5 วิธีเข้าโค้งให้ปลอดภัยสำหรับเริ่มหัดขับรถยนต์



การขับรถช่วงบริเวณทางโค้งมักจะเกิดประสบอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง แม้ในบางเส้นทางอาจมีป้ายเตือนล่วงหน้าให้เราระมัดระวัง และชะลอความเร็วแล้วก็ตาม สำหรับมือใหม่หัดขับ เพราะในบางครั้งอาจจะไม่มีสติ ขาดความระมัดระวังนั่นเอง และวันนี้ Rabbit Care มีข้อมูลที่จะทำให้คุณได้รู้วิธีเข้าโค้งได้อย่างปลอดภัยมาฝากกัน

เทคนิคการหัดเข้าโค้งอย่างไรให้ปลอดภัย
1.ศึกษาเส้นทาง เพิ่มความปลอดภัย
ถ้าหากต้องเดินทางไปยังเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ควรศึกษาก่อนว่า เส้นทางนั้นมีทางโค้ง ทางขรุขระ ทางคดเคี้ยว สภาพแวดล้อมทางถนนเป็นอย่างไร เพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการขับรถได้มากยิ่งขึ้น เพราะในบางพื้นที่อยาจจะมีทางโค้งเยอะและยาวมาก บางโค้งเล็กบางโค้งใหญ่ เช่น ทางขึ้นเขา ลงเขา และในบางพื้นที่อาจจะไม่มีป้ายจราจรคอยบ้าง ดังน้้นนอกจากจะต้องอาศัยความชำนาญในการขับรถยนต์แล้ว ยังต้องมีสติด้วย เพราะถ้าหลุดโค้ง หรือแหกโค้งไปอาจจะประสบอุบัติเหตุได้
2.ระดับความเร็วในแต่ละโค้ง
เมื่อเรารู้แล้วว่า เส้นทางที่เราไปนั้นมีทางโค้ง ควรทำการชะลอความเร็วก่อนเมื่อถึงทางโค้ง เพราะถ้าหากเข้าโค้งกระทันหัน หรือเหยียบเบรคแรงเกินไป ก็อาจจะทำให้ท้ายรถสะบัดและเสียหลักได้ โดยเฉพาะโค้งที่มีป้ายแจ้งเตือนว่า โค้งอันตราย ไม่ควรเข้าโค้งด้วยความเร็ว เพราะอาจทำให้รถนั้นแหกโค้งได้ง่าย สำหรับระยะเวลาเมื่อเจอทางโค้งอาจกะได้ประมาณ ดังนี้
- ทางโค้งที่มีความยาวระยะทาง 10 เมตร ระดับความเร็วที่รถวิ่งควรอยู่ที่ 15 กม./ชม.
- ทางโค้งที่มีความยาวระยะทาง 20 เมตร ระดับความเร็วที่รถวิ่งควรอยู่ที่ 25 กม./ชม.
- ทางโค้งที่มีความยาวระยะทาง 30 เมตร ระดับความเร็วที่รถวิ่งควรอยู่ที่ 30 กม./ชม.
- ทางโค้งที่มีความยาวระยะทาง 40 เมตร ระดับความเร็วที่รถวิ่งควรอยู่ที่ 35 กม./ชม.
- ทางโค้งที่มีความยาวระยะทาง 50 เมตร ระดับความเร็วที่รถวิ่งควรอยู่ที่ 40 กม./ชม.
- ทางโค้งที่มีความยาวระยะทาง 50 – 100 เมตร ระดับความเร็วที่รถวิ่งควรอยู่ที่ 50 กม./ชม.
3.วางตำแหน่งตัวรถก่อนขับเข้าทางโค้ง
การวางตำแหน่งของตัวรถก่อนขับเข้าทางโค้ง จะทำให้คนขับนั้นสามารถควบคุมรถยนต์ในระหว่างวิ่งทางโค้งได้ดี โดยผู้ขับไม่จำเป็นต้องหักพวงมาลัยมากเกินไป และยังจะทำให้ผู้ขับนั้นมองเห็นทัศนวิสัยข้างหน้าได้ชัดเจนขึ้นด้วย ว่าข้างหน้านั้นมีอะไรกีดขวางทางที่เราขับไปหรือไม่ รวมถึงเป็นการเพิ่มความระมัดระวังในการขับช่วงทางโค้งได้ทำให้ไม่หลุดออกจากโค้ง หรือแหกโค้งนั่นเอง ฉะนั้นแล้วการขับรถในตำแหน่งที่เหมาะสมและถูกต้องจึงช่วยให้การขับรถเข้าโค้งต้องเริ่มตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนหักพวงมาลัย ไปจนถึงการควบคุมรถออกไปยังปลายทางโค้ง เมื่อทำอย่างถูกวิธีและมีสติก็จะช่วยให้ผู้ขับรถรอดพ้นจากอุบัติเหตุที่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้นได้นั่นเอง
4.เช็คสภาพช่วงล่างของรถยนต์เป็นประจำ
การขับรถบริเวณทางโค้งจำเป็นต้องใช้ช่วงล่าง และยางรถยนต์ในการยึดเกาะพื้นผิวถนนให้มากที่สุด จึงทำให้รถเมื่อเข้าทางโค้งจะสูญเสียการทรงตัวได้ง่าย จึงจำเป็นต้องเช็คสภาพช่วงล่างรถอยู่เป็นประจำ เพราะถ้าในช่วงที่ต้องขับเข้าทางโค้งด้วยความเร็วสูง ช่วงล่างและยางรถยนต์ที่ได้ตรวจสภาพมาเป็นอย่างดีจะช่วยทำให้ประสิทธิภาพในการยึดเกาะระหว่างเข้าทางโค้งได้เป็นอย่างดี
5. ประกันรถยนต์คุ้มครองทุกการเดินทาง
การต่อประกันรถยนต์นอกจากจะช่วยคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุบนถนนแล้ว ยังครอบคลุมกรณีที่รถยนต์ถูกโจรกรรมหรือไฟไหม้อีกด้วย ซึ่งประกันรถยนต์ก็มีหลายประเภทให้คุณเลือกตามการใช้งานและความเหมาะสม หากยังไม่แน่ใจ สามารถลองเปรียบเทียบประกันรถยนต์เพื่อหาตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดได้เลย
- ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1
เป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะให้ความคุ้มครองครอบคลุมทุกกรณี แม้คู่กรณีจะหลบหนีไปก็ตาม รวมถึงคุ้มครองชีวิต ทรัพย์สิน และภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ - ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2
คุ้มครองกรณีรถไฟไหม้ สูญหาย และซ่อมให้คู่กรณี ราคาค่าเบี้ยถูกกว่าชั้น 1 - ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3
เหมาะกับรถที่มีอายุการใช้งานนาน หรือไม่ค่อยได้ใช้ ให้ความคุ้มครองคู่กรณีเป็นหลัก ราคาประหยัด - ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+
ราคาย่อมเยา คุ้มครองการซ่อมรถทั้งสองฝ่ายในกรณีรถชนกัน แต่ไม่ครอบคลุมกรณีรถสูญหายหรือไฟไหม้
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

มีประสบการณ์สร้างสรรค์ผลงานออนไลน์ 10 ปี เขียนด้านเงิน การลงทุน บทความวิเคราะห์สถานการณ์การเงินในประเทศ และฝากผลงานไว้ที่ Rabbit Care ถึง 4 ปี