สวย ดูดีได้ ไม่ต้องรอ! ก่อนฉีดฟิลเลอร์ต้องรู้อะไรบ้าง?
ทุกวันนี้ความสวยไม่ใช่สิ่งที่เราต้องน้อยอกน้อยใจในสิ่งที่เกิดอีกต่อไป เพราะนอกจากความสวยหลากหลายที่ได้รับการยอมรับมากขึ้นแล้ว การเข้าถึงนวัตกรรมความงามต่าง ๆ ก็ทำได้ง่าย ราคาจับต้องได้ง่ายดายขึ้น บางความสวยไม่ต้องถึงขั้นพึ่งมีดหมอก็สามารถสวยขึ้นได้! นี่เองที่ทำให้การฉีดฟิลเลอร์มาแรงและน่าสนใจมากในปัจจุบัน
ว่าแต่ก่อนจะเริ่มต้นไปฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรที่เราต้องรู้ก่อนไหมนะ? แล้วฟิลเลอร์มีดีอย่างไร ทำไมใคร ๆ ถึงแนะนำให้ฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา ฉีดฟิลเลอร์ปาก แตกต่างกันไหม ช่วยเรื่องอะไร? วันนี้ไปหาคำตอบก่อนฉีดกับ แรบบิท แคร์ กันดีกว่า!
รู้จักให้มากขึ้นก่อนฉีด ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร? มีอะไรที่เราต้องรู้บ้าง?
ฟิลเลอร์ (Filler) คือ นวัตกรรมเสริมความงามด้วยการฉีดสารเติมเต็ม ที่เรียกว่า HA หรือ ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เพื่อเข้าไปทดแทนและเติมเต็มเส้นใยคอลลาเจนใต้ผิวที่เสื่อมสลาย
ซึ่งเจ้า ไฮยาลูโรนิค แอซิด นี้ เดิมเป็นกรดที่ร่างกายสร้างขึ้นมาได้เองตามธรรมชาติ ถูกสร้างขึ้นระหว่างบริเวณผิวชั้นล่าง หรือชั้นหนังแท้และผิวชั้นบน หรือชั้นหนังกำพร้าที่เชื่อมต่อกัน โดยจะกระจายตัวอยู่ทั่ว เป็นตัวช่วยที่ทำให้คอลลาเจนและอิลาสตินทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่งผลต่อความสดใสเปล่งปลั่งของผิว ช่วยในการกักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิว รวมถึงช่วยลดการเสียดสีและเพิ่มความยืดหยุ่นของอวัยวะกับเซลล์อีกด้วย
แต่เมื่อคนเรามีอายุถึงมากขึ้น หรืออายุ 30 ปีขึ้นไป ร่างกายจะเริ่มผลิตสารดั่งกล่าวน้อยลง สังเกตได้จาก ริ้วรอย ร่องลึก ความหย่อนคล้อยบนใบหน้า เนื่องมาจากใต้ผิวเริ่มสูญเสียความชุ่มชื้นไป มนุษย์จึงได้มีการคิดค้นกรดไฮยาลูโรนิคสังเคราะห์ขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเรื่องริ้วรอยต่าง ๆ ขึ้น
โดยกรดไฮยาลูโรนิคสังเคราะห์เหล่านี้ จัดอยู่ในประเภทของสารที่มีความปลอดภัยต่อร่างกายสูง เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับไฮยาลูโรนิค แอซิดที่ร่างกายของเราผลิต และสามารถสลายไม่เป็นสารเคมีตกค้างได้เองอีกด้วย
ในวงการเสริมความงามจึงนิยมนำไฮยาลูโรนิก แอซิด มาใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งแบ่งได้ 2 ประเภทหลัก ๆ ที่สามารถพบบ่อยในชีวิตประจำวัน คือ
- การนำมาผสมในครีมบำรุงและเซรั่มต่าง ๆ ซึ่งเราจะเห็นได้จากผลิตภัณฑ์บางชนิดที่มีการเขียนถึงกรด HA เอาไว้ ไม่เห็นผลชัดเจน แต่เป็นการบำรุงรักษาผิวหน้าในระยะยาว
- การฉีดสู่ใต้ผิวโดยตรงด้วยฟิลเลอร์ เป็นการเติมปริมาณสาร HA เข้าสู่ให้ผิวโดยตรง เห็นผลได้ชัด ช่วยพยุงโครงหน้าให้เกิดการยกกระชับหน้าให้กลับมาดูอิ่มเอิบ เพิ่มความยืดหยุ่น เติมร่องริ้วรอยลึกให้ตื้นขึ้นให้แลดูอ่อนกว่าวัย
ซึ่งผลลัพธ์ของฟิลเลอร์นั้นจะเห็นได้ทันทีหลังฉีด และจะสมบูรณ์เต็มที่เมื่อผ่านไปครบ 2 สัปดาห์ ซึ่งระยะเวลาการคงอยู่ของฟิลเลอร์จะยาวนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดด้วย และยี่ห้อของฟิลเลอร์ต่าง ๆ เอง ก็ส่งผลเช่นกัน โดยเฉลี่ยแล้ว การฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานถึง 4 เดือน – 2 ปี ซึ่งก็จะผกผันกับราคา ยี่ห้อฟิลเลอร์ ชนิดของฟิลเลอร์นั้น ๆ ด้วย
สรุปแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ คือ การเติมสารไฮยาลูโรนิค แอซิดที่ร่างกายขาดหายไปให้กลับมาเติมเต็ม สามารถฉีดได้ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง
โดยการฉีดฟิลเลอร์เองก็มีอยู่หลากหลายชนิด ขึ้นอยู่กับการแก้ปัญหาต่าง ๆ บนใบหน้าที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการจะศัลยกรรมนั่นเอง
อยากฉีดฟิลเลอร์ ควรเลือกฉีดจุดไหนดี?
อย่างที่เราได้บอกไป การฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละจุดบนใบหน้าช่วยในเรื่องต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน โดยการฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละครั้งจะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 15-30 นาที ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ในจุดต่าง ๆ จะช่วยได้ ดังนี้
- คาง
ฉีดฟิลเลอร์ที่คางจะช่วยแก้ปัญหาคางสั้น คางตัด ที่ทำให้ใบหน้าดูกลม ไม่มีมิติ ช่วยให้รูปหน้าจะดูเรียว V-shape ได้สัดส่วนที่ดีมากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการศัลยกรรมผ่าตัดคาง
- ปาก
ช่วยแก้ปัญหาปากบาง ปากไม่มีกระจับ ปากไม่เป็นทรง หลังจากฉีดฟิลเลอร์ปากจะช่วยให้ปากดูอวบอิ่มมากขึ้น กระจับชัด มุมปากยก ใบหน้าดูหวาน และช่วยให้ยิ้มมีเสน่ห์มากขึ้นด้วย
- ใต้ตา
ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้น หรือปัจจัยต่าง ๆ ในการใช้ชีวิต เช่น การนอนดึก หรือการเป็นภูมิแพ้ เป็นสาเหตุทำให้กระดูกใต้ตายุบตัวลง เนื้อบริเวณใต้ตาจะมีความหย่อนคล้อย ความหมองคล้ำ หน้าโทรมดูเหนื่อย หากเลือกฟิลเลอร์ใต้ตา จะช่วยให้หน้าดูสดใส ลดวัย และเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ใต้ตาดูสดใสขึ้นมาด้วย
- ขมับ
ส่วนของขมับตอบเป็นสาเหตุทำให้หน้าดูแก่ ดูโทรม โดยการฉีดฟิลเลอร์ตรงส่วนนี้ จะช่วยเรื่องสัดส่วนของรูปหน้าให้ดูหวานละมุนขึ้น เพราะฟิลเลอร์ที่เข้าไปเติมเต็มจะทำให้โหนกแก้มที่เด่นดูเหมือนยุบลง เหมาะสำหรับใครที่เชื่อในเรื่องจุดเสริมโหงวเฮ้ง
- ร่องแก้ม
ร่องแก้มลึกมีรอยพับ แก้มห้อยย้อย เป็นสาเหตุทำให้เราดูแก่กว่าวัย ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มนั้นจะช่วยแก้ปัญหาดั่งกล่าวได้ เพราะจะช่วยปรับให้ใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ ไม่โทรม แถมยังได้หน้าชุ่นชื้น ดูเรียบเนียนอีกด้วย
- แก้มส้ม
หากมีปัญหาหน้าแบน ไม่มีแก้ม หน้าไม่มีมิติ การเลือกฉีดฟิลเลอร์บริเวณหน้าแก้ม จะช่วยปรับเปลี่ยนจุดกระทบของแสงที่ตกลงบริเวณโหนกแก้ม เปลี่ยนมาตกกระทบลงที่หน้าแก้มหรือครึ่งกลางตา ช่วยให้หน้าดูละมุน มีมิติ นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาาผิวหย่อนคล้อย เกิดร่องลึกใต้ตา ร่องแก้ม ได้
- แก้มตอบ
แก้มตอบเป็นภาวะที่แก้มมีบริเวณที่ยุบลงไปเป็นแอ่งเล็ก ๆ บนใบหน้า ส่งผลให้ใบหน้าแลดูโทรม ไม่สดใส และดูมีอายุเกินกว่าวัย การฉีดฟิลเลอร์เข้าไป จะช่วยแก้ปัญหาให้ใบหน้าเราดูเอิบอิ่ม สดใส ผิวไม่หย่อนคล้อย แถมช่วยลดความเด่นของโหนกแก้มได้อีกด้วย
- กรอบหน้า
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ตามกรอบหน้า จะช่วยเรื่องกระชับผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณกรอบหน้าให้กลับมาดูเต่งตึง มีกรอบหน้าชัด ได้สัดส่วนที่ดีขึ้น
- ผิวหน้า
หากมีปัญหาผิวหน้าโทรม ผิวขาดน้ำ หน้าไม่มีมิติ ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ลงผิวหน้า เพราะจะช่วยให้ผิวโกลด์ ฉ่ำวาว ใบหน้าจะดูเปล่งประกาย ผิวดูอิ่มน้ำ สุขภาพดี
ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์นี่ ควรเลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เท่านั้น เพราะการฉีดฟิลเลอร์ หรือทำหัตถการใดบนใบหน้า นอกจากจะต้องมีความรู้เรื่องชั้นผิวแต่ละชั้นผิวที่ต้องฉีดแล้ว ยังต้องมีความรู้ถึงบริเวณที่ห้ามฉีดอีกด้วย ซึ่งบริเวณที่ห้ามฉีดเหล่านี้หากเกิดปัญหาอาจทำให้ตาบอดหรือเสียชีวิตได้!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การฉีดฟิลเลอร์ส่วนของ จมูก, หน้าผาก หรือรอบดวงตา เพราะเป็นบริเวณที่มีแขนงเส้นเลือดแดงจำนวนมากอยู่ หากพลาด ฟิลเลอร์อาจเข้าไปอุดตันแขนงเส้นเลือดแดงที่ไหลไปหล่อเลี้ยงดวงตา ส่งผลข้างเคียงถึงการมองเห็น ไปจนถึงขั้นตาบอดได้
นอกจากนี้ ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ที่มีส่วนประกอบของไฮยาลูโรนิคแอซิด และได้รับการรับรองจาก อย.ไทยเท่านั้น เพราะนอกจากจะสามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดสารตกค้าง ยังช่วยลดปัญหาการเกิดเป็นก้อนเป็นลำ เบี้ยวผิดรูป เพราะหากฉีดฟิลเลอร์ไม่แท้ คุณอาจต้องลำบาก เพราะฟิลเลอร์ไม่แท้ ไม่มีคุณภาพจะไม่มีการสลายไปเองตามธรรมชาติแล้ว ยังเสี่ยงเป็นก้อนลำ หากจะเอาออกจะต้องผ่าตัดขูดออกเท่านั้นอีกด้วย
ดังนั้น จึงต้องคิดให้ถี่ถ้วน ขอคำปรึกษา ประเมินเรื่องฟิลเลอร์ต่าง ๆ ว่าจุดใดปลอดภัย และเหมาะสมกับการแก้ปัญหาของตน และควรเลือกแพทย์ที่เชี่ยวชาญในด้านนี้ด้วย
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง?
หลังจากเลือกคลีนิคและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้แล้ว การเตรียมตัวก่อนไปฉีดฟิลเลอร์เองก็เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยคุณควรเตรียมตัว ดังนี้
- ก่อนเข้าฉีดฟิลเลอร์ สุขภาพร่างกายควรอยู่ในสภาพปกติดี ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง ไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
- ควรหยุดการใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยากลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDS ได้แก่ Ibruprofen, Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพื่อป้องการอาการฟกช้ำ ในกรณีที่มียาประจำโรคที่ต้องทานประจำ ไม่มั่นใจว่าจะเข้าข่ายข้อห้ามหรือไม่ แนะนำให้ขอคำปรึกษาจากแพทย์และแจ้งก่อนเสมอ
- งดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม ใบแปะก๊วย เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วัน ก่อนการฉีด
- ก่อนมาเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ 24 ชั่วโมง ควรงดอาหารหมักดอง เนื่องจากอาจไปกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้เลือดแข็งตัวช้า ในระหว่างฉีดฟิลเลอร์ คนไข้อาจจะเลือดไหลไม่หยุดได้และเสี่ยงต่ออาการช้ำหลังฉีดอีกด้วย
- หากเป็นไปได้ในวันฉีดควรล้างเครื่องสำอางหรือทำความสะอาดใบหน้าก่อนพบแพทย์เพื่อฉีดฟิลเลอร์
ต้องดูแลตัวเองอย่างไร หลังฉีดฟิลเลอร์?
หลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้ว เบื้องต้นจะมีคำแนะนำของแพทย์ในเรื่องการดูแลหลังการฉีด โดยภายใน 2 สัปดาห์ ควรที่จะดูแลดังนี้
- หลังฉีดจะรู้สึกว่าฟิลเลอร์เป็นก้อน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการฉีดฟิลเลอร์ ห้ามปั้น นวด คลึงเอง เพราะอาจจะทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นตามที่ต้องการ
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ เป็นเวลา 3-7 วัน
- ควรดื่มน้ำเปล่าให้มากกว่าปกติ เพราะจะช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานมากขึ้น โดยเฉพาะใน 3 วันแรกหลังฉีดไปจนถึง 2 สัปดาห์หลังฉีด
- งดการออกกำลังกายหนัก ๆ รวมถึงการให้ใบหน้าโดนความร้อนโดยตรง เช่น การอบซาวน่า, แช่น้ำอุ่น การนวดหน้าด้วยความร้อน เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- งดการบีบ นวด กด ใบหน้าแรง ๆ โดยเฉพาะบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ไปจะทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ไปผิดรูปได้ ทั้งนี้การปั้นฟิลเลอร์นั้นจะมีเพียงแพทย์ที่ทำการฉีดเป็นผู้ปั้นทรงให้ได้เท่านั้น
- งดเท้าคางในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์คาง
แล้วแบบนี้ ฉีดฟิลเลอร์กับโบท็อกซ์เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรนะ?
สำหรับความแตกต่างระหว่างโบท็อกซ์ (Botox) และฟิลเลอร์จะแตกต่างกันที่ระบบการทำงานของสารดั่งกล่าว โดยโบท็อกซ์จะช่วยในการลดขนาดกล้ามเนื้อให้เล็กลง และช่วยคลายกล้ามเนื้อที่หดย่นให้กลับมาเรียบเนียนตึงได้อีกครั้ง ไม่จำกัดว่าต้องฉีดที่ใบหน้าอย่างเดียว เช่น ลดกราม, ลดน่อง, ลดริ้วรอยย่นบริเวณหน้าผาก ตีนกา หางตา ระหว่างคิ้ว เป็นต้น
ในขณะที่การฉีดฟิลเลอร์จะเน้นเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไปให้ดูสมส่วนและมีมิติยิ่งขึ้น และส่วนมากนิยมฉีดที่ส่วนของใบหน้าเป็นหลัก เช่น ฉีดฟิลเลอร์ปาก หรือฟิลเลอร์ใต้ตา
ดังนั้นใครที่สนใจ แต่ไม่รู้จะเลือกอย่างไร ขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมแจ้งความต้องการ ทางแพทย์จะช่วยแนะนำในการเลือกฉีดให้คุณได้อย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่าจะเลือกฉีดแบบไหน การใช้เงินก้อนโตในการเสริมความงามอาจจะไม่สะดวกเท่าไร ต้องนี่เลย! บัตรเครดิต จาก แรบบิท แคร์ ที่นี้นอกจากจะมีบัตรเครดิตที่สมัครง่ายแล้ว ยังมีบัตรที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมโปรโมชั่นเด็ดๆ อีกมากมาย เช่น ผ่อน 0% ยาวนาน 10 เดือน สำหรับคลีนิคเสริมความงามต่าง ๆ ที่ช่วยให้คุณดูดีได้โดยไม่ต้องรอ! หรือจะบัตรกดเงินสดพร้อมดอกเบี้ยเบา ๆ ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ
เพราะทุกความดูดี เราสร้างได้เอง การดูแลตัวเองในแบบที่เราต้องการไม่ใช่เรื่องผิด หากเป็นสิ่งที่ใจเราต้องการจริง ๆ แรบบิท แคร์ ก็พร้อมช่วยคุณเสมอ คลิกเลย!
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct