แคร์แม่และเด็ก

คุณแม่มือใหม่ต้องรู้! ฝากครรภ์ครั้งแรกต้องตรวจอะไรบ้าง?

ผู้เขียน : คะน้าใบเขียว

นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care

close
Published June 02, 2023

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าการฝากครรภ์ โดยเฉพาะการฝากครรภ์ครั้งแรก เป็นอะไรที่ตื่นเต้นสำหรับเหล่าคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ไม่น้อย แต่สงสัยกันไหมว่า ทำไมต้องฝากครรภ์ด้วยนะ? ถ้าฝากครรภ์ต้องให้สามีไปด้วยไหม? ฝากครรภ์ครั้งแรกตรวจอะไรบ้าง หรือมีราคาเท่าไหร่ วันนี้ แรบบิท แคร์ มีคำตอบ!

เปรียบเทียบประกันสุขภาพกับ Rabbit Care พิเศษ! ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน
icon angle up or down

เลือกแผนประกันสุขภาพที่คุณสนใจ

    ชื่อนามสกุล

    หมายเลขโทรศัพท์

    รู้ก่อนไป ทำไมคนเราต้องฝากครรภ์กันนะ? แล้วฝากครรภ์ครั้งแรกตรวจอะไรบ้าง?

    การฝากครรภ์ครั้งแรกนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ไม่ควรพลาด โดยการฝากครรภ์ควรเริ่มตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์เพื่อวางแผนการมีบุตรอย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีต่อทั้งแม่และเด็ก

    เบื้องต้น ผู้ตั้งครรภ์ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่มีประวัติป่วยเป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน หอบหืด ความดันโลหิตสูง ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ อาการแพ้ต่าง ๆ โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือซึมเศร้า รวมทั้งผู้ที่มีคู่ครองหรือบุคคลในครอบครัวป่วยเป็นโรคทางพันธุกรรมและมีเชื้อพาหะ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เพื่อให้การดูแลตลอดการตั้งครรภ์เป็นไปอย่างต่อเนื่อง 

    หรือในกรณีที่คุณแม่มือใหม่เกิดตั้งครรภ์แล้ว ก็สามารถฝากครรภ์ได้ทันที โดยการฝากครรภ์นั้น การตรวจครั้งแรก เป็นการตรวจทางการแพทย์เพื่อตรวจหาความเสี่ยงในการเกิดภาวะพิการแต่ก่อนเกิด จะมีการตรวจ ดังนี้ 

    • ตรวจร่างกายพื้นฐานโดยแพทย์ เช่น ซักประวัติสูติกรรม โรคประจำตัว ประวัติครอบครัว, วัดส่วนสูง ชั่งน้ำหนัก และอาจมีการตรวจปัสสาวะ อัลตราซาวนด์เพิ่มเติม เพื่อยืนยันการตั้งครรภ์
    • ตรวจหาความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตรวจปัสสาวะเพื่อค้นหาความผิดปกติอื่น ๆ , ตรวจหาภูมิต้านทานต่อเชื้อเอชไอวี HIV, ตรวจเลือด หาเชื้อซิฟิลิส กรุ๊ปเลือด ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ภาวะเลือดจาง หาภูมิคุ้มกันหัดเยอรมัน รวมถึงการตรวจค่าสารต่าง ๆ ในเลือด เช่น โปรตีน A และ PAPP-A เป็นต้น
    • การตรวจวัดความสูงของปากมดลูก เป็นการวัดระยะห่างระหว่างหัวและก้นของทารกเพื่อประเมินครรภ์ความใหญ่และอายุครรภ์
    • การตรวจดูโครงสร้างของทารก หรือ การตรวจดูภาพเอ็กโซเนี่ยน (ultrasound) เป็นการตรวจดูโครงสร้างของทารกทั้งหมดในครรภ์เพื่อตรวจหาความผิดปกติ ตรวจสุขภาพของทารกในครรภ์ และอาจจะให้ฟังเสียงเต้นของหัวใจทารกด้วย
    • การตรวจความเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อ เป็นการตรวจหาการติดเชื้อที่อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ เช่น การตรวจสมรรถภาพของไต ไวรัสตับอักเสบชนิด B และ C 
    • การตรวจภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบพิษสัตว์, ภูมิแพ้ และการตรวจวัณโรค
    • การตรวจสุขภาพช่องปากและฟันของแม่
    • การตรวจเอกซเรย์ทรวงอกและหลัง

    ทั้งนี้การตรวจและการรักษาในขณะฝากครรภ์ครั้งแรกนั้น จะมีการประเมินความเสี่ยงต่าง ๆ และคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพในช่วงครรภ์ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามสถานะสุขภาพของแม่และทารกในครรภ์ ดังนั้น หากมีข้อสงสัยหรือคำถามเพิ่มเติม แนะนำให้พูดคุยกับแพทย์ที่ดูแลการตั้งครรภ์โดยตรง

    ไม่ไปฝากครรภ์ได้ไหม อันตรายหรือเปล่า?

    ความสำคัญของการตั้งครรภ์ในแต่ละช่วงอายุของการตั้งครรภ์มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทั้งแม่และลูกในครรภ์ ในระหว่างช่วงเวลานี้อาจจะมีภาวะความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น เช่น โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์, ครรภ์เป็นพิษ, รกต่ำ, หรือรกเสื่อม หากไม่มีการติดตามการพัฒนาของลูกในครรภ์ ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงในการแท้งได้

    หากไม่มีการไปฝากท้อง คุณแม่อาจไม่รู้ว่าลูกในครรภ์อายุเท่าไร หรือว่าลูกในครรภ์ได้กลับหัวแล้วหรือยัง และอาจไม่รู้ว่าความคาดหมายในการคลอดคือเมื่อไหร่ ซึ่งอาจทำให้มีความผิดพลาดในการประเมินเวลาที่คาดว่าจะคลอด และนี่อาจนำไปสู่ผลกระทบที่ร้ายแรงและไม่คาดคิด ดังนั้นเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน การไปฝากครรภ์ทันทีที่รู้ว่าตั้งท้องจะดีที่สุด!

    ฝากครรภ์ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง?

    สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่ต้องการเตรียมเอกสารไปสำหรับการฝากครรภ์ครั้งแรกนั้น ทาง แรบบิท แคร์ จะแนะนำให้ติดต่อกับทางโรงพยาบาล เผื่อในบางกรณีต้องการเอกสารอื่น ๆ เพิ่มเติม แต่เบื้องต้นจะใช้เอกสารที่ต้องใช้ ดังนี้ 

    • บัตรประชาชนหรือหลักฐานแสดงตัวบุคคล เช่น บัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง เพื่อยืนยันตัวตนของคุณ
    • ประวัติการทางการแพทย์ เช่น ข้อมูลการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย, ประวัติการรับวัคซีน รวมไปถึงเอกสารทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง  อย่าง รายงานการตรวจเลือด หรือการตรวจสุขภาพทั่วไป เป็นต้น
    • รายงานการตรวจครรภ์ หากคุณได้รับการตรวจครรภ์จากแพทย์ก่อนหน้านี้ คุณอาจต้องเตรียมรายงานการตรวจครรภ์ล่าสุดเพื่อให้แพทย์ที่จะดูแลคุณได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพเพิ่มเติม
    • บันทึกการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ในกรณีที่ได้รับการตรวจครรภ์มาก่อน แพทย์อาจต้องการเห็นบันทึกการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ เช่น ภาพเอกซเรย์ทารกในครรภ์หรือผลตรวจความแข็งแรงของทารกในครรภ์
    • สิทธิประกันสุขภาพ นอกจากประกันสังคมแล้ว ถ้าคุณมีสิทธิประกันสุขภาพอื่น ๆ คุณอาจต้องนำเอกสารที่เกี่ยวข้องมาด้วย เพื่อให้สถานพยาบาลสามารถประเมินค่าใช้จ่ายและสิทธิประโยชน์ทางการแพทย์ของคุณร่วมด้วยได้ ทั้งนี้ อย่าลืมตรวจสอบให้ดีด้วยว่า ประกันสุขภาพที่มีอยู่นั้น ครอบคลุมถึงเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีสัญญาเพิ่มเติมอะไรที่สามารถนำมาใช้ได้บ้าง เพื่อความรวดเร็วนั่นเอง

    หลังจากที่เข้ารับการตรวจครรภ์แล้ว ผู้ตั้งครรภ์ทุกรายจะได้รับจ่ายยาบำรุงครรภ์ และยาอื่นๆ ที่จำเป็น รวมไปถึงสมุดฝากครรภ์ประจำตัว โดยแพทย์ผู้ดูแลครรภ์จะบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับการตรวจแต่ละครั้งไว้ ผู้ตั้งครรภ์ควรเก็บสมุดฝากครรภ์ให้ดีและพกติดตัวอยู่เสมอไม่ว่าจะพกมาพบแพทย์หรือเดินทางไปไหนมาไหน เผื่อไว้เป็นข้อมูลเมื่อผู้ตั้งครรภ์ต้องการความช่วยเหลือในยามฉุกเฉิน

    และสำหรับการพบแพทย์ในการตรวจครรภ์ครั้งต่อไป สามารถเตรียมตัวได้ ดังนี้ 

    • หากมีปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์ หรืออมีข้อสงสัยใด ๆ ให้เตรียมคำถาม ร่วมกับทำความเข้าใจตามที่แพทย์แนะนำอย่างละเอียด
    • จริงอยู่ที่ไม่จำเป็นต้องมีสามีไปด้วยระหว่างการตรวจครรภ์ได้ แต่หากเป็นไปได้ การพาคู่ครองมาด้วย จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและทำความเข้าใจข้อสงสัยต่าง ๆ ระหว่างการตั้งครรภ์ได้เข้าใจพร้อมกนััท้งสองฝ่าย 
    • การรอตรวจครรภ์อาจใช้ระยะเวลานาน ดังนั้นควรทานอาหาร หรือเตรียมอาหารว่างไว้รองท้องระหว่างรอ

    ไปฝากครรภ์ ราคาเท่าไหร่นะ?

    การฝากท้องในแต่ละแห่ง ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐฯ โรงพยาบาลเอกชน หรือตามคลีนิค จะมีค่าใช้จ่ายแตกต่างไปแต่ละที่ โดยเฉลี่ยแล้ว ฝากครรภ์ ราคาจะประมาณ

    • โรงพยาบาลรัฐบาล จะมีราคาประมาณ 500 – 1,000 บาท 
    • โรงพยาบาลหรือคลินิกเอกชน จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าประมาณ 3,000 – 5,000 บาท โดยไม่รวมการเจาะเลือดหรือตรวจรายการเฉพาะทางอื่นๆเพิ่มเติม

    แต่เบื้องต้นแล้ว ฝากครรภ์นั้นจะสามารถใช้ประกันสังคมเบิกค่ารักษาได้ โดยแบ่งเป็น 5 รายการ ดังนี้

    • เบิกค่าฝากครรภ์ 5 ครั้ง วงเงินรวม 1,500 บาท(จากเดิม 3 ครั้ง 1,000 บาท)
    • เบิกค่าคลอดบุตร เหมาจ่ายวงเงิน 15,000 บาท/ครั้ง
    • เบิกเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร จะเบิกได้ 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย (สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท/เดือน) เป็นเวลา 90 วัน (หากเป็นบุตรคนที่ 3 จะไม่ได้สิทธินี้)
    • เบิกค่าชดเชย กรณีแท้งบุตร ต้องอายุครรภ์ไม่น้อยกว่า 28 สัปดาห์
    • เบิกเงินสงเคราะห์เพื่อเลี้ยงดูบุตร เบิกได้ 800 บาท/เดือน (ตั้งแต่เกิดจนถึง 6 ปี)

    แน่นอนว่าการเบิกเคลมค่าใช้จ่ายส่วนนี้ หากทั้งคุณพ่อและคุณแม่มือใหม่มีประกันสังคมทั้งคู่ จะสามารถใช้สิทธิการเบิกคลอดบุตรของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยไม่จำกัดจำนวนบุตรและครั้ง หากมีประสุขภาพคู่สัญญาเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับการฝากครรภ์ สามารถใช้เสริมได้ เพื่อให้ครอบคลุมต่อการตรวจครรภ์

    จะเห็นได้ว่า การฝากครรภ์เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะจะช่วยดูแลสุขภาพของคุณแม่แล้ว ยังช่วยให้ลูกน้อยในครรภ์ปลอดภัย ยังช่วยให้แน่ใจว่าแม่และลูกในครรภ์มีสุขภาพจิตและกายที่ดีและพัฒนาได้อย่างปกติอีกด้วย และการซื้อประกันสุขภาพล่วงหน้าเผื่อเอาไว้ทั้งตัวคุณแม่ หรือเตรียมมองหาประกันเด็กสำหรับลูกน้อย เป็นอีกสิ่งที่เราวามารถเตรียมตัวก่อนไว้ได้

    สำหรับใครที่ไม่รู้จะเลือกซื้อประกันสุขภาพที่ได้ หรือเตรียมเลือกซื้อประกันเด็กอย่างไร ต้องที่นี้เลย แรบบิท แคร์ โบรกเกอร์ประกันภัยที่ช่วยให้คุณเปรียบเทียบเบี้ยประกันได้ในราคาที่คุณเอื้อมถึง ให้คุณได้อุ่นใจพร้อมเริ่มต้นสร้างครอบครัวใหม่ คลิกเลย!


    บทความแคร์แม่และเด็ก

    แคร์แม่และเด็ก

    ความสามารถพิเศษที่ควรให้ลูกมีติดตัวไว้ เพราะอาจได้ใช้และต่อยอดได้ในระยะยาว

    ความสามารถพิเศษ สิ่งที่เราต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าหากมีติดตัวเอาไว้ย่อมเป็นผลดีมากกว่าไม่มี
    Nok Srihong
    25/03/2024

    แคร์แม่และเด็ก

    ผ่าคลอด มีข้อดีอย่างไร ? ปลอดภัยกว่าคลอดธรรมชาติหรือไม่ ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ?

    สำหรับว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ จะผ่าคลอดหรือคลอดธรรมชาติคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะต้องตัดสินใจ ว่าจะผ่าคลอดดีหรือไม่ การผ่าคลอดปลอดภัยกว่าคลอดธรรมชาติไหม
    Nok Srihong
    12/03/2024