อุบัติเหตุ ปีใหม่ 7 วัน ยอดเสียชีวิตรวมมากถึง 463 ราย
- ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนสะสมช่วง 7 วัน ของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” วันที่ 27 ธ.ค. 2561 – 2 ม.ค. 2562 เกิดอุบัติเหตุรวม 3,791 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 463 ราย ผู้บาดเจ็บ 3,892 คน
- ประกันจ่ายแล้ว! สำนักงาน คปภ. เผยค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิตรายแรก ในช่วง 7 วันอันตราย ที่จังหวัดร้อยเอ็ด
สรุปยอด 7 วัน อุบัติเหตุ ช่วงปีใหม่
ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 ช่วง 7 วันของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” ระหว่างวันที่ 27 ธ.ค. 61 – 2 ม.ค. 62 เกิดอุบัติเหตุรวม 3,791 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 463 ราย ผู้บาดเจ็บ 3,892 คน
โดย นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนน ประจำวันที่ 2 มกราคม 2562 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร”
ทั้งนี้ได้เกิดอุบัติเหตุ 369 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 44 ราย ผู้บาดเจ็บ 391 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 30.35 และขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 29.54 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 79.53 รถปิกอัพร้อยละ 5.70
ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 68.56 บนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 41.46 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 32.25 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 27.64
โดยได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,052 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 66,644 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 890,673 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 182,023 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 46,248 ราย ไม่มีใบขับขี่ 41,473 ราย
สำหรับจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา 17 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครสวรรค์ 3 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา 18 คน สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 7 วัน ระหว่างวันที่ 27 ธ.ค.61 – 2 ม.ค. 62 เกิดอุบัติเหตุรวม 3,791 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 463 ราย ผู้บาดเจ็บ 3,892 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต หรือตายเป็นศูนย์ มี 4 จังหวัด ได้แก่ ตาก แพร่ สตูล และสมุทรสงคราม
จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 118 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 25 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 137 คน
สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 40.39 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 28.30 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 79.64 รถปิกอัพ 6.95
ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 64.89 บนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 39.30 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 34.90 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 27.78
สำนัก คปภ.จ่ายประกันให้ผู้เสียชีวิตรายแรก ในช่วง 7 วันอันตราย
ด้าน ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ช่วงเข้มข้น 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2561 – 2 มกราคม 2562 สำนักงาน คปภ. ได้รับรายงานว่า วันที่ 27 ธันวาคม 2561 เวลาประมาณ 01.20 น. ได้เกิดเหตุรถยนต์ ทะเบียน กค-1444 ยโสธร เฉี่ยวชน นายสมบูรณ์ ตะราสี อายุ 54 ปี จนเสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุบริเวณหมู่บ้านธารสวรรค์ ถนนแจ้งสนิท ตำบลมะบ้า อำเภอทุ่งเขาหลวง จังหวัดร้อยเอ็ด
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่า ผู้ตายไม่ได้ทำประกันภัยอุบัติเหตุอย่างใด ส่วนรถยนต์ทะเบียน กค-1444 ยโสธร ทำประกันภัยภาคบังคับไว้กับบริษัท เคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ KKNACOK18006007 เริ่มคุ้มครองวันที่ 6 มีนาคม 2561 – 6 มีนาคม 2562
โดยสำนักงาน คปภ. ได้รับการแจ้งจากบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาร้อยเอ็ด ว่าได้พิจารณาจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้น ซึ่งนับได้ว่าเป็นผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรายแรกในช่วง 7 วันอันตราย และมีการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นจำนวนเงิน 35,000 บาท ให้กับทายาทผู้ประสบภัยเรียบร้อยแล้ว
ต่อมาเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2561 สำนักงานคปภ. จังหวัดร้อยเอ็ดรายงานว่า ได้มีการมอบค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (พ.ร.บ.) จากบริษัท เคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จำนวน 265,000 บาท รวมเป็น 300,000 บาท โดยมีนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้
สำหรับสถิติตัวเลขการเกิดอุบัติเหตุตัวดังกล่าว ถือว่ามีแนวโน้มลดลง หากเทียบกับปีที่แล้ว เพราะมีความเข้มงวดจากมาตรการตรวจจับแอลกอฮอล์มากขึ้น และคาดว่าในปีต่อ ๆ ก็น่าจะลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ เช่นกันค่ะ
ขอบคุณที่มา
https://www.thaipost.net/main/detail/25548
https://www.ryt9.com/s/iq01/2935148
https://www.springnews.co.th/thailand/412975
มีประสบการณ์สร้างสรรค์ผลงานออนไลน์ 10 ปี เขียนด้านเงิน การลงทุน บทความวิเคราะห์สถานการณ์การเงินในประเทศ และฝากผลงานไว้ที่ Rabbit Care ถึง 4 ปี