เตรียมบัตรเครดิตไปเที่ยวต่างประเทศยังไงให้ราบรื่น ไม่หมดสนุก!
จากมาตราการผ่อนคลายในหลาย ๆ ประเทศที่เริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าประเทศนั้น ทำให้หลายคนวางแผนเที่ยวโลกกว้าง แต่นอกเหนือจากเรื่องเอกสารต่าง ๆ ที่ใช้เดินทางไปต่างประเทศแล้ว สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามอีกอย่าง ก็คือ บัตรเครดิต นี่แหละ!
รู้หรือไม่ว่าถ้าต้องเดินทางไปต่างประเทศ และยังไม่ได้ดำเนินการเรื่องบัตรเครดิต บัตรดังกล่าวจะไม่สามารถรูดใช้งานได้ ซึ่งเป็นปัญหาต่อการเที่ยวของเราแน่ ว่าแต่จะต้องเดินเรื่องแบบไหน เตรียมบัตรเครดิตอย่างไร และเลือกบัตรเครดิต อะไรดี ถึงจะเหมาะกับการไปเที่ยวต่างประเทศ วันนี้ แรบบิท แคร์ มีคำตอบ!
เรื่องน่ารู้ ก่อนนำบัตรเครดิตไปเที่ยวต่างประเทศ
เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมเราจะต้องแจ้งเรื่องให้ทางธนาคารก่อนการนำบัตรเครดิตไปใช้ไกลถึงต่างประเทศกัน บอกได้เลยว่าเรื่องนี้มีมีเหตุผล!
เบื้องต้นแล้ว หากต้องเดินทางไปต่างประเทศ ประเมินแล้วว่าต้องใช้งานบัตรเครดิต ให้โทรแจ้งทางธนาคารที่ออกบัตรเครดิตได้เลย เพราะหากไม่ได้แจ้งไว้และบัตรมีการใช้งาน ทางสถาบันการเงินอาจมองว่าเป็นการใช้งานที่ผิดปกติ และเพื่อป้องกันผลประโยชน์และความปลอดภัยของลูกค้า ทำให้เกิดการระงับบัตรเครดิตของเราได้
นอกจากนี้ อย่าลืมตรวจสอบกับทางบริษัทให้แน่ใจว่าบัตรนั้นสามารถนำไปใช้ที่ประเทศที่คุณกำลังจะเดินทางไปได้ เพราะบางบัตรอาจใช้งานไม่ในบางประเทศ โดยเราขอแนะนำว่า ควรเป็นบัตรเครดิตประเภท VISA หรือ MasterCard เนื่องจากเป็นที่นิยมใช้งานทั่วโลก และใช้เป็นบัตรผ่อนสินค้าได้
ส่วนใครที่มีบัตรเครดิต JCB ก็ไม่ต้องน้อยใจไป เพราะบัตรประเภทนี้ก็สามารถใช้งานได้ในหลาย ๆ ประเทศเช่นกัน และหากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในโซนเอเชียเป็นพิเศษ บอกได้เลยว่าบัตรเครดิต JCB นี้ใช้งานสบายได้ไม่ต่างจาก VISA หรือ MasterCard เลยล่ะ!
นอกจากนี้ สิ่งที่คุณไม่ควรมองข้ามคือ ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของบัตรเครดิตที่รูดจ่ายในต่างประเทศ ซึ่งเจ้าค่าธรรมเนียมเวลาที่เราไปรูดบัตรเครดิตที่ต่างประเทศนี้ เรียกว่า “ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน” หรือ “ค่าธรรมเนียมแลกเงิน”
โดยทั่วไปแล้ว ทางสถาบันการเงินจะคิดค่าธรรมเนียมราว ๆ 2 – 2.5% ของยอดเงินที่เราใช้จ่าย เพราะธนาคารต้องมีการป้องกันความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลานั่นเอง และหากเราไม่ได้เลือกบัตรเครดิตที่ให้ค่าความเสี่ยงให้ดี อาจทำให้เราเสียเงินมากเกินไปโดยใช่เหตุ
เช่น รูดซื้อสินค้าที่ต่างประเทศไปทั้งหมด รวมเป็นเงินไทยแล้ว 10,000 บาท ให้เรานำยอดเงินที่ซื้อของนี้ มาคูณกับค่าความเสี่ยง แล้วบวกกับยอดเงินอีกครั้ง ก็จะได้ค่าความเสี่ยงคร่าว ๆ
- บัตรเครดิต A มีค่าความเสี่ยงอยู่ที่ 2% เมื่อรวมกับค่าความเสี่ยงแล้ว ยอดเงินที่ต้องจ่ายจริง คือ 10,200 บาท
- แต่ถ้าเราใช้บัตรเครดิต B ที่ให้ค่าความเสี่ยงอยู่ที่ 2.5% เมื่อรวมกับค่าความเสี่ยงแล้ว ยอดเงินที่ต้องจ่ายจริง คือ 10,250 บาท
จะเห็นได้ว่าทั้งสองบัตรเครดิตต้องจ่ายเงินค่าของที่เรารูดซื้อไปแตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อความคุ้มค่า ก่อนเดินทางอย่าลืมเช็กด้วยว่าค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินของบัตรเครดิตขึ้นลงแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน และถ้ายิ่งคุณมีบัตรเครดิตในมือหลายใบ อย่าลืมนำมาเปรียบเทียบว่าบัตรผ่อนสินค้าไหนคุ้มค่าที่สุด มีโปรโมชั่นส่งเสริมช่วยให้คุณเดินทางท่องเที่ยวได้สะดวกสบายหรือไม่ประกอบด้วย จะช่วยให้การเดินทางในต่างประเทศครั้งไหน ๆ ก็ราบรื่นได้อย่างแน่นอน
แล้วแบบนี้ถ้าเป็นบัตรอื่น ๆ จะสามารถนำไปใช้งานได้ไหมนะ?
หลายคนอาจจะมีบัตรเครดิตเพียงแค่ใบเดียว แต่กลัวว่าวงเงินจะไม่เพียงพอแม้จะขอวงเงินบัตรเครดิตเพิ่มแล้วก็ตาม แบบนี้จะมีบัตรอื่น ๆ ใช้งานแทนได้ไหม แรบบิท แคร์ บอกเลยว่ามีโดยบัตร หรือวิธีอื่น ๆ ที่เหมาะกับไปเที่ยวต่างประเทศ มีดังนี้
- บัตรเดบิต
หากเป็นบัตรเดบิตที่มีสัญลักษณ์ PLUS และ VISA หรือ MasterCard ก็สามารถนำไปใช้ในต่างประเทศได้ไม่แตกต่างจากบัตรเครดิต เพียงแต่วงเงินในการรูดจ่ายจะมาจากจำนวนเงินในบัญชีออมทรัพย์ของบัตรเดบิตนั้น ๆ แทน เมื่อมีการถอนเกิดขึ้นเงินจะถูกหักจากบัญชีในประเทศไทยโดยอัตโนมัติ แต่ทั้งนี้ต้องมีการแจ้งทางสถาบันการเงินก่อนนำไปใช้งานเสมอเช่นเดียวกับการนำบัตรเครดิตไปใช้ในต่างประเทศ
หรือสำหรับใครที่จะกดเงินสด ก็สามารถนำเงินสดดั่งกล่าวไปแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินประเทศนั้น ๆ ได้ โดยค่าธรรมเนียมในการกดเงินจากต่างประเทศแต่ละครั้งอยู่ที่ประมาณ 100 บาท บางประเทศอาจมีการเก็บค่า Withdrawal fees เพิ่มนอกเหนือจากค่าธรรมเนียมที่ธนาคารในประเทศไทยเรียกเก็บ
ทั้งนี้ มีข้อจำกัดว่าจะสามารถเบิกเงินสดได้สูงสุด 100,000 บาท/บัตร/วัน โดยสามารถเบิกเงินจากตู้เอทีเอ็มได้สูงสุดไม่เกินวันละ 10 ครั้ง เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยให้เจ้าของบัตรนั่นเอง
โดยพื้นฐานแล้วสามารถนำไปใช้งานที่ต่างประเทศได้เช่นเดียวกัน หากมีสัญลักษณ์ของ Mastercard หรือ Visa เพียงแต่ต้องดำเนินการ แจ้งทางสถาบันการเงินให้ทราบก่อนนำไปใช้งานที่ต่างประเทศเสมอ โดยหลักการของบัตรกดเงินสดนั่น จะไม่ใช่การรูดจ่ายเหมือนบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต แต่จะเน้นไปที่การกดเงินสดฉุกเฉิน ในกรณีที่บางพื้นที่ไม่รับการรูดจ่ายด้วยบัตรนั่นเอง
โดยสรุปแล้ว คุณสามารถใช้งานบัตรอื่น ๆ ได้นอกเหนือจากบัตรเครดิตเที่ยวต่างประเทศ เพียงแต่ต้องแจ้งทางสถาบันการเงินทุกครั้ง นอกจากนี้ แต่ละบัตรจะมีวงเงินในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป แต่หากต้องการการท่องเที่ยวที่ไม่สะดุด บัตรเครดิตจะตอบโจทย์ เพราะวงเงินสูง บัตรผ่อนสินค้า หรือผ่อนจ่ายค่าตั๋ว บริการงานต่าง ๆ ได้
แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าคุณจะมีบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัตรกดเงินสดมากมายยังไง อย่าลืมเตรียมพร้อมรับมือกับการเที่ยวในต่างแดนด้วยการพกเงินสดติดตัวไว้เสมอ เพราะในบางประเทศ หรือบางร้านค้าอาจปฎิเสธไม่รับการจ่ายด้วยบัตรทุกรูปแบบ หากไม่อยากเกิดปัญหา แรบบิท แคร์ ขอแนะนำว่า ให้แลกเงินสดติดกระเป๋าเอาไว้ เผื่อกรณีฉุกเฉินเสียหน่อยก็ไม่เสียหาย นอกจากนี้การแลกเงินเป็นเงินสดส่วนใหญ่จะได้เรตเงินที่ดีกว่าด้วย
สำหรับใครที่ไม่รู้จะเลือกบัตรเครดิต อะไรดีไว้ท่องเที่ยวสักใบ ต้องที่นี้เลย! เพียงสมัครบัตรเครดิต JCB กับ แรบบิท แคร์
นอกจากสมัครง่ายแล้ว ยังมีหลากหลายบัตรเครดิตให้เลือก หรือเปรียบเทียบบัตรเครดิตให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น บัตรเครดิตสำหรับสายเที่ยว บัตรผ่อนสินค้าสำหรับสายช้อป หรือแม้แต่สายบัตรเครดิตสะสมแต้ม ที่นี้ก็มีพร้อมให้คุณเลือก หรือจะบัตรกดเงินสด แรบบิท แคร์ ก็พร้อมรวบรวมข้อมูลให้คุณได้เลือกสรร!
บทความที่เกี่ยวข้อง
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct