รู้จักการเคลือบสีรถ เคลือบสีรถยนต์ แพงหรือไม่ ? จำเป็นต้องทำไหม ?
หนึ่งในเรื่องจำเป็นที่เจ้าของรถควรรู้จักกันเอาไว้ อย่างการเคลือบสีรถว่าคืออะไร มีความสำคัญ หรือช่วยในการดูแลรถยนต์ของเราได้มากน้อยแค่ไหน หากต้องการเคลือบสีรถมีการเคลือบประเภทไหนให้เลือกบ้าง แต่ละประเภทของการเคลือบสีมีราคาแพงหรือไม่ วันนี้ แรบบิท แคร์ ได้รวบรวมข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับการเคลือบสีรถมาให้ ทุกคนจะได้ดูแลรถยนต์ของตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อให้รถดูเหมือนใหม่อยู่เสมอนั่นเอง
เคลือบสีรถ คืออะไร ?
เคลือบสีรถ คืออะไร สิ่งที่เจ้าของรถมือใหม่ต่างก็คงสงสัย โดยการเคลือบสีรถก็คือการขัดแว็กซ์ หรือทำการลงน้ำยาพิเศษที่ใช้สำหรับการเคลือบสีรถเพื่อเป็นการเพิ่มความเงางามให้กับตัวรถ ขับเน้นให้รถของเรามีสีสันสดใส อีกทั้งยังช่วยในด้านของการป้องกันไม่ให้พื้นผิวรถของเรามีสิ่งสกปรก ไม่ให้น้ำเกาะผิวรถจนเกิดคราบ และช่วยลบร่องรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้รถของเราดูใหม่มากยิ่งขึ้น
เคลือบสีรถ จําเป็นไหม ?
เจ้าของรถยนต์หลายคนอาจตั้งข้อสงสัยว่าความจริงแล้วการเคลือบสีรถนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องทำหรือไม่ เนื่องจากบ่อยครั้งที่เรานำรถไปล้างตาม Car Care ก็มักจะได้รับข้อเสนอให้เลือกใช้บริการเคลือบสีรถยนต์เพิ่มเติม ซึ่งแน่นอนว่าก็จะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มเติมมาด้วย
ดังนั้นหากจะพูดถึงความจำเป็นแล้วสำหรับการเคลือบสีรถก็อาจไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นจะต้องทำอย่างเร่งด่วน หรือทำทุกครั้งที่ทำการล้างรถ หรือนำรถเข้า Car Care แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเคลือบสีรถนั้นดีกับตัวรถของเรา รวมถึงมีข้อดีหลากหลายประการด้วยกัน ทั้งในด้านของการเพิ่มความเงางามให้กับสีของตัวรถ ทำให้รถยนต์ของเราดูใหม่อยู่เสมอ โดยจะกล่าวถึงประโยชน์ของการเคลือบสีรถโดยละเอียดในหัวข้อถัดไปนั่นเอง
เคลือบสีรถ ช่วยอะไร ?
- การเคลือบสีช่วยให้รถยนต์ของเราดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ :
เป็นการช่วยเพิ่มความเงางามให้กับสีของรถยนต์ ทำให้รถยนต์ดูเหมือนรถใหม่ ช่วยลดร่องรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามการใช้งานไปได้ ถือว่าเป็นการช่วยดูแลความงามของรถ และเป็นความสุขทางใจของคนรักรถอย่างมากเลยทีเดียว
- การเคลือบสีช่วยให้สามารถดูแลรักษารถได้ง่ายขึ้น :
สาเหตุก็เป็นเพราะว่าน้ำยาเคลือบรถยนต์นั้นสามารถใช้งานคู่กับน้ำยาลบรอยขีดข่วนได้ จึงเป็นการช่วยให้เจ้าของรถสามารถดูแลริ้วรอยเล็กน้อย เช่น รอยขนแมว ได้ด้วยตัวเอง
ถือเป็นการประหยัดค่าซ่อมบำรุงรถ เพราะนอกจากจะป้องกันรอยขูดขีดต่าง ๆ ได้มากขึ้นแล้ว ยังสามารถช่วยปกป้องพื้นผิวของตัวถังจากการกัดกร่อนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
- การเคลือบสีช่วยป้องกันคราบสกปรกจากการใช้งาน :
สามารถช่วยป้องกันคราบฝุ่นควัน คราบสกปรก และมลพิษที่ต้องพบเจอบนท้องถนน รวมถึงช่วยแก้ปัญหาคราบสกปรกที่อาจเกิดขึ้นอย่างงหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการใช้รถใช้ถนนในชีวิตประจำวันนั่นเอง
- การเคลือบสีช่วยป้องกันรอยคราบน้ำฝน :
ปัญหาร่องรอยคราบน้ำ และคราบน้ำฝนหลังจากฝนตกเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่าที่คิด เนื่องจากเจ้าของรถหลายคนมักหนักใจกับน้ำ และน้ำฝนที่มักทิ้งคราบรอยน้ำไว้บนตัวถังรถ นอกจากนี้กรดของน้ำฝนในยุคปัจจุบันยังสามารถทำลายสีของรถยนต์ของเราได้ ดังนั้นการเคลือบสีรถยนต์จึงถือเป็นวิธีที่สามารถช่วยป้องกันคราบเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
- การเคลือบสีช่วยป้องกันปัญหารถสีซีดจากแสงแดด :
ทราบกันดีอยู่แล้วว่า รังสียูวีจากแสงแดดนั้นมีส่วนสำคัญในการทำให้รถยนต์ของเราสีซีด หมอง ดูเก่า เป็นการทำให้สีรถเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว ซึ่งการขัดเคลือบสีตัวรถจะช่วยปกป้องรถของเราจากรังสียูวีในแสงแดดได้ เป็นการช่วยยืดอายุของสีรถ ปกป้องไม่ให้สีรถซีด หรือหมอง ดูเก่าก่อนเวลาอันควรนั่นเอง
สิ่งเหล่านี้คือประโยชน์ที่เจ้าของรถทุกคนจะได้จากการเคลือบสี ซึ่งหากย้อนกลับไปยังคำถามที่ว่าการเคลือบสีนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นหรือไม่ ก็อาจลองพิจารณาจากข้อดีเหล่านี้ที่จะได้ ว่าเราต้องการรับข้อดีเหล่านี้ และใช้ประโยชน์จากข้อดีในการเคลือบสีเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน จากนั้นค่อยตัดสินใจว่าการเคลือบสีรถยนต์มีความจำเป็นกับเราหรือไม่นั่นเอง
เคลือบสีรถ ดีไหม ?
แม้จะอ่านข้อดีหรือประโยชน์ของการเคลือบสีรถกันไปแล้ว แต่แน่นอนว่าก็อาจจะมีบางคนที่ยังคงลังเลใจ แล้วนึกสงสัยว่าการเคลือบสีรถนั้นดีหรือไม่ คำตอบก็คือดีอย่างแน่นอน เนื่องจากการเคลือบสีรถถือเป็นการดูแลรถยนต์ของเราให้สวยเหมือนใหม่อยู่เสมอนั่นเอง
เคลือบสีรถ มีกี่แบบ ?
หลังจากเรียนรู้ถึงประโยชน์ และข้อดีของการเคลือบสีรถกันไปแล้ว ก็ถึงเวลามาทำความรู้จักการเคลือบสีรถประเภทต่าง ๆ กันดูบ้าง ว่าแต่ละแบบนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร โดยการเคลือบสีรถจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
Wax เคลือบสีรถ
การ Wax เคลือบสีรถ หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่าการเคลือบเงารถนั้นเป็นการเคลือบสีรถที่เราต่างก็คุ้นเคยกันมากที่สุด โดยจะเป็นการเคลือบสีรถยนต์ทั่วไปที่ใช้ครีมขัดสีพร้อมการเคลือบสีรถไปด้วย ซึ่งการแว็กซ์รถนั้นเป็นการบริการเคลือบสีรถที่ราคาถูกที่สุด แต่อายุการเคลือบค่อนข้างสั้น โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ได้ประมาณ 7-14 วันตามคุณภาพของแวกซ์ที่นำมาขัดนั่นเอง
เคลือบสีรถ ประเภทน้ำ (โพลิเมอร์ซีลแลนท์)
เป็นการเคลือบสีรถที่เปรียบเสมือนการเคลือบฟิล์มกันรอยรถยนต์บาง ๆ ไปทั่วทั้งคัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อรักษาสีของรถยนต์เป็นหลัก แต่ไม่ได้เน้นความเงางาม (ความเงางามน้อย) เหมาะสำหรับรถที่ต้องใช้งานบ่อย ๆ และต้องการรักษาสีให้สดใหม่อยู่เสมอ สามารถทนความร้อนและอุณหภูมิได้สูงถึง 140 องศา ทำให้ปกป้องสีของรถได้ดีกว่าและนานกว่าแบบแว็กซ์ และโดยเฉลี่ยแล้วอยู่ได้นานถึง 4-8 สัปดาห์เลยทีเดียว
เคลือบสีรถประเภทซิลิโคน
เป็นการเคลือบซิลิโคนที่เปรียบเหมือนยางใสครอบไปทั่วทั้งตัวรถเพื่อปกป้องสีของรถ และรอยขีดข่วนต่าง ๆ ซึ่งการเคลือบซิลิโคนนอกจากจะป้องกันสีซีดจางได้ดีแล้ว ยังป้องกันรอยขีดข่วนเล็ก ๆ ได้ค่อนข้างดี มีความแวววาวเหมือนกันเคลือบสีแบบแวกซ์ อยู่ได้นานมากกว่าการเคลือบแบบน้ำ โดยระยะเวลาเฉลี่ยประมาณ 1 ปี แต่ราคาก็จะสูงมากกว่าเช่นกัน
เคลือบแก้วรถ
การเคลือบแก้วถือเป็นเทคโนโลยีการเคลือบรถยนต์ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากช่วยป้องกันได้ทั้งคราบน้ำ คราบน้ำฝน คราบโคลน ไปจนถึงคราบยางมะตอย รวมถึงสิ่งสกปรกอื่น ๆ ไม่ให้เกาะฝังแน่นบนตัวรถของเรา รวมถึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 3-5 ปี เรียกได้ว่าการเคลือบแก้วนั้นมีข้อดีมากมายรอบด้าน แต่จะมีข้อเสียเพียงข้อเดียวคือราคาแพงนั่นเอง
สเปรย์ เคลือบสีรถ คืออะไร ?
สเปรย์เคลือบสีรถคือผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลรถยนต์ของเราที่สามารถซื้อมาเพื่อเคลือบสีรถเองได้ด้วยตนเองโดยไม่จำเป็นต้องไปเคลือบสีที่คาร์แคร์ ซึ่งในปัจจุบัน สเปรย์เคลือบเงามีจัดจำหน่ายทั่วไปตามร้านอุปกรณ์ดูแลรถนั่นเอง
เคลือบสีรถ แบบไหนดี ?
สำหรับผู้ที่ตัดสินใจไม่ได้ว่าเคลือบสีรถแบบไหนดี คำตอบของคำถามนี้จะต้องดูว่าจุดประสงค์ในการเคลือบสีของเรานั้นคืออะไร เพื่อที่จะเลือกประเภทของการเคลือบสีให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเองมากที่สุด แต่สำหรับผู้ที่ต้องการเคลือบสีแล้วได้รับประโยชน์อย่างรอบด้าน ใช้งานได้งาน และไม่มีข้อจำกัดด้านค่าใช้จ่ายก็แนะนำให้เคลือบแก้วได้เลย
เคลือบสีรถ อยู่ได้นานแค่ไหน ?
สำหรับระยะเวลาการคงอยู่ของการเคลือบสีนั้นจะขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกทำการเคลือบสีประเภทไหน ซึ่งจะมีตั้งแต่การเคลือบสีที่อยู่ได้ 3-4 วัน ไปจนถึง 3-5 ปีเลยนั่นเอง
เคลือบสีรถ ราคาแพงไหม ?
ในส่วนของราคาการเคลือบสีนั้นจะแตกต่างกันไปตามประเภทการเคลือบสีแต่ละประเภทเช่นกัน ยิ่งเป็นการเคลือบสีที่คุณภาพดี อยู่ได้นาน ราคาก็จะยิ่งสูงตามไปด้วยนั่นเอง
เคลือบสีรถ ใช้เวลานานไหม?
เคลือบสีรถ นานไหม? โดยปกติแล้วการเคลือบสีธรรมดาจะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง แต่สำหรับการเคลือบแก้วให้กับรถยนต์ อาจจะต้องใช้เวลาเฉลี่ยมากถึง 7-12 วันเลยทีเดียว
ต้องเคลือบสีรถ บ่อยแค่ไหน ?
สำหรับความถี่ในการเคลือบสีนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามประสิทธิภาพ และระยะเวลาการคงอยู่ของการเคลือบสีครั้งล่าสุดที่ได้ทำไป ทั้งนี้เมื่อครบระยะเวลา หากไม่ต้องการก็ไม่จำเป็นต้องรีบเคลือบให้ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของรถเลยนั่นเอง
และทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลน่ารู้ รวมถึงเป็นคำตอบของคำถามที่หลายคนมักตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการเคลือบสีที่ แรบบิท แคร์ ได้เก็บรวบรวมมาให้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนในการดูแลรถยนต์ของตัวเองกันต่อไป นอกจากนี้ในการดูแลรถยนต์จะต้องไม่ลืมที่จะทำประกันรถยนต์ กับ แรบบิท แคร์ เอาไว้ด้วยนั่นเอง
ความคุ้มครองประกันรถยนต์