วิธีดูแนวรับแนวต้าน และการใช้หาจุดเข้าซื้อหุ้น เริ่มต้นยังไงดี?

คะน้าใบเขียว
ผู้เขียน: คะน้าใบเขียว Published: กันยายน 3, 2025
คะน้าใบเขียว
คะน้าใบเขียว
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct
แนวรับ แนวต้าน

เมื่อถึงการวิเคราะห์หุ้นหรือกราฟเทคนิค แนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance) เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในพื้นฐานที่นักลงทุนทุกคนต้องเข้าใจ เพราะทั้งสองจุดนี้เปรียบเสมือน “เส้นแบ่ง” ที่ช่วยบอกได้ว่าราคาหุ้นกำลังอยู่ในช่วงที่ควรเข้าซื้อ หรือควรระวังการขายออก

แล้วเราจะทำความเข้าใจได้ยังไง ?  ต้องเริ่มต้นดูแบบไหน? วันนี้ แรบบิท แคร์ จะพาคุณไปทำความเข้าใจกันให้มากขึ้นว่า แนวรับ แนวต้าน คืออะไร? จุดเข้าซื้อ–ขายหุ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องเลือกยังไง ตามมาเลยดีกว่า! 

แนวรับ แนวต้าน คืออะไร?

คำว่า แนวรับ แนวต้าน คือ หนึ่งในพื้นฐานสำคัญของการวิเคราะห์กราฟหุ้นเชิงเทคนิค ซึ่งจะช่วยให้คุณวิเคราะห์ได้ว่าควรเข้าไปซื้อหุ้นไหนบ้าง

 ดังนั้น การเข้าใจ แนวรับ แนวต้าน คือก้าวแรกของนักลงทุนที่อยากเทรดหุ้นหรือเทรดกราฟอย่างมีระบบ ไม่ใช่แค่เดาสุ่ม แต่เป็นการใช้หลักการวิเคราะห์ทางเทคนิคให้มีเหตุผลก็ว่าได้ โดยความหมาย และหลักการเบื้องต้นของ แนวรับ แนวต้าน จะมีดังนี้

  • แนวรับ คือ ระดับราคาที่คาดว่าหุ้นจะหยุดลงหรือลดแรงขาย เพราะนักลงทุนมองว่าราคาต่ำเกินไปจึงเข้าซื้อเพิ่ม ทำให้ราคามีโอกาสเด้งกลับขึ้นมา โดยนักลงทุนมักใช้เป็นจุดเข้าซื้อหุ้น หรือหากให้สรุปแบบเข้าใจง่าย คือ เป็นพื้นที่ที่นักลงทุนมองว่า “ถูกแล้ว ควรซื้อ”
  • แนวต้าน คือ ระดับราคาที่คาดว่าหุ้นจะหยุดขึ้นหรือลดแรงซื้อ เพราะนักลงทุนมองว่าราคาสูงเกินไปจึงเริ่มขาย ทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวลง นักลวทุนหลายคนมักใช้เป็นจุดขายทำกำไร หรือหากให้เข้าใจอย่างง่าย นี่คือพื้นที่ที่นักลงทุนมองว่า “แพงแล้ว ควรขาย” 

ทั้งนี้ แนวรับ แนวต้าน เป็นเพียง “ความน่าจะเป็น” ไม่ใช่การการันตี 100% นักลงทุนควรใช้ Stop Loss (จุดตัดขาดทุน) เพื่อป้องกันความเสี่ยงเสมอ และควรพิจารณาจากหลากหลายปัจจัยเพื่อประกอบการตัดสินใจร่วม ไม่ใช่ดูกราฟอย่างเดียว

แล้ว วิธีดูแนวรับแนวต้าน ต้องดูยังไงกัน? 

การดูแนวรับแนวต้านทำได้หลายวิธี เช่น

ดูจากกราฟราคา (Chart)

  • จุดต่ำสุดเดิม → มักเป็น แนวรับ
  • จุดสูงสุดเดิม → มักเป็น แนวต้าน
  • ถ้าราคาลงมาทดสอบแล้วเด้งขึ้น = แนวรับแข็งแรง
  • ถ้าราคาขึ้นไปชนแล้วตกลง = แนวต้านแข็งแรง

โดยรวม ราคามักหยุดหรือตีกลับที่ระดับเดิมซ้ำ ๆ หรือจุดนั้นสามารถตีเส้นเป็นแนวรับหรือแนวต้านได้

การตีเส้นแนวรับแนวต้าน (Drawing Support & Resistance Line)

  • ใช้เส้น Horizontal Line ขีดตรงจุดที่ราคากลับตัวบ่อย ๆ
  • ยิ่งราคามีการเด้งหลายครั้ง → เส้นนั้นยิ่งน่าเชื่อถือ

ทั้งนี้ เส้นเหล่านี้ไม่ได้เป็น “เส้นตรงเป๊ะ” แต่เป็นโซนราคาที่นักลงทุนจับตา

ใช้เส้นค่าเฉลี่ย (Moving Average)

  • MA 50, MA 200 มักเป็นแนวรับ–แนวต้านสำคัญ
  • ถ้าราคายืนเหนือเส้นได้ → เป็นสัญญาณขาขึ้น
  • ถ้าราคาหลุดเส้น → เป็นสัญญาณขาลง

ใช้ Indicator แนวรับแนวต้าน

  • Fibonacci Retracement → ช่วยหาจุดย่อตัวและเด้งกลับ
  • Pivot Point → เครื่องมือยอดนิยมของนักเทรดสั้น
  • Bollinger Bands → เส้นบนทำหน้าที่เป็นแนวต้าน ส่วนเส้นล่างทำหน้าที่เป็นแนวรับ

แนวรับ แนวต้าน กับจุดเข้าซื้อหุ้นต้องช่วงไหน?

สำหรับหลักการพื้นฐานผู้ที่อยากเข้าซื้อหุ้นนั้น ให้วิเคราะห์จาก

  • ซื้อหุ้นใกล้แนวรับ เพราะจะได้ราคาถูกและเสี่ยงขาดทุนน้อย มีจุดตัดขาดทุนชัดเจน
  • ขายหุ้นใกล้แนวต้าน เพราะจะช่วยล็อกกำไรก่อนที่ราคาจะย่อลง
  • หากราคาทะลุแนวต้าน (Breakout) → อาจเป็นโอกาสซื้อเพื่อเก็งกำไรขาขึ้น
  • หากราคาหลุดแนวรับ (Breakdown) → เป็นสัญญาณขายเพื่อลดความเสี่ยง


ตัวอย่างการอ่านกราฟแนวรับแนวต้าน

หุ้น A มีแนวรับที่ 50 บาท และแนวต้านที่ 60 บาท ซึ่งนักลงทุนสามารถ “เก็งกำไร” โดยซื้อแถว 51–52 บาท และขายแถว 59–60 บาท แต่ถ้าราคาทะลุ 60 บาทขึ้นไป → แนวต้านใหม่อาจขยับสูงขึ้น

จะเห็นได้ว่า แนวรับ แนวต้าน คือเครื่องมือวิเคราะห์กราฟหุ้น ที่ช่วยบอกจุดซื้อ–ขายที่มีความน่าจะเป็นสูง นักลงทุนมือใหม่ควรฝึกดูบ่อย ๆ และใช้ควบคู่กับเครื่องมืออื่นเพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรและลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ 

และสำหรับใครที่อยากเริ่มต้นลงทุนกับหุ้นต่างประเทศ ต้องนี่เลย webull แพลตฟอร์มที่ให้บริการเทรดออปชันสหรัฐฯ เพิ่มโอกาสในการลงทุนของคุณและศักยภาพการทำกำไรที่มากขึ้น มั่นใจได้กับโบรกเกอร์ชั้นนำของสหรัฐฯที่ได้รับใบอนุญาตในไทย เทรดได้ 24 ชั่วโมง สามารถทำการซื้อ-ขายหุ้นได้ทันที ไม่ต้องกลัวดีเลย์ระหว่างประเทศ คลิกเลย!

สรุป

แนวรับ แนวต้าน คือ เครื่องมือพื้นฐานที่ช่วยนักลงทุนหาจังหวะเข้าซื้อ–ขายหุ้นได้ดีขึ้น โดยการอ่านแนวรับแนวต้านควรใช้ร่วมกับ Indicator และการวิเคราะห์ปริมาณซื้อขาย (Volume) และ การผสมทั้ง Fundamental + Technical จะช่วยให้ตัดสินใจลงทุนได้แม่นยำและลดความเสี่ยงมากที่สุด

ที่มา

บทความแคร์การลงทุน

Rabbit Care Blog Image 104318

แคร์การลงทุน

วิธีดูกราฟหุ้น ฉบับเข้าใจง่าย มือใหม่ก็อ่านได้

การดูกราฟหุ้นนั้น ถือว่าเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับนักลงทุน เพราะช่วยให้คุณรู้ว่าหุ้นกำลัง “ขึ้น” หรือ “ลง” และยังช่วยหาจังหวะซื้อขายได้แม่นยำขึ้น
คะน้าใบเขียว
05/09/2025
Rabbit Care Blog Image 103623

แคร์การลงทุน

รู้จักกับการลงทุนหุ้นสกุลเงินต่างประเทศ ฉบับมือใหม่เข้าใจง่าย

คุณเคยสงสัยไหมว่า การลงทุนในหุ้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศ? จริงๆ แล้วนักลงทุนสามารถทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินผ่าน หุ้นสกุลเงินต่างประเทศ
คะน้าใบเขียว
19/08/2025
Rabbit Care Blog Image 103616

แคร์การลงทุน

ค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้นคิดยังไง? พร้อมวิธีลดต้นทุนและสิทธิ์ลดหย่อนภาษี

สำหรับนักลงทุนมือใหม่หรือแม้แต่นักเทรดมากประสบการณ์ การรู้จักและเข้าใจค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้น ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะค่าธรรมเนียม คือ
คะน้าใบเขียว
19/08/2025