รวมทริคแก้ปัญหากล้องติดรถยนต์ ไม่ต้องถึงมือช่างก็ซ่อมได้!
อุบัติเหตุเป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น และถึงเราจะระวังตัวมากแค่ไหน อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะบนท้องถนน ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ปัจจุบัน หลายคนนิยมกล้องติดรถยนต์ หรือแม้แต่นำมาติดที่หมวกกันน๊อคของรถจักรยานยนต์ เพราะเป็นส่วนลดสำหรับประกันรถยนต์ได้เป็นอย่างดี และช่วยได้มากหากเกิดคดีความ
แต่ในกรณีที่กล้องติดรถยนต์เกิดปัญหาขึ้นเราจะแก้ไขอย่างไรนะ? ต้องถึงมือช่างซ่อมไหม? สามารถซ่อมกล้องติดรถยนต์เสียได้เองรึเปล่า วันนี้ แรบบิท แคร์ ก็ทริคดี ๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาเบื้องต้นมาฝากกัน!
กล้องติดรถยนต์ชอบดับ
มีไม่น้อยเลยที่หลายคนพบปัญหากล้องดับระหว่างขับรถ หรือมีอาการติดๆ ดับๆ จนสงสัยว่ากล้องติดรถยนต์เสียหรือไม่? จริงๆ แล้ว ปัญหาเหล่านี้แก้ได้ไม่ยาก และอาจแบ่งออกได้ ดังนี้
- กล้องดับเพราะ Car Charger หลวม, ใช้สาย Car Charger ที่ไม่ได้มาตรฐาน, ฟิวส์ขาด, เบ้า Car Charger เสีย สามารถแก้เบื้องต้นได้ด้วยการซื้ออุปกรณ์เสริม อย่างตัวแยกที่เบ้า Car Charger, เปลี่ยนสาย Car Charger, เปลี่ยนฟิวส์ดู ก็จะสามารถช่วยได้
- กล้องดับเพราะแบตเตอรี่เสื่อม เกิดขึ้นได้บ่อยกับกล้องติดรถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่ โดยอาจสังเกต หรือตรวจสอบว่าแบตฯจะมีลักษณะบวมหรือไม่ โดยคุณอาจจะลองเปลี่ยนแบตเตอรี่ก็จะช่วยแก้ปัญหาได้
กล้องบันทึกภาพ แต่ไม่มีเสียง
หลายคนเปิดเช็กกล้อง ตรวจสอบไฟล์ อาจจะพบว่าไฟล์นั้นบันทึกภาพได้คมชัดแต่เสียงหายไป หรือบางตัว อาจจะบันทึกภาพได้คมชัดแต่เสียงกลับขาด ๆ หาย ๆ ไปก็มี จนทำให้หลายคนกังวลว่ากล้องติดรถยนต์เสีย แต่แท้จริงแล้ว ปัจจัยมีหลากหลาย ดังนี้
- กรณีที่กล้องไม่มีเสียง อาจเพราะไม่ได้เปิดหรือลืมเปิดฟังก์ชั่นบันทึกเสียง โดยอาจจะต้องตรวจเช็กการตั้งค่ากล้องติดรถยนต์ว่าได้เปิดไมโครโฟนหรือไม่ แต่ถ้าแก้ไขแล้วยังไม่สามารถบันทึกเสียง หรือถ่ายวิดีโอแล้วไม่เกิดเสียง ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าตัวกล้องอาจไมโครโฟนเสีย และจะต้องส่งซ่อม
- กรณีที่เสียงขาดหายไป อาจมีปัญหามาจากตัวเมมโมรี่การ์ดที่ใช้อยู่เข้ากับกล้องติดรถยนต์ไม่ได้ (ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเมมโมรี่การ์ดเสีย) แก้ได้ด้วยการหาเมมโมรี่การ์ดอื่น ๆ มาเปลี่ยน แต่หากทดสอบแล้วเสียงยังขาดหายอยู่เช่นเดิม แสดงว่าไมโครโฟนของกล้องติดรถยนต์เสีย
กล้องติดรถยนต์ไม่บันทึกไฟล์ หรือบันทึกวนซ้ำไม่ได้
โดยทั่วไป กล้องติดรถยนต์มีการบันทึกแบบวนหรือลูป ทำให้คุณสามารถบันทึกวิดีโอบนหน่วยความจำทับวิดีโอที่ถูกบันทึกไปแล้วได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องนั่งลบวิดีโอด้วยตัวเองหรือล้างหน่วยความจำ แต่หากเกิดปัญหากล้องติดรถยนต์หน้าหลังไม่มีการบันทึกไฟล์ หรือบันทึกไฟล์วิดิโอวนซ้ำทับไม่ได้ สามารถแก้ไขได้ ดังนี้
- ลืมปิดการใช้งานของฟังก์ชั่น G-Sensor ทำให้ไม่สามารถบันทึกวนได้ เพราะมีการล็อกไฟล์วิดิโอไว้จนทำให้เมมโมรี่การ์ดเต็ม ดังนั้น ควรตั้งค่าเมมโมรี่แบบวนลูปไฟล์ เพื่อให้สามารถบันทึกภาพต่อไปเรื่อย ๆ ได้ และเปิดการใช้งานฟังก์ชั่น G-Sensor เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วเท่านั้น
- ตรวจเช็กเมมโมรี่การ์ดว่ารองรับการทำงานของกล้องติดรถยนต์รุ่นนั้น ๆ หรือไม่ เพราะในกล้องติดรถยนต์บางรุ่นจะระบุรุ่น เมมโมรี่การ์ด ที่รองรับการใช้งานมาให้ หากใช้ไม่เหมือนกันอาจเกิดปัญหาได้
- อาจมาจากเมมโมรี่การ์ดเสีย ทำให้กล้องไม่สามารถบันทึกหรือฟอร์แมตได้ นอกจากนี้ กล้องอาจมีอาการไม่อ่านเมมโมรี่การ์ดและค้างได้ วิธีการแก้คือเปลี่ยนเมมโมรี่การ์ดนั่นเอง
- แนะนำว่าควรฟอร์แมตเมมโมรี่การ์ดทุก ๆ 1-2 เดือน เพื่อนำวิดีโอที่ไม่จำเป็นต่อการใช้งานออก จะช่วยให้เมมโมรี่การ์ดของคุณมีพื้นที่เพียงพอเสมอ และแก้ปัญหากล้องไม่บันทึกไฟล์ได้ดีอีกด้วย
นอกจากนี้ เพื่อความสะดวกสบาย คุณอาจจะตั้งเวลาแบ่งไฟล์วิดีโอย่อย ๆ สามารถเลือกได้ตั้งแต่ 1-10 นาที (แล้วแต่ยี่ห้อ/รุ่น) ยิ่งความยาววิดีโอสั้นมากเท่าไหร่ จะช่วยให้ไฟล์มีขนาดเล็กลงและสะดวกต่อการโอนย้าย โดยแลกกับความต่อเนื่องของวิดีโอนั่นเอง
เมโมรี่การ์ด (การ์ดหน่วยความจำ) ไม่รองรับกล้อง
สาเหตุอาจเกิดขึ้นเพราะความเร็วของตัวเมมโมรี่การ์ดไม่เพียงพอกับการบันทึกไฟล์วิดิโอจากกล้อง ดังนั้น นอกจากหน่วยความจำที่มากแล้ว ควรเลือกการ์ดหน่วยความจำที่มีคุณภาพ ซึ่งจะกำหนดโดย “class” ของการ์ดหน่วยความจำนั้น ๆ โดยมีตั้งแต่ class 2, 4, 6 และ 10 ซึ่งจะแสดงความเร็วในการเขียนขั้นต่ำเป็น MB
เบื้องต้นแล้ว ส่วนใหญ่แนะนำให้ใช้การ์ดระดับ class 6 ขึ้นไป สำหรับใช้กับกล้องติดรถยนต์ หรือหากต้องการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเลย ควรเลือกใช้ระดับ class 10 หากต้องการบันทึกภาพแบบความละเอียดสูง ช่วยให้ภาพไม่กระตุก เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถใช้บันทึกภาพได้
โดยทั่วไป กล้องติดรถยนต์มีการบันทึกแบบวนหรือลูป ทำให้คุณสามารถบันทึกวิดีโอบนหน่วยความจำทับวิดีโอที่ถูกบันทึกไปแล้วได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องนั่งลบวิดีโอด้วยตัวเองหรือล้างหน่วยความจำ ทำให้กล้องติดรถยนต์ส่วนมากจะมีฟังก์ชั้นปุ่มพิเศษสำหรับล็อกไฟล์สำคัญไว้ไม่ให้โดนลบ
ดังนั้น ทันทีที่เกิดอุบัติเหตุให้กดปุ่มฉุกเฉินให้คุณใช้ปุ่มบันทึกฉุกเฉิน หรือเลือกใช้กล้องที่มี G-Sensor โดยตัวกล้องจะล็อคไฟล์ที่กำลังบันทึกอยู่ไม่ให้ถูกลบ สามารถเรียกดูย้อนหลังได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องกลัวไฟล์หาย และสามารถใช้เป็นหลักฐานต่าง ๆ ได้ ทั้งในรูปคดีความหรือการใช้เคลมเบิกประกันรถยนต์ แต่ต้องระวังให้ดี หากเผลอเปิดฟังก์ชั่นนี้ทิ้งไว้นาน ๆ คุณอาจเจอกับปัญหาเมมโมรี่การ์ดเต็ม จนไม่สามารถบันทึกวีดิโอใหม่ ๆ ได้
ชาร์จไฟไม่เข้ากล้องติดรถยนต์
ปัญหาที่ชาร์จเท่าไหร่ ไฟก็ไม่เข้ากล้องติดรถยนต์และเกิดปัญหากล้องติด ๆ ดับ ๆ อาจเกิดจากแบตเตอรี่เสื่อม โดยเฉพาะกล้องติดรถยนต์ที่มีแบตเตอรี่ภายใน เพราะเมื่อใช้ไปได้สักระยะก็จะพบกับปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมบวกกับความร้อนกระจกหน้ารถที่มาโดนตัวกล้องเกือบตลอดเวลา
วิธีการแก้ไขเบื้องต้นคือลองเปลี่ยนแบตเตอรี่ดูก่อน นอกจากนี้ ทุกครั้งที่ชาร์จกล้องจนแบตเตอรี่เต็ม ควรถอดที่ชาร์จออกทันที ไม่ควรต่อชาร์จทิ้งไว้ และเมื่อไม่ได้ใช้กล้องเป็นเวลานานก็ควรที่จะถอดเก็บเพื่อไม่ให้โดนแดด หรืออาจจะหาอะไรปิดป้องกันแสงแดดไม่ให้โดนตัวกล้องโดยตรงจะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่และตัวกล้องได้ดี
ในยุคปัจจุบัน กล้องติดรถยนต์มีฟังก์ชั่นที่หลากหลาย และน่าใช้งานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
- รองรับสัญญาณ GPS เพื่อบันทึกตำแหน่ง พิกัด ความเร็ว และรวมไปถึงสามารถบันทึกเส้นทางได้
- ระบบ G-sensor ตรวจจับแรงกระแทก และช่วยบันทึกไฟล์ฉุกเฉิน ทำให้ไฟล์ไม่ถูกบันทึกทับจนไฟล์วิดีโอหาย
- ระบบช่วยลดแสงหน้าจอขณะขับขี่ในตอนกลางคืน
- รองรับการเชื่อมต่อระบบไวไฟ เพื่อใช้ดูภาพผ่านสมาร์โฟนได้ทันที
- ระบบ Parking ที่ช่วยบันทึกภาพขณะจอดรถ
ซึ่ง แรบบิท แคร์ แนะนำว่า นอกจากฟังก์ชั่นเหล่านี้จะน่าสนใจแล้ว การติดกล้องติดรถยนด้านหน้าอาจไม่พอ ควรมีกล้องติดรถยนต์หน้าหลังด้วย เพราะบางครั้งอุบัติเหตุอาจเกิดจากด้านหลัง และการมีกล้องรถยนต์ด้านหลังจะช่วยให้เราสามารถเช็กภาพบันทึกย้อนหลังได้ทันที นอกจากนี้ ควรตั้งกล้องติดรถยนต์ให้อยู่กลางที่ใช้งานได้จริง เพราะหากกล้องมีมุมมองแคบเกินไป ก็อาจจะครอบคลุมหน้ารถได้ไม่หมด
แน่นอนว่าประโยชน์จากการติดกล้องรถยนต์นั้น ไม่เพียงแค่ช่วยเรื่องคดีความตอนเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น แต่ยังใช้ในการเบิกเคลม ยืนยันว่าเราไม่ได้เป็นฝ่ายผิด และยังสามารถนำไปเป็นส่วนลดในการทำประกันรถยนต์กับ แรบบิท แคร์ ได้อีกด้วย สำหรับใครที่สนใจอยากทำประกันรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น ประกันรถชั้น 1, ชั้น 2+ หรือชั้น 3+ แรบบิท แคร์ ก็พร้อมเคียงข้างให้การดูแล แถมยังเคลมง่าย ไม่ยุ่งยาก และไม่รอนานอีกด้วย คลิกเลย!
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct