โดนปาหินใส่รถต้องทำอย่างไร ? ประกันคุ้มครองหรือไม่ ?
โดนปาหินใส่รถ สถานการณ์ที่ไม่ว่าใครที่ใช้รถใช้ถนนก็ต่างไม่ต้องการให้เกิดขึ้นกับตัวเองนั้นมีอันตรายมากแค่ไหน หากโดนปาหินใส่รถจะต้องปฏิบัติอย่างไร หรือมีวิธีการหลีกเลี่ยงแบบไหน เมื่อโดนปาหินใส่รถแล้วประกันคุ้มครองหรือไม่ ผู้ที่ทำการปาหินจะได้รับบทลงโทษอย่างไร สรุปข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับการปาหินใส่รถให้ จาก แรบบิท แคร์
โดนปาหิน อันตรายหรือไม่ ?
การโดนปาหินนั้นถือว่ามีอันตรายเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากการโดนปาหินจะทำให้รถของเราเกิดความเสียหายแล้ว การโดนปาหินยังทำให้รถของเราเสียหลักจนเกิดอุบัติเหตุ ได้รับบาดเจ็บจนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ นอกจากนี้หากแก๊ง ปาหินที่ดักปาหินใส่เรานั้นมีเจตนาจะทำร้ายซ้ำ หรือปล้นชิงซ้ำก็ยิ่งเสี่ยงอันตรายเข้าไปใหญ่ ถือเป็นฝันร้ายของนักเดินทางยามค่ำคืนหากต้องเผชิญกับสถานการณ์โดนปาหินใส่เลยทีเดียว
โดนปาหินกระจกแตก ประกันคุ้มครองไหม ?
สำหรับการโดนปาหินจนกระจกแตก หรือมีความเสียหายใด ๆ เกิดขึ้นนั้นสามารถเคลมประกันได้ ซึ่งเงื่อนไขความคุ้มครองจะครอบคลุมมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขกรมธรรม์ที่เราเลือกทำเอาไว้ ดังนั้นจึงขอแนะนำว่าสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางในเส้นทางซึ่งมีความเสี่ยงอันตรายที่อาจเจอกับสถานการณ์ที่จะโดนปาหินใส่ได้ ควรเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 กับ แรบบิท แคร์ เอาไว้ เพราะสามารถดูแลคุ้มครองได้อย่างครอบคลุมเมื่อเกิดสถานการณ์ไม่คาดฝันให้เราอุ่นใจได้นั่นเอง
แก๊งปาหิน คืออะไร ?
แก๊งปาหิน คือ กลุ่มมิจฉาชีพซึ่งมักอยู่บนถนนที่ค่อนข้างเปลี่ยวในยามวิกาลเพื่อทำการดักปาหินใส่รถที่ขับผ่านไปมา โดยเหยื่อที่โดนปาหินใส่นั้นมักจะตกใจจนจอดรถข้างทางหรือเสียหลักจนเกิดอุบัติเหตุเมื่อโดนปาหินใส่ ซึ่งเมื่อรถหยุดหรือล้มลงแล้วก็จะโดนแก๊ง ปาหินที่ซุ่มอยู่ปล้นทรัพย์หรือทำร้ายร่างกายเป็นลำดับถัดไป หรือบางครั้งอาจไม่ได้ต้องการทำเพื่อการปล้นทรัพย์แต่อย่างใด แต่ปาหินใส่รถที่ผ่านไปมาเพื่อสนองความคึกคะนองส่วนตัวก็เป็นได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรการเผชิญหน้ากับการปาหินใส่ก็ทำให้เราบาดเจ็บและเป็นอันตราย ซึ่งอาจเป็นอันตรายจนถึงชีวิตได้ ดังเช่นปัจจุบันที่มีผู้ซึ่งตกเป็นเหยื่อหลายรายโดยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตกันอย่างมากมายจากสาเหตุการโดนปาหินใส่นั่นเอง
ปาหินใส่รถ มีบทลงโทษอย่างไร ?
สำหรับการปาหินใส่รถนั้นถือเป็นอาชญากรรมในรูปแบบหนึ่งซึ่งมีโทษหนักอย่างที่ผู้ซึ่งทำการปาหินด้วยความคึกคะนองอาจคาดไม่ถึง ซึ่งจะมีโทษทั้งทางอาญาและทางแพ่งที่แม้ผู้กระทำจะเป็นเยาวชนก็ไม่ได้รับการละเว้นโทษรวมถึงโทษอาจลามไปถึงผู้ปกครองด้วยเช่นกัน
คดีปาหินนั้นฝ่ายผู้ที่เสียหายสามารถเรียกร้องทางแพ่งได้ ไม่ว่าจะค่ารักษาพยาบาล , ค่าซ่อมรถ , ค่าชดเชยทำให้ขาดงาน-ทำงานไม่ได้ , ค่าชดเชยแก่ญาติกรณีตาย , ค่าขาดผู้อุปการะ ฯลฯ ซึ่งฝ่ายที่เสียหาย ไม่ว่าจะเป็นผู้เสียหายเอง หรือญาติผู้เสียหายที่เสียชีวิต สามารถฟ้องร้องเรียกร้องได้
โดยที่หากผู้กระทำผิดบรรลุนิติภาวะแล้วจะทำการฟ้องเอากับผู้กระทำผิด ซึ่งต่อให้ติดคุกแล้ว ถ้ามีทรัพย์สินใด ๆ เช่น บ้าน ที่ดิน รถ เงินฝาก ฯลฯ ผู้เสียหายฟ้องร้องฟ้องยึดเป็นค่าชดใช้ได้ ส่วนกรณีที่ผู้กระทำผิดยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก็จะสามารถฟ้องร้องเรียกค่าชดใช้จากผู้ปกครองได้ โทษฐานไม่ทำการดูแลอบรมบุตรหลานให้ดี ทั้งยังผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก โดยตามกฎหมายส่วนนี้ พ่อแม่จะมีโทษจำคุก 3 เดือน เว้นแต่ว่าจะสามารถพิสูจน์ได้จริง ๆ ว่า ทางพ่อแม่ผู้ปกครองก็กำกับดูแลลูกอย่างดีแล้วแต่บุตรหลานก็ยังไปก่อเหตุนั่นเอง
สำหรับตัวเด็กหรือเยาวชนที่กระทำผิดนั้นหากอายุไม่เกิน 15 ปี แม้ตามกฎหมายนั้นจะระบุว่าไม่ต้องรับโทษ แต่ก็ให้อำนาจศาลเรียกผู้ปกครอง พ่อแม่ มาตักเตือน ทำทัณฑ์บน หรือวางเงื่อนไขต่าง ๆ ไว้กับพ่อแม่ผู้ปกครองได้ และกรณีอายุเกิน 15 ปี แต่ต่ำกว่า 18 ปี จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล ซึ่งอาจมีการวางเงื่อนไขทำทัณฑ์บนไว้กับพ่อแม่ผู้ปกครอง แต่หากพิจารณาแล้วว่าจำเป็นต้องลงโทษ จะลดลงให้กึ่งหนึ่ง ก็ไม่ได้หมายความว่าโทษที่ตัวเด็กจะได้รับนั้นจะไม่หนัก เพราะคดีลักษณะนี้มีโทษรุนแรงมาก
และหากผู้กระทำผิดอายุเกิน 18 ปี แต่ไม่เกิน 20 ปี ศาลอาจลดโทษกึ่งหนึ่ง หรืออาจลดแค่ 1 ใน 3 ก็ได้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นลักษณะไหนก็ถือเป็นบทลงโทษที่ร้ายแรงมากนั่นเอง
โทษของการปาหินยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะนอกจากคดีทางแพ่งแล้วยังมีโทษทางคดีอาญา ซึ่งตามกฎหมายแล้วเข้าข่ายมีเจตนาฆ่า หรือฆ่าผู้อื่นโดยมีการไตร่ตรองไว้ก่อน มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 และบางคดีในอดีตยังเป็นการ ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการกระทำผิดอย่างอื่น เช่น ชิงทรัพย์ ลักทรัพย์ ด้วย ซึ่งโทษก็จะยิ่งหนัก โดยนักกฎหมายชี้ไว้ว่า มีความผิดร้ายแรง ที่โทษสูงสุดคือต้องระวางโทษถึง “ประหารชีวิต” เลยทีเดียว
วิธีหลีกเลี่ยงและวิธีปฏิบัติเมื่อโดนปาหินใส่
แน่นอนว่าเมื่อรู้ถึงความอันตรายร้ายแรงของการโดนปาหินใส่แล้วนั้นไม่ว่าใครก็คงไม่อยากโดนปาหินใส่เช่นกัน ดังนั้นลองมาดูวิธีการหลีกเลี่ยงการโดนปาหินใส่และวิธีการหลีกเลี่ยงโอกาสในการพบเจอกับแก๊งปาหินกันจะได้นำไประมัดระวังกันได้นั่นเอง
- หลีกเลี่ยงโดยการเลี่ยงการเดินทางกลางคืนบนถนนสายเปลี่ยว
- เมื่อจำเป็นที่จะต้องเดินทางในช่วงกลางคืนไม่ควรใช้ทางลัดหรือถนนที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ เพราะเส้นทางเหล่านี้เอื้ออำนวยให้แก๊งปาหินก่อเหตุได้ รวมถึงควรระมัดระวังทางโค้ง ทางมืดที่ไม่มีแสงสว่างเป็นพิเศษ
- พยายามไม่เดินทางคนเดียวและมีเพื่อนร่วมทางเดินทางไปด้วยเสมอเมื่อต้องเดินทางไปในสถานที่สุ่มเสี่ยง จะได้ช่วยกันสังเกตและระมัดระวังกันได้มากยิ่งขึ้น
- เมื่อจำเป็นที่จะต้องขับรถผ่านถนนที่มืดเกินไปและมีไฟสว่างน้อย ควรเปิดไฟสูงเพื่อให้มองเห็นทัศนวิสัยได้ชัดเจน หรือหากมีสิ่งกีดขวางด้านหน้าจะได้มองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น
- หากเจอสิ่งผิดปกติในระหว่างการเดินทาง เช่น รถมอเตอร์ไซค์วิ่งสวนมาโดยไม่เปิดไฟหน้า ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ และหลบหลีกจากรถคันดังกล่าว เพราะอาจเป็นคนร้ายที่หวังก่อเหตุได้นั่นเอง
- ไม่ควรขับขี่ด้วยความเร็วเกินไป เพราะหากโดนมุ่งร้ายจะได้หลบหลีกได้ เบรกได้ทัน ทำให้ความเสียหายที่เกิดขึ้นน้อยกว่าการขับขี่ด้วยความเร็วสูง
- จะต้องมีสติในการขับขี่ตลอดเวลา และเมื่อรถโดนปาหินต้องอย่าหยุดรถในจุดที่เกิดเหตุ เพราะอาจมีคนร้ายแอบซุ่มทำร้ายเราได้ ให้พยายามขับต่อไปจนเจอบ้านคน สถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน หรือปั๊มน้ำมัน เพื่อติดต่อขอความช่วยเหลือตามลำดับ
วิธีเหล่านี้คือวิธีหลีกเลี่ยงการโดนปา หินใส่และลดความรุนแรงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่โดนเลวร้าย ทั้งนี้การขับรถด้วยความระมัดระวังและมีสติอยู่ตลอดเวลาถือเป็นสิ่งสำคัญ หากเจอสถานการณ์ไม่คาดฝันต้องพยายามควบคุมสติไม่ตระหนกตกใจจนเกินไป
วิธีสังเกตแก๊งปาหินเพื่อระมัดระวังการโดนปาหินใส่
หลายคนอาจสงสัยว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับแก๊งปาหินที่มีความมุ่งร้ายและต้องการปา หินใส่รถของเราจะมีวิธีการในการสังเกตหรือไม่ ซึ่งโดยปกติแล้วแก๊ง ปาหินเหล่านี้มักจะก่อเหตุในทางหลวงเปลี่ยว ๆ ในยามวิกาล ซึ่งหากจำเป็นที่จะต้องวิ่งตามถนนเหล่านี้ในช่วงเวลาดังกล่าว และพบเห็นมอเตอร์ไซค์วิ่งสวนมาโดยไม่เปิดไฟหน้ารถและมีคนซ้อน ลักษณะผู้ขับและผู้ซ้อนดูเป็นวัยรุ่นที่ท่าทางมีพิรุธก็ให้สงสัยไว้ก่อนได้ว่าอาจเป็นผู้ก่อเหตุได้ ควรหลีกเลี่ยงจากรถคันดังกล่าวให้ไกลและระวังตัวให้ดี
ทั้งหมดนี้คือข้อมูลที่ควรรู้และควรปฏิบัติเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโดนปาหินใส่รถที่ควรรู้ไว้ เป็นวิธีในการป้องกันภัยและวิธีการจัดการเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เลวร้ายบนท้องถนนยามวิกาลอย่างการปาหินนั่นเอง
สรุป
การปาหินใส่รถเป็นเหตุการณ์ที่อันตรายมาก อาจก่อให้เกิดความเสียหายทั้งต่อทรัพย์สินและชีวิต รวมถึงเสี่ยงต่อการถูกปล้นหรือทำร้ายร่างกาย การป้องกันสามารถทำได้โดยเลี่ยงถนนเปลี่ยวในเวลากลางคืน เดินทางร่วมกับผู้อื่น ใช้ไฟสูงในพื้นที่มืด และไม่หยุดรถในจุดเกิดเหตุ แต่ให้ขับต่อไปยังพื้นที่ปลอดภัย หากเกิดความเสียหายจากการปาหิน ประกันชั้น 1 จะครอบคลุมค่าใช้จ่าย ผู้กระทำผิดจะได้รับโทษทางอาญาและแพ่งอย่างหนัก และเยาวชนที่กระทำผิดอาจทำให้ผู้ปกครองมีโทษด้วย การตั้งสติและมีความระมัดระวังระหว่างเดินทางจะช่วยลดความเสี่ยงได้มากที่สุด
ทำงานเกี่ยวข้องกับวงการประกันรถยนต์และยานยนต์มาตั้งแต่ปี 2019 ในหลากหลายตำแหน่งทั้ง SEO Specialist, Senior Executive, SEO / Web Analytics และ SEO Content Writer ในบริษัทประกันรถยนต์่และรถมือสองชั้นนำ นอกจากนั้น ยังเคยอยู่ในแวดวงสื่อมวลชนนานถึง 3 ปีในตำแหน่งนักข่าวไอทีนิตยสารชื่อดังแวดวง E-Commerce ด้านการศึกษาจบระดับชั้นปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนเรศวร และปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย