ข้อควรรู้ก่อน ติดฟิล์มรถยนต์ ให้ถูกต้องและเหมาะสม
![close](https://production-rabbit-care-blog.imgix.net/2023/11/close-icon-25.png?auto=compress%2Cformat&crop=faces%2Ccenter&fit=scale&h=30&q=95&w=30)
![Facebook icon](https://production-rabbit-care-blog.imgix.net/2024/02/icon-sc-fb.png)
![IG icon](https://production-rabbit-care-blog.imgix.net/2024/02/icon-sc-ig.png)
![linkedin icon](https://production-rabbit-care-blog.imgix.net/2024/02/icon-sc-linkln.png)
![Youtube icon](https://production-rabbit-care-blog.imgix.net/2024/02/icon-sc-youtube.png)
![ติดฟิล์มรถยนต์ ประกันภัยรถยนต์](https://production-rabbit-care-blog.imgix.net/2018/02/6c3471ee-238rf-logo-template-1.jpg?auto=compress%2Cformat&crop=faces%2Ccenter&fit=scale&h=768&q=50&w=1024)
การติดฟิล์มรถยนต์ เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยปกป้องรถยนต์ของคุณ รวมถึงผู้ขับรถ และผู้ที่โดยสารที่มาด้วย จากความร้อนของแสงแดด ที่นับวันจะมีอุณภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ
หากคุณเป็น ผู้ขับมือใหม่ หรือมีความสนใจที่จะติดฟิล์มรถยนต์แล้วละก็ การศึกษารายละเอียดของการติดฟิล์มรถยนต์ จะช่วยให้คุณมีฟิล์มรถยนต์ที่ได้มาตรฐาน และมีประสิทธิภาพ ในการปกป้องรถยนต์จากแสงแดดได้
![ติดฟิล์มรถยนต์ รถยนต์ราคาถูก](https://production-rabbit-care-blog.imgix.net/2018/02/77f0af36-car-2018-6.jpg?auto=compress%2Cformat&crop=faces%2Ccenter&q=50)
ฟิล์มรถยนต์ คืออะไร?
ฟิล์มรถยนต์ หรือ ฟิล์มกรองแสง คือ ฟิล์มพลาสติกที่ทำมาจากพลาสติกโพลีเอสเตอร์ (Polyethylene terephthalate หรือ P.E.T.) ที่มีความบางเรียบ ความเหนียว ไร้ร้อยย่น และสามารถนำไปติดกับกระจกรถยนต์ได้อย่างแนบสนิท
โดยยึดติดกระจกด้วยกาวบางใส ที่ไม่ทำให้ภาพที่มองเห็นผ่านฟิล์มมีความบิดเบือน เมื่อนำมาติดกับรถยนต์จะช่วยกรองแสง และลดแสงสว่างที่จะส่องเข้ามาภายในห้องโดยสารได้
อีกทั้งช่วยให้การมองเห็นของผู้ขับรถยนต์ หรือผู้ที่โดยสารมาด้วยง่ายขึ้น และลดปัญหาทางสุขภาพต่างๆ เช่น โรคมะเร็งผิวหนัง ต้อนัยน์ตา
![ติดฟิล์มรถยนต์ ฟิล์มรถยนต์ราคาถูก](https://production-rabbit-care-blog.imgix.net/2018/02/31309926-1epcp-1204-01-o3m-crystalline-automotive-window-filmwindow.jpg?auto=compress%2Cformat&crop=faces%2Ccenter&q=50)
ประเภทของ ฟิล์มรถยนต์
การที่คุณจะเลือกติดฟิล์มรถยนต์ ควรเลือกจากความต้องการ หรือลักษณะของการใช้งานรถยนต์เป็นหลัก เรามาดูว่า ฟิล์มรถยนต์มีกี่ประเภท และประเภทไหนเหมาะกับการใช้งานของคุณมากที่สุดกันค่ะ
1. ประเภทที่ไม่มีส่วนผสม ของสารป้องกันรังสี ที่มาจากแสงแดด
ฟิล์มรถยนต์จำพวกนี้ คือ ฟิล์มรถยนต์กรองแสงทั่วไป หรือฟิล์มรถยนต์กรองแสงย้อมสีเป็นฟิล์มที่มีคุณสมบัติ ในการลดแสงสว่าง ที่ส่องผ่านเข้ามาทางกระจกเท่านั้น ไม่สามารถ ลดความร้อน จากแสงแดดได้ หรือลดได้เพียงเล็กน้อย
ฟิล์มประเภทนี้จึงมีราคาถูกที่สุด แต่ก็มีคุณภาพต่ำที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยลดความร้อนจากแสงแดดได้เพียงเล็กน้อยแล้ว ยังทำทัศนวิสัยในการขับขี่รถยนต์ผิดเพี้ยนไป หากติดฟิล์มนี้เป็นเวลานานด้วย
ขอขอบคุณภาพจาก www.toyota.co.uk
2. ประเภทที่มีส่วนผสม ของสารป้องกันรังสี ที่มาจากแสงแดด
ฟิล์มรถยนต์ประเภทนี้ คือ ฟิล์มรถยนต์ที่สามารถป้องกันรังสีที่มีจากแสงแดดได้ เช่น รังสีอัลตราไวโอเลต หรือ รังสียูวี ที่เป็นรังสีอันตราย ส่งผลเสียต่อสุขภาพของเรา โดยฟิล์มรถยนต์ประเภทนี้ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
- ฟิล์มปรอท ฟิล์มเคลือบโลหะ และฟิล์มลดความร้อน
คือ ฟิล์มรถยนต์ที่ผิวฟิล์มมีลักษณะมันเงา มีคุณสมบัติช่วยลดความร้อนจากแสงแดดได้มากถึง 35-90% อีกทั้งมีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า 3-7 ปี และราคาไม่แพงมาก ฟิล์มรถยนต์ประเภทนี้จึงได้รับความนิยมค่อนข้างมาก
- ฟิล์มอินฟราเรด (Infrared Film)
คือ ฟิล์มรถยนต์ที่เคลือบสารพิเศษในการตัดรังสีอินฟาเรด หรือรังสีความร้อน และเป็นฟิล์มที่กันความร้อนจากแสงแดดได้เป็นอย่างดี
- ฟิล์มนิรภัย
คือ ฟิล์มรถยนต์ที่มีความหนาตั้งแต่ 4 MIL ขึ้นไป (1 MIL เท่ากับ 1/1,000 นิ้ว) ฟิล์มประเภทนี้มีมีคุณสมบัติพิเศษ คือ ช่วยลดการแตกละเอียดของ กระจกรถยนต์ ในกรณีที่กระจกได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง
- ฟิล์มนาโน
คือ ฟิล์มรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ โดยการใช้อนุภาคนาโน ฟิล์มประเภทนี้ สามารถป้องกันรังสีอินฟาเรดได้โดยเฉพาะ และมีความทนทานกว่าฟิล์มรถยนต์ประเภทอื่นๆ และมีอายุการใช้งานยาวนานมากถึง 10 ปี เห็นได้ว่า ฟิล์มประเภทนี้มีคุณภาพสูง จึงทำให้ราคาสูงตามไปด้วย
![ติดฟิล์มรถยนต์ กรมธรรม์ประกันภัย](https://production-rabbit-care-blog.imgix.net/2018/02/1e44691d-1car-tint.jpg?auto=compress%2Cformat&crop=faces%2Ccenter&q=50)
ความเข้มของ ฟิล์มรถยนต์
แม้ปัจจุบัน ยังไม่มีเกณฑ์ในการกำหนดค่าความเข้มของฟิล์มรถยนต์ หรือระดับความทึบ ที่แสงแดดสามารถทะลุผ่านเข้ามาภายในห้องโดยสารได้อย่างแน่ชัด แต่ก็มีการกำหนดค่าความเข้มของฟิล์ม ที่ผู้ผลิตฟิล์มรถยนต์นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ดังนี้
1. ระดับความเข้ม 40%
คือ ระดับค่าที่แสงแดดส่องผ่านได้ ประมาณ 35% ขึ้นไป และฟิลม์รถยนต์จะมีลักษณะใส
2. ระดับความเข้ม 60%
คือ ระดับค่าที่แสงแดดส่องผ่านได้ ประมาณ 20% และฟิลม์รถยนต์จะมีลักษณะเข้ม
3. ระดับความเข้ม 80%
คือ ระดับค่าที่แสงแดดส่องผ่านได้ ประมาณ 5% และและฟิลม์รถยนต์จะมีลักษณะเข้มมาก ไปจนทึบ
ติดฟิล์มรถยนต์ ที่ไหนดี ?
นอกจากคุณภาพของฟิล์มรถยนต์ ที่คุณต้องคำนึงถึงเป็นอย่างแรกแล้ว สถานที่ติดฟิล์มรถยนต์ ก็เป็นสิ่งที่คุณต้องใส่ใจเช่นกัน เพราะหากร้านรับติดฟิล์มรถยนต์นั้น ไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่มีความเชี่ยวชาญในการติดฟิล์มรถยนต์โดยเฉพาะ อาจจะทำให้ฟิล์มรถยนต์ของคุณเสียหาย และส่งผลต่อ การมองเห็นขณะขับขี่รถยนต์ของคุณได้
เลือกสถานที่ติดฟิล์มรถยนต์ พิจารณาได้ดังนี้
1. ร้านติดฟิล์มรถยนต์ควรเป็นตัวแทนจำหน่าย และติดตั้งจากฟิล์มรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ โดยตรง
2. เลือกร้านติดฟิล์มรถยนต์ที่มีสถานที่สำหรับติดฟิล์มรถยนต์โดยเฉพาะ เพราะการติดตั้งฟิล์มรถยนต์นั้น ต้องใช้สถานที่สะอาด และป้องกันสิ่งรบกวนที่จะเข้าไปในเนื้อฟิล์ม เช่น ฝุ่นละออง หรือลม
3. ร้านติดตั้งฟิล์มรถยนต์ ควรมีช่างชำนาญการในการติดฟิล์มรถยนต์โดยเฉพาะ เพราะการติดฟิล์มรถยนต์ต้องใช้สมาธิในการทำงานสูง หากช่างติดฟิล์มรถยนต์ไม่มีความเชี่ยวชาญ อาจทำให้เกิดปัญหา และส่งผลเสียต่อฟิล์มรถยนต์ หรือรถยนต์ของคุณได้
4. มีการรับประกันการติดฟิล์มรถยนต์จากทางร้าน โดยสามารถเปลี่ยนฟิล์มรถยนต์ให้คุณได้ทันที หากมีการติดตั้งฟิล์มที่ไม่ได้คุณภาพ
นอกจากการปกป้องรถยนต์คู่ใจ ด้วยการติดฟิล์มรถยนต์แล้ว การทำ “ประกันภัยรถยนต์” ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยปกป้องรถยนต์ของคุณ ในเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ หากเกิดประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ในกรณีที่คุณได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุดังกล่าวอีกด้วย
![](https://production-rabbit-care-blog.imgix.net/2024/04/rabbitcare_editor_team.png?auto=compress%2Cformat&crop=faces%2Ccenter&q=50)
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี