คุณพ่อคุณแม่ห้ามพลาด! 4 นิทานอีสปยอดฮิต พร้อมข้อคิด-คติสอนใจลูกน้อย
แรบบิท แคร์ รวม 4 นิทานอีสปยอดฮิต! ที่คุณพ่อคุณแม่ห้ามพลาดมาฝาก ซึ่งนิทานอีสปแต่ละเรื่องต่างก็เป็นเรื่องดังและได้รับความนิยมแบบอมตะนิรันดร์กาล แถมยังมีข้อคิดและคติสอนใจ ที่เหมาะในการใช้สอนเด็ก ๆ ที่บ้าน ต้องเอาไปอ่านให้ลูกฟัง
นิทานอีสปกระต่ายกับเต่า
เนื้อหานิทานอีสปกระต่ายกับเต่า:
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีกระต่ายน้อยตัวหนึ่งที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ในป่าอย่างสุขใจ มันมักจะเห็นสัตว์อื่น ๆ ที่เชื่องช้า ไม่คล่องแคล่ว ไม่ว่องไวเหมือนตัวมัน จนกระทั่งมันเริ่มมีความเชื่อผิด ๆ และเริ่มหลงตัวเองว่าไม่มีใครเร็วกว่ามันอย่างแน่นอน
วันหนึ่งกระต่ายเห็นเต่าคลานอยู่ต้วมเตี้ยม กระต่ายจึงเยาะเย้ยเต่าโดยการพูดว่า “เจ้าเต่าคลานต้วมเตี้ยมเชื่องช้า มัวแต่คลานแบบนี้ เมื่อไหร่จะถึงล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เต่ารู้สึกไม่พอใจกับวิธีพูดของกระต่ายที่เหยียดหยามตัวเอง จึงตอบโต้กลับด้วยการพูดว่า “เจ้ากระต่ายก็หลงตัวเองเช่นเดียวกัน ไม่เห็นว่าจะเก่งอย่างไรสักเท่าไหร่ ดีแค่เที่ยวโม้ไปทั่วตลอดเวลา”
กระต่ายได้ยินก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก มันจึงท้าวิ่งแข่งกับเต่าเพื่อพิสูจน์ว่าใครกันแน่ที่เร็วกว่ากัน
เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น กระต่ายวิ่งด้วยความเร็วสุดฝีเท้านำเต่าไปก่อน แต่เมื่อถึงกลางทางแล้ว กระต่ายหันกลับมองข้างหลัง แล้วก็ไม่พบแม้แต่เงาของเต่าที่กำลังตามมา จึงหลงลำพองใจว่ายังไงเจ้าเต่าเชื่องช้าก็คงไม่มีวันตามทันแน่
เจ้ากระต่ายคิดดังนั้น จึงนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างทางจนเผลอหลับไป ในขณะที่เจ้าเต่ายังคงคลานต้วมเตี้ยมเดินไปข้างหน้าอย่างไม่ย่อท้ออยู่
เมื่อเจ้ากระต่ายสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นว่าเวลาผ่านไปนานแล้ว มันรีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วหวังว่าจะได้ชัยชนะ แต่น่าเสียดาย ในตอนที่มันหลับไปเจ้าเต่าได้คลานอย่างช้า ๆ แซงผ่านมันไป จนถึงเส้นชัยก่อนแล้วนั่นเอง
นิทานอีสปกระต่ายกับเต่าสอนให้รู้ว่า:
“ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั่น”
“ความประมาท ย่อมนำมาซึ่งความล้มเหลว และ ผู้เพียรพยายามย่อมประสบผลสำเร็จ”
นิทานอีสปลูกหมูสามตัว
เนื้อหานิทานอีสปลูกหมูสามตัว:
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว แม่หมูและลูกหมูสามตัวที่มีนิสัยแตกต่างกันอาศัยอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง
ลูกหมูที่เป็นพี่ใหญ่มีนิสัยเกียจคร้าน ชอบแอบไปหาที่นอนตลอดทั้งวัน
ลูกหมูที่เป็นพี่คนกลางมีนิสัยตะกละ ไม่ชอบทำงาน มักหาเวลานั่งพักกินอาหารเสมอ
ส่วนลูกหมูตัวที่สาม หรือน้องเล็กสุด เป็นหมูที่ขยันขันแข็ง เอาการเอางานเป็นอย่างมาก
วันหนึ่งแม่หมูคุยกับลูกหมูว่า “พวกลูก ๆ โตเกินกว่าจะอยู่บ้านเดียวกับแม่แล้ว
ทุกคนต้องไปสร้างบ้านของใครของมันอยู่กันนะจ๊ะ” ด้วยเหตุนี้ลูกหมูทั้ง 3 จึงต้องออกเดินทาง
ไปหาวัสดุสำหรับมาสร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัยด้วยตัวเอง
พี่ใหญ่เลือกที่จะสร้างบ้านด้วยฟาง เพราะใช้เวลาน้อย สร้างง่าย ไม่เหนื่อย ไม่ต้องแบกของหนัก ๆ
พี่คนกลางเลือกสร้างบ้านด้วยไม้ เพราะแค่ใช้แรงขนกลับไปนิดหน่อย ตอกตะปูไม่กี่ทีก็เสร็จแล้ว
น้องเล็กเลือกสร้างด้วยอิฐ เพื่อความแข็งแรง ทนทาน แต่เมื่อพี่ ๆ เห็นดังนั้นก็หัวเราะใส่
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าโง่ อิฐมันทั้งหนัก ทั้งใช้เวลาในการสร้าง เจ้านี่มันโง่จริง ๆ” น้องเล็กจึงตอบกลับไปว่า
“แต่มันทนทานกว่า แข็งแรงกว่า และอยู่ได้อย่างปลอดภัย” จากนั้นลูกหมูทั้ง 3 ตัวก็แยกย้ายกันไปสร้างบ้านของตนเอง
พี่หมูคนโตใช้เวลาเพียงไม่นานก็สร้างบ้านด้วยฟางเสร็จ พี่หมูคนกลางใช้เวลาสร้างบ้านด้วยไม้เสร็จในเวลาต่อมาไม่นาน มีเพียงลูกหมูน้องเล็กที่ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะสร้างบ้านเสร็จตามไป
คืนหนึ่งมีหมาป่ามาซุ่มโดยหวังว่าจะจับลูกหมูทั้ง 3 มากินเป็นอาหาร มันเริ่มจากบ้านของพี่คนโตที่สร้างด้วยฟาง
“ไปให้พ้นนะเจ้าหมาป่า ข้าไม่เปิดประตูให้เจ้าหรอก” พี่หมูคนกลางร้องบอก
“ฮ่า ๆ ๆ บ้านที่ทำด้วยฟางแบบนี้ ข้าเป่าสองทีก็ปลิวแล้ว” ว่าแล้วมันก็เป่าลมหายใจ บ้านของพี่หมูถล่มลงมา
ด้วยความตกใจมันจึงวิ่งไปเคาะบ้านน้องคนกลางเพื่อขอหลบภัย แต่เจ้าหมาป่าก็ตามไปติด ๆ
“ไปให้พ้นนะเจ้าหมาป่า บ้านของข้าแข็งแรงไม่ให้เจ้าเข้ามาหรอก” ลูกหมูคนโตและคนกลางกอดกันด้วยความสั่นกลัว
“ฮ่า ๆ ๆ บ้านไม้แบบนี้ข้าพุ่งชนแค่ 2-3 ทีก็พังแล้ว” ว่าแล้วเจ้าหมาป่าก็พุ่งชนบ้านจนถล่มลงมา ลูกหมูสองตัวรีบวิ่งไปขอหลบภัยที่บ้านของน้องเล็กทันที
ด้วยความที่บ้านของน้องเล็กก่อสร้างด้วยอิฐและมีความแข็งแรงมาก ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรเจ้าหมาป่าก็ไม่สามารถพังเข้ามาได้ มันพุ่งชนจนตัวเต็มไปด้วยบาดแผล สุดท้ายจึงยอมถอดใจไปในที่สุด
นิทานอีสปเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า:
“การเกียจคร้านไม่ได้ทำให้เราสบายแต่จะนำทุกข์ภัยมาสู่ตน เราจึงควรขยันหมั่นเพียร ไม่เกียจคร้าน”
นิทานอีสปชาวนากับงูเห่า
เนื้อหา:
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในช่วงหน้าหนาวชาวนาคนหนึ่งได้พบกับงูเห่าที่กำลังนอนขดตัวหนาวสั่นใกล้ตายอยู่บนคันนาระหว่างทางกลับบ้าน เมื่อเห็นดังนั้นชาวนาจึงเกิดความสงสาร อุ้มงูขึ้นมาซุกไว้ในอ้อมอกเพื่อมอบความอบอุ่นให้
เมื่องูเห่าได้รับความอบอุ่นและเริ่มมีกำลังมากขึ้นมันก็ฟื้นขึ้นมาพบว่าอยู่ในอ้อมอกของชาวนา ด้วยความตกใจและสัญชาตญาณของสัตว์ร้าย มันจึงฉกชาวนาก่อนจะเลื้อยหนีไป ชาวนาทนพิษบาดแผลไม่ไหวสุดท้ายก็ถึงแก่ความตาย ก่อนตายเขาได้รำพึงว่า “เราไม่น่าช่วยสัตว์ร้ายตัวนี้เลย เราถึงต้องตายเพราะมัน”
นิทานอีสปชาวนากับงูเห่าสอนให้รู้ว่า:
“ก่อนจะให้ความช่วยเหลือหรือใกล้ชิดกับใคร ควรเรียนรู้นิสัยใจคอเขาให้ดีเสียก่อน จะได้ไม่เป็นภัยต่อตัวเอง
นิทานอีสปเด็กเลี้ยงแกะ
เนื้อหา:
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเด็กเลี้ยงแกะคนหนึ่งชอบพูดโกหกเป็นประจำ วันหนึ่งเขาก็ร้องตะโกนเพื่อหลอกชาวบ้านว่า
“ช่วยด้วย ๆ หมาป่ามาแล้ว มันจะมากินแกะแล้ว!”
ชาวบ้านได้ยินดังนั้นต่างก็ตกใจและรีบพากันมาช่วย เด็กเลี้ยงแกะเห็นชาวบ้านวิ่งหน้าตาตื่นก็หัวเราะด้วยความสนุกสนานชอบใจ เขาทำเช่นนี้อีกหลายครั้งจนชาวบ้านทุกคนที่คอยวิ่งมาช่วยเพื่อพบว่าพวกเขาถูกหลอกทุกครั้งไปต่างก็ระอาใจ
วันหนึ่งมีหมาป่าบุกมาจริง เด็กเลี้ยงแกะตะโกนให้คนมาช่วยสุดเสียง
“ช่วยด้วย ๆ หมาป่ามา! มันจะมากินแกะแล้ว!!”
ทว่าครั้งนี้กลับไม่มีชาวบ้านออกมาช่วย เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าเขาคงจะโกหกอีก สุดท้ายเจ้าหมาป่าจึงกินแกะของเด็กเลี้ยงแกะไปจนหมด
นิทานอีสปเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า:
“คนที่ชอบโกหก แม้พูดความจริงก็ไม่มีใครเชื่อ”
และนี่ก็เป็นนิทานอีสปยอดนิยมทั้ง 4 เรื่อง ที่ แรบบิท แคร์ นำมาฝาก เป็นนิทานอีสปที่จะช่วยคุณพ่อคุณแม่ให้ความสนุกสนานและปลูกฝังข้อคิดดี ๆ ให้ลูกน้อย ถือเป็นอีกส่วนสำคัญในการปลูกฝังภูมิคุ้มกันทางด้านความคิดและจิตใจให้แก่เด็ก ๆ ก่อนออกสู่สังคม และนอกจากนี้สำหรับผู้ปกครองที่ห่วงใยบุตรหลานแล้ว นอกจากจะสร้างเกราะป้องกันทางด้านความคิดและการใช้ชีวิตให้กับพวกเขา ยังต้องไม่ลืมทำประกันเด็ก ช่วยดูแลทั้งในเรื่องสุขภาพและอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ต่าง ๆ เป็นการดูแลเจ้าตัวน้อยของบ้านอย่างครอบคลุม
บทความที่เกี่ยวข้อง
มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นนักเขียนด้านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อสุขภาพที่ Rabbit Care และ Asia Direct
และ 12 ปี ในอุตสาหกรรม OTA อย่าง Laterooms.com , Expedia.com จึงมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว
จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาการจัดการการเงิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น