทั้งขั้วแบตเตอรี่และแคมป์รัดแบตเตอรี่ เช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อย ทำการเช็คสายไฟและขันให้แน่น แต่ถ้าแก้ไขแล้ว ต้องเปลี่ยนสายไฟ เพื่อป้องกันปัญหารถสตาร์ทไม่ติด
ปัญหารถยนต์ยอดฮิต
เครื่องยนต์วาล์วรั่ว วาล์วยัน
- อาการวาล์วรถยนต์รั่ว
- อาการวาล์วรถยนต์ยัน
- การแก้ปัญหาอาการวาล์วรั่ว วาล์วยัน
หม้อลมเบรครั่ว
- หม้อลมเบรคคืออะไร? มีการทำงานอย่างไร?
- หม้อลมเบรครั่วคืออะไร อาการ
- วิธีเช็กหม้อลมเบรครั่ว ซ่อมได้ไหม?
ตู้แอร์รถยนต์รั่ว
- ระบบปรับอากาศในรถยนต์ประกอบด้วยอะไรบ้าง?
- ตู้แอร์รถยนต์รั่ว สาเหตุมาจากอะไร?
- ดูอย่างไรว่าตู้แอร์รถยนต์รั่ว?
รถสตาร์ทติดยาก หรือ รถสตาร์ทไม่ติด มีวิธีแก้ไขเบื้องต้นได้อย่างไร?
การแก้ไขปัญหารถสตาร์ทติดยาก หรือ รถสตาร์ทไม่ติดในเบื้องต้น ต้องตรวจเช็คดูก่อนว่าอาการที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากอะไร เพราะอย่างที่บอกปัญหารถสตาร์ทติดยาก เกิดได้จากหลายๆ สาเหตุ
- เกิดจากแบตเตอรี่เสื่อม : ให้ทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ใหม่
- เกิดจากขั้วแบตสกปรก : ให้ทำความสะอาดขั้วแบตด้วยน้ำโซดาและแปรงสีฟัน ขัดคราบเกลือที่เกาะตามขั้วแบตออก
- เกิดจากจอดรถทิ้งไว้นาน : ควรหาเวลาสตาร์ท หรือขับขี่รถยนต์บ้าง เพื่อให้แบตเตอรี่ รวมถึงเครื่องยนต์ได้ทำงาน รวมถึงควรนำรถไปตรวจเช็คกับช่างผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง เพราะบางทีสาเหตุที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด อาจมีมากกว่าที่คิดไว้ก็ได้
ความผิดปกติของรถยนต์มักเกิดขึ้นได้บ่อยๆ ถึงจะทำการตรวจเช็คสภาพรถยนต์เป็นประจำก็ตาม โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานนานๆ ดังนั้นผู้ขับขี่ควรศึกษาถึงความผิดปกติต่างๆ ของรถยนต์ รวมถึงหมั่นสังเกตว่ารถสตาร์ทติดยากหรือรถสตาร์ทไม่ติด จะได้ทราบถึงสาเหตุ และทำการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้อย่างถูกวิธี
ทำประกันรถยนต์ออนไลน์ เลือก Rabbit Care ตัวช่วยที่จะทำให้การทำประกันรถยนต์เป็นเรื่องง่าย เราเป็นโบรกเกอร์ประกันรถยนต์ที่รวมเอาบริษัทประกันเอาไว้มากกว่า 30 แห่ง ลูกค้าสามารถเลือกเปรียบเทียบเบี้ยประกันและความคุ้มครองได้เอง ทำให้มั่นใจได้ว่าประกันที่เลือกทำตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด รวมถึงยังมีสิทธิประโยชน์ต่างๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน ที่มีเจ้าหน้าที่พร้อมช่วยเหลือคุณเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินบนท้องถนน รวมถึงยังมีบริการเช่ารถสำรอง 3 วัน เมื่อรถเข้าศูนย์จากอุบัติเหตุ และยังสามารถแจ้งเคลมง่ายๆ ผ่าน LINE Official Account พร้อมมีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลืออีกด้วย
รถสตาร์ทไม่ติด เคลมประกันได้หรือไม่
การที่รถยนต์ สตาร์ทไม่ติด อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ปัญหาที่แบตเตอรี่, ระบบไฟฟ้า, เครื่องยนต์ หรือส่วนอื่น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการสึกหรอตามการใช้งานปกติ ในกรณีนี้การเคลมประกันจะขึ้นอยู่กับประเภทของประกันที่คุณมีและเงื่อนไขในกรมธรรม์ ดังนี้
1. ประกันภาคบังคับหรือ พ.ร.บ.
พ.ร.บ. รถยนต์จะไม่ครอบคลุมปัญหาทางเทคนิคหรือปัญหาทางกลไก เช่น รถสตาร์ทไม่ติด เนื่องจากพ.ร.บ. จะครอบคลุมเฉพาะความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุและความเสียหายต่อบุคคล เช่น ค่ารักษาพยาบาลจากการบาดเจ็บ
2. ประกันภาคสมัครใจ (ชั้น 1, 2+, 3+)
สำหรับ ประกันภาคสมัครใจ การเคลมประกันในกรณีรถสตาร์ทไม่ติดขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและรายละเอียดของกรมธรรม์แต่ละประเภท
ประกันชั้น 1
โดยปกติแล้ว ประกันชั้น 1 จะไม่ครอบคลุมการซ่อมแซมที่เกี่ยวข้องกับการ สึกหรอหรือปัญหาทางกลไก ที่เกิดขึ้นจากการใช้งานปกติ เช่น แบตเตอรี่หมดหรือระบบไฟฟ้ามีปัญหา เนื่องจากประกันชั้น 1 ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ไม่คาดคิดเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีหากสาเหตุของปัญหารถสตาร์ทไม่ติดเกิดจากอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ที่เคยเคลมประกันมาก่อน เช่น รถโดนชนแล้วทำให้ระบบไฟฟ้าเสียหาย หรือมีความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำของบุคคลที่สาม (เช่น การทำลายหรือก่อกวน) บริษัทประกันอาจพิจารณาเคลมให้ได้
ประกันชั้น 2+ และ 3+
ประกันชั้น 2+ และ 3+ จะครอบคลุมเฉพาะความเสียหายจากอุบัติเหตุหรือการชนกับยานพาหนะที่มีคู่กรณี แต่ ไม่ครอบคลุมการซ่อมแซมรถที่เกิดจากปัญหาทางกลไก หรือความเสียหายจากการใช้งานปกติ เช่น การสตาร์ทไม่ติด ฯลฯ
ประกันชั้น 2 และ 3
ประกันชั้น 2 และ 3 จะครอบคลุมเฉพาะความเสียหายจากอุบัติเหตุหรือการชนกับยานพาหนะ โดยจะคุ้มครองเฉพาะรถของคู่กรณีแต่จะไม่คุ้มครองรถของผู้เอาประกัน
3. บริการเสริมจากบริษัทประกัน
แม้ว่าประกันจะไม่คุ้มครองการซ่อมแซมรถในกรณีรถสตาร์ทไม่ติด แต่บริษัทประกันบางแห่งอาจมี บริการเสริม เช่น บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน (Roadside Assistance) ซึ่งครอบคลุมบริการต่อไปนี้
- บริการชาร์จแบตเตอรี่
- บริการลากรถไปยังอู่ซ่อม
- การช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีรถเสียระหว่างทาง
คุณสามารถตรวจสอบกับบริษัทประกันว่าบริการเหล่านี้รวมอยู่ในกรมธรรม์หรือไม่ หากมีบริการดังกล่าว คุณสามารถขอความช่วยเหลือเมื่อรถสตาร์ทไม่ติดได้
4. การแก้ไขปัญหาทางกลไกที่ไม่เกี่ยวกับอุบัติเหตุ
ปัญหาที่เกี่ยวกับการสตาร์ทไม่ติดหรือปัญหาทางกลไกมักเกิดจากการใช้งานตามปกติ เช่น แบตเตอรี่หมด เครื่องยนต์สึกหรอ หรือระบบไฟฟ้าเสื่อม ซึ่งถือว่าเป็นการสึกหรอจากการใช้งานปกติและไม่คุ้มครองโดยประกันรถยนต์ คุณจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเองในกรณีนี้.
ประกันภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และ ประกันภาคสมัครใจ (ชั้น 1, 2+, 3+) โดยทั่วไปจะไม่ครอบคลุมการซ่อมแซมปัญหารถสตาร์ทไม่ติดที่เกิดจากการสึกหรอหรือปัญหาทางกลไก แต่ถ้าหากมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน (Roadside Assistance) ในกรมธรรม์ คุณอาจขอความช่วยเหลือได้ เช่น การชาร์จแบตเตอรี่หรือลากรถไปซ่อม นอกจากนั้น หากปัญหาการสตาร์ทไม่ติดเกิดจากอุบัติเหตุที่เคยเคลมไว้ ประกันอาจครอบคลุมความเสียหายบางส่วน
ดังนั้น หากรถสตาร์ทไม่ติดเนื่องจากปัญหาทางกลไกทั่วไป ประกันรถยนต์จะไม่ครอบคลุมการซ่อมแซม แต่สามารถใช้บริการฉุกเฉินที่บริษัทประกันเสนอให้ได้
ความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์