การ wrap สีรถยนต์ ถือว่าผิดกฎหมายไหม?
แร็ปสีรถยนต์ คืออะไร?
สำหรับการ wrap สีรถนั้นจะเป็นการเปลี่ยนสีรถแบบไม่ถาวร ซึ่งถ้าหากต้องการเปลี่ยนสีใหม่ก็เพียงแค่ลอกสีเดิมออกแล้วติดสีใหม่เข้าไปเท่านั้น โดยการ wrap สีรถนั้นจะเป็นการนำฟิล์มสีที่ทำจาก PVC หรือสติกเกอร์มาติดหุ้มบนผิวของรถยนต์ ซึ่งจะมีหลายสีและหลายเฉดให้เลือกมากมาย รวมทั้งยังสามารถเลือกได้ด้วยว่าต้องการลักษณะพื้นผิวของสติกเกอร์แบบใด แบบพื้นด้าน แบบพื้นเงา แบบเมทัลลิก หรือแบบสะท้อนแสง และยังสามารถเลือกได้ว่าจะติดแค่บางจุดของรถเท่านั้น หรือจะติดทั้งรถยนต์เลยก็ได้เช่นเดียวกัน และด้วยความที่สีรถนั้นมีให้เลือกหลากหลายระดับ เพราะฉะนั้นในเรื่องของราคาจึงจะแตกต่างกันออกไปนั่นเอง ดังนั้นเราจึงควรเลือกช่างและร้านค้าที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ เนื่องจากว่าช่างจะต้องใช้เทคนิคทางศิลปะโดยเฉพาะ เพื่อเก็บงานให้เรียบเนียน ไม่เป็นรอยต่อ ไม่มีฟองอากาศ และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อรถยนต์ด้วย
Wrap สีรถ ต้องแจ้งขนส่งไหม?
การ wrap สีรถใหม่จะเท่ากับว่ารถยนต์นั้นมีการเปลี่ยนสีตัวถังใหม่ไปด้วยนั่นเอง และถึงแม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนสีแบบชั่วคราวเท่านั้น แต่ถ้าหากเจ้าของรถไม่ดำเนินการแจ้งกับทางขนส่งก็จะถือว่าผิดกฎหมายโดยทันที เพราะสีรถในปัจจุบันไม่ตรงกับข้อมูลในทะเบียนรถและไม่ตรงกับข้อมูลที่แจ้งต่อนายทะเบียนนั่นเอง ดังนั้นเจ้าของรถจะต้องรีบดำเนินการแจ้งกับทางขนส่งว่าได้มีการเปลี่ยนสีตัวรถยนต์ด้วยวิธีการ wrap สีรถ ซึ่งสามารถดำเนินการแจ้งเปลี่ยนสีรถได้ที่สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ หรือจะใช้บริการ Drive Thru Service ภายในอาคารตรวจสภาพรถที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 (เขตจตุจักร) ได้เช่นเดียวกัน
การดัดแปลงสภาพรถยนต์แบบไหนที่จะต้องแจ้งกรมการขนส่งทางบก?
เมื่อรถยนต์ถูกดัดแปลงสภาพไปจากเดิม จะต้องมีการขออนุญาตต่อนายทะเบียนเพื่อแก้ไขข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน ซึ่งการดัดแปลงสภาพรถที่จะต้องแจ้งขออนุญาตต่อนายทะเบียนนั้นมีดังนี้
- การดัดแปลงตัวถังรถยนต์
- การเปลี่ยนเครื่องยนต์
- การเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิง
- การติดตั้งโครงหลังคา หรือโครงเหล็กที่ด้านข้างรถยนต์
- การดัดแปลงระบบรองรับน้ำหนักและระบบกันสะเทือน เช่น การโหลดเตี้ย การยกสูง การเสริมแหนบ หรือการเปลี่ยนถุงลมเป็นสปริง เป็นต้น
- การเปลี่ยนสีรถยนต์
- ฝาปิดด้านท้ายมีการติดตั้งอุปกรณ์ทุ่นแรงเพื่อยกสิ่งของ
- มีการดัดแปลงระบบบังคับเลี้ยว หรือระบบขับเคลื่อน
Wrap สีรถ ราคาแพงไหม?
โดยปกติแล้วการแร็ปสีรถยนต์นั้นจะมีหลายราคาตามคุณภาพของฟิล์ม ซึ่งส่วนมากก็มักจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงอยู่แล้ว เริ่มต้นที่ประมาณ 5,000 - 10,000 บาท โดยจะเป็นราคาของสีพื้นทั่วไป แบบไม่มีลวดลายเท่านั้น เพราะฉะนั้นหากไม่ได้กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายก็สามารถทำได้เลย และอย่าลืมที่จะหาร้านหรือช่างผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะด้วย ส่วนระยะเวลาในกาแร็ปสีรถยนต์นั้นก็จะใช้เวลาน้อยกว่าการทำสีรถยนต์หลายเท่าตัว เพราะปกติแล้วการแร็ปสีรถยนต์จะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น แต่การเปลี่ยนสีตัวถังของรถยนต์ใหม่เลย อาจจะใช้เวลาเริ่มต้นอยู่ที่ 7-15 วัน และนานสุดประมาณ 1 เดือนเลยก็มี
Wrap สีรถ ข้อเสียหรือข้อดีมีอะไรบ้าง?
ข้อดี | ข้อเสีย |
ทำให้เปลี่ยนสีรถยนต์ (ถาวร) ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น | มีค่าใช้จ่ายที่สูง |
ช่วยรักษาสีของรถยนต์ รวมไปถึงป้องกันรอยขีดข่วนต่าง ๆ | มีอายุการใช้งานไม่นาน ประมาณ 2-3 ปี |
สามารถเลือกเฉดสีที่เราต้องการได้มากมาย และใช้ระยะเวลาในการเปลี่ยนสีไม่นาน | สีจริงของตัวถังรถอาจซีดลงจากการ wrap สีรถที่มีคุณภาพต่ำ |
สีตัวถังจริง ๆ ยังคงเป็นสีเดิมจากโรงงานอยู่ | ยิ่งเลือกฟิล์มคุณภาพมากเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย |
Wrap Sticker ผิดกฎหมายไหม?
หากถามว่าการ wrap สีรถยนต์นั้นผิดกฎหมายหรือไม่ คำตอบคือไม่ได้ผิดกฎหมาย เพียงแต่จะต้องรีบดำเนินการไปแจ้งกับทางขนส่งให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน เมื่อเรามีการ wrap สีรถยนต์ และสีของรถยนต์นั้นแตกต่างไปจากเดิมเกินกว่า 30% ของพื้นที่บนตัวรถทั้งหมด ซึ่งวิธีนี้จะเป็นวิธีการป้องกันการทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งสิ่งที่ผิดกฎหมาย การสวมรอยทางอาชญากร การขโมยรถ หรือการชนแล้วหนีที่จะไม่สามารถแกะรอยตามหาได้นั่นเอง ซึ่งข้อมูลในพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 13 จากเว็บไซต์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้ระบุไว้ว่า “รถใดที่จดทะเบียนแล้ว หากมีการเปลี่ยนแปลงสีของรถให้ผิดไปจากที่จดทะเบียนไว้ เจ้าของรถจะต้องแจ้งให้นายทะเบียนทราบภายใน 7 วันนับตั้งแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง” ซึ่งถ้าหากว่าไม่มีการแจ้งให้นายทะเบียนที่สำนักงานขนส่งได้ทราบ ก็จะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท แต่ถ้าหากว่าเป็นการเปลี่ยนสีแค่บางจุดที่ไม่เกิน 30% ของพื้นที่บนตัวรถทั้งหมด ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปแจ้งต่อนายทะเบียนที่สำนักงานขนส่ง เช่น การ Wrap สีรถที่ฝาถังน้ำมัน เป็นต้น
แจ้งเปลี่ยนสีแร็ปรถ มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?
- เตรียมเอกสารให้เรียบร้อย ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของรถ เอกสารคู่มือจดทะเบียนรถ และหลักฐานการเปลี่ยนสีรถ เช่น ใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น
- ยื่นคำขอพร้อมหลักฐานที่เตรียมไว้ให้ครบถ้วน
- นำรถเข้ารับการตรวจสอบโดยกรมการขนส่งทางบก
- หลังตรวจสอบรถยนต์เรียบร้อยแล้ว ให้ยื่นตรวจสอบคำขอพร้อมผลการตรวจสอบรถ และหลักฐานอื่น ๆ ร่วมด้วย
- ชำระค่าธรรมเนียมที่กรมการขนส่งทางบก
- รอรับเอกสารต่าง ๆ คืนจากทางกรมการขนส่งทางบก ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
ฟิล์ม Wrap Sticker รถยนต์มีกี่ประเภท?
โดยทั่วไปแล้วเรามักจะพบเห็นอยู่ 2 ประเภท ได้แก่
- ฟิล์มเคฟล่า หรือคาร์บอนเคฟล่า โดยฟิล์มประเภทนี้มักจะใช้กับรถแข่งหรือคนที่ชอบแต่งรถ ซึ่งจะมีลักษณะเป็นเส้นใยสีดำ-แดง, สีดำ-น้ำเงิน และสีดำ-เหลือง อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่น และสามารถช่วยปกป้องสีรถจากรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี
- ฟิล์มคาร์บอนไฟเบอร์ หรือสติกเกอร์ฟิล์มสีดำ เป็นการนำเอาผลึกคาร์บอนมาถักให้เป็นเส้นใยจำนวนมาก ซึ่งโดยส่วนมากมักจะนิยมติดไว้บนหลังคารถ เพื่อให้มองเห็นว่าเป็นหลังคาแก้ว
หากเกิดรอยต่าง ๆ ขึ้นมาในรถยนต์ที่มีการ wrap สีรถ แบบนี้ทางบริษัทประกันภัยจะรับเคลมไหม?
สำหรับในกรณีนี้ที่มีการ wrap รถและไม่ผิดกฎหมาย ทางบริษัท ประกันภัยรถยนต์ จะรับเคลมก็ต่อเมื่อเป็นประกันภัยชั้น 1 เท่านั้น เพราะจะมีการคุ้มครองอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณีนั่นเอง ซึ่งจะสามารถเคลมได้ทั้งแบบสดและแบบแห้ง โดยถ้าเป็นรอยขูดที่ไม่หนัก เช่น รอยขนแมว หรือรอยกิ่งไม้ที่หล่นใส่รถ ก็จะเหมาะกับการเคลมประกันประกันแบบสดมากกว่า เพราะว่าอาจจะได้รับข้อยกเว้นในค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) ส่วนถ้าเป็นรอยขูดที่ลึก หรือมีรอยเยอะ ๆ แบบนี้ก็จะเหมาะกับการเคลมประกันแบบแห้ง เนื่องจากจะได้ลดจำนวนครั้งในการเคลมไปด้วย ซึ่งถ้ามีการขอเคลมมากเท่าไหร่ก็จะมีผลต่อเบี้ยประกันมากเท่านั้น ดังนั้นหากมีการเคลมน้อยหรือไม่มีการเคลมเลย ก็จะได้ลดเบี้ยประกันเพิ่มไปเรื่อย ๆ สูงสุดถึง 50% เลยทีเดียว
ความคุ้มครองประกันรถยนต์
คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย
ควรเลือกทำประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนดี เพื่อรับความคุ้มครองเพิ่มเติม?
ก็ยังคงสอดคล้องมาจากคำแนะนำข้างต้นที่ว่า ควรจะเลือกทำเป็น ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ไว้จะดีที่สุด เพราะถึงแม้ว่าราคาเบี้ยประกันจะแพงเป็นอันดับต้นในบรรดาประกันภัยทุกชั้น แต่ในเรื่องของความคุ้มครองที่จะได้รับนั้นก็คุ้มค่ามากที่สุด และยังช่วยทำให้ผู้ขับขี่นั้นมีความมั่นใจในการขับขี่ไปด้วย ดังนั้นจึงถือว่าคุ้มค่า คุ้มราคา เพราะประกันภัยชั้น 1 ถือว่าเป็นประกันภัยรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นในกรณีที่รถชนรถ รถชนคน รถหาย รถไฟไหม้ หรือรถน้ำท่วม ทางประกันภัยก็จะรับเคลมให้ทั้งสิ้น
ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
นอกจากนี้ แรบบิท แคร์ ยังมีระบบเปรียบเทียบแผนประกันภัยออนไลน์ ที่จะช่วยให้คุณได้เช็กเบี้ยประกันของแต่ละบริษัทประกันภัยชั้นนำได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังใช้งานง่ายและรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงแค่ 30 วินาที ก็สามารถที่จะให้รายละเอียดแผนประกันภัยที่ตอบโจทย์และตรงตามความต้องการของคุณได้มากที่สุดอีกด้วย จึงทำให้ช่วยประหยัดเวลาไปได้มาก และนอกจากนี้ แรบบิท แคร์ ยังมีข้อเสนอสุดพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ แรบบิท แคร์